ผบ.ทบ.ฮึ่ม “ตอบโจทย์” ไม่เหมาะเสนอบทวิพากษ์สถาบัน ซัดไร้สาระมานั่งแก้ ม.112 อัดไม่น่าเกิดบนแผ่นดินไทย ไล่ส่งออกนอกประเทศ จวกคิดแค่นี้อย่าเป็นดอกเตอร์ เตือนอย่าลืมรากเหง้าตัวเอง วอนหยุดทำลายสถาบันเพื่อก้าวสู่ระบอบอนาธิปไตย ยันคนส่วนใหญ่ยังรักในหลวง ลั่นสถาบันไม่ได้เอี่ยวปฏิวัติ ไม่เคยทำร้ายประชาชน ไม่เคยแบ่งแยกสี ไม่ใช่ศัตรูของใคร เผยทรงอดทนไม่ตอบโต้ ชี้ขบวนการล้มสถาบันมีมาตั้งแต่ปี 2475
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รายการ “ตอบโจทย์ประเทศไทย” ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ตอน “สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ” ได้มีการแสดงความคิดเห็นของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปสถาบัน ว่า เราเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงเป็นจอมทัพไทย ตนเข้าใจสถานการณ์ของประเทศวันนี้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร การเสนอรายการเป็นสิทธิของสื่อและผู้จัดรายการที่กระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ กรณีดังกล่าวตนไม่กล้าจะกล่าวว่าผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ แต่ในความรู้สึกตนและทหารอีก 2 แสนกว่านายเห็นว่ายังไม่น่าเหมาะสมที่จะนำเรื่องพวกนี้มาพูดกันในเวลานี้ เพราะเป็นเวลาแห่งความขัดแย้ง และเป็นเวลาที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่จะต้องแก้ไข โดยเฉพาะคนที่มาพูดเป็นถึงครูอาจารย์ของคนทั้งประเทศ ประเทศชาติจะไปข้างหน้าได้ต้องมีครูอาจารย์ที่ดี และการสอนให้คนเป็นคนดี สำคัญกว่าจะสอนให้มาแก้กฎหมายโน้นกฎหมายนี้
“การที่บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ เราไม่ได้เกิดมาจากหลอดแก้ว สิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวให้คนกับแผ่นดินอยู่ด้วยกันจำเป็นต้องมีสถาบัน ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็จริง แต่อดีตเป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งวันนี้ท่านทรงลดฐานะของพระองค์เองมาอยู่ในภายใต้รัฐธรรมนูญ สถาบันพระมหากษัตริย์หรือพระองค์ท่านทรงอ่อนแอ ไม่สามารถปกป้องพระองค์เองได้ จึงต้องมีกฎหมายฉบับหนึ่งออกมาเพื่อปกป้องพระองค์ท่าน ซึ่ง 200-300 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่อง แต่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น การที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าไม่จำเป็นต้องทิ้งประวัติศาสตร์ หรือต้องทิ้งทุกอย่างให้หมด สถาบันต้องมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำไมเราต้องทำลายให้หมดสิ้น เพื่อจะก้าวไปสู่ระบอบอนาธิปไตย อยากให้ทุกคนทบทวนว่า สิ่งที่เสนอไปนั้น ดีหรือไม่ ผิดหรือถูก คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ทั้ง 60 ล้านคนไม่ได้คิดอย่างนั้น การที่คนไม่กี่คน ออกมาพูดแล้วทำให้คน 60 ล้านคนเปลี่ยนแปลงคงเป็นไปไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สถาบันไม่เคยทำร้ายประชาชน มีแต่ทรงห่วงใยประชาชนของท่าน ตนอยู่มา 60 ปีได้เข้าเฝ้าฯ ถวายงานหลายครั้ง มีแต่รับสั่งว่าให้นำสิ่งที่ท่านได้จากประชาชนมอบกลับไปให้ประชาชนให้หมด ทั้งนี้ยอมรับว่าทหารรู้สึกอึดอัดแน่นอน แต่ยอมรับว่าเป็นเรื่องของยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลง หน้าที่ตนคือทำอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย เมื่อท่านรู้ว่ามาตราดังกล่าวทำแล้วจะถูกดำเนินคดี ท่านก็อย่าทำ ตนไม่รู้ว่าคนพวกนี้สมองเขาคิดอะไรอยู่ เมื่อประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยก็ต้องเคารพกระบวนการประชาธิปไตย วันนี้คนส่วนใหญ่ยังอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังเคารพนับถือและชื่นชม เราอย่าไปให้ความสำคัญคนส่วนน้อย ส่วนคนเหล่านี้จะมีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ต้องมีอะไรสักอย่าง ซึ่งขบวนการเหล่านี้มีมาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 คนเหล่านี้ไม่คิดเรื่องประวัติศาสตร์ และจะให้ไปคาดหวังกับอนาคตอย่างไร ควรเลิกพูดเรื่องราวเสียหายในเรื่องที่ไม่จริง คนบางคนยังไม่เคยเข้าเฝ้าฯ หรืออยู่ใกล้พระองค์ท่าน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าท่านทำอะไรผิด พูดเป็นตุเป็นตะเป็นเรื่องเป็นราว เพราะฟังเขามาทั้งนั้น
“ไปต่างประเทศมาก็อยากเป็นเหมือนประเทศนั้น แต่นี่คือประเทศไทย ถ้าท่านคิดว่าอยู่เมืองไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีมาตราอะไรก็แล้วแต่ แล้วทำให้อึดอัด ท่านก็ไปหาที่อื่นอยู่แล้วกัน ที่ไหนก็ได้ที่คิดว่าอยู่แล้วสบายใจ เพราะคนส่วนใหญ่ยังอยู่ได้และไม่ได้อึดอัด ผมอึดอัดอย่างเดียวว่าพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาขนาดนี้ พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนแจ้งความ ท่านมีแต่บอกว่าให้อภัยคนเหล่านั้น ผมไม่เข้าใจว่าเขามีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่นหรือไม่ ถ้าใครคิดว่าสถาบันไม่มีประโยชน์กับประเทศไทย คิดว่าคนพวกนี้คงไม่น่าจะเกิดจากที่นี่ เขาอาจเกิดเมืองไทยแต่ไปเรียนรู้จากที่อื่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงเคยแข่งขันกับใคร ไม่เคยแข่งกับรัฐบาลหรือไม่เคยไปว่าใคร ท่านไม่ได้คาดหวังว่าให้ประชาชนมารักพระองค์ท่านมากกว่ารักรัฐบาล ท่านหวังเพียงจะสร้างประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้าง” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า สาเหตุเนื่องมาจากการปฏิวัติเมื่อปี 2549 ทำให้สถาบันถูกแตะต้องมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาเข้าใจอย่างนั้นว่าสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่การปฏิวัติเกิดมากี่ครั้งแล้ว ท่านทรงรู้ว่าต้องกำหนดบทบาทของพระองค์อย่างไร เมื่อไรที่เกิดความขัดแย้ง ท่านต้องทำให้ทุกอย่างบรรเทาเบาบางลงไป ทุกอย่างที่ท่านทรงลงพระปรมาภิไธย ท่านลงภายใต้กฎหมายทั้งสิ้น เมื่อเสนอไปก็ลงพระปรมาภิไทยจึงเรียกว่าประชาธิปไตยภายใต้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เมื่อมีการปฏิวัติ กฎหมายก็ยังไม่ได้ยกเลิก เมื่อยังมีอยู่ พระองค์ท่านก็ต้องทรงลงพระปรมาภิไทย อย่าไปมองว่าทำไมท่านต้องลงนามแต่อยู่ที่คนทำขึ้นไป ต่อไปนี้ต้องระมัดระวังอย่าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย ควรแยกแยะให้ออกว่าการมีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายคืออะไร ไปตีความให้ดีก่อนจะไปถึงประชาธิปไตย ถ้ายังตีความไม่ออกว่ามีสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วประชาธิปไตยไปไม่ได้ คิดว่าอย่างนี้สอบตก ไม่ต้องไปเป็นดอกเตอร์
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรขณะดูรายการตอบโจทย์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้เกลียดชังใคร เพียงแต่รู้สึกว่าเห็นใจเขา คือเขาคิดไม่ออก ที่ถามกันว่ามีข่าวลือก็ไปหาว่าใครลือ ลืออย่างไรแล้วมาถามตน ตนตอบได้หมด เพราะอยู่มาเกือบทุกสถานการณ์และตนยืนยันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วว่า สถาบันไม่เคยเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ท่านไม่เคยตอบโต้หรือออกอากาศมาพูดหรือให้ใครมาพูด พระองค์ท่านทรงอดทนและอดกลั้น เพราะทุกคนคือคนไทยไม่ว่าจะสีใดก็ตาม คือพสกนิกรของพระองค์ท่าน ท่านไม่เคยแยกแยะ เหมือนภาคใต้ เราเป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมต้องทะเลาะกันเอง ขอให้เลิกเถอะแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันดีกว่า
“การปกป้องสถาบันเป็นหน้าที่ เป็นความรู้สึก ผมเกิดมาในแผ่นดินของพระมหากษัตริย์ ผมบังคับใครไม่ได้ บังคับทหารทุกคนไม่ได้ ผมไม่ได้ไปรังเกียจคนมาพูด แต่คิดว่าสิ่งมาพูดมันไม่ใช่ และคนอีก 60 ล้านกว่าคนก็คิดว่าไม่ใช่ ถ้าขอได้ผมอยากขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ แต่คิดว่าคงขอไม่ได้ ถ้าขอไม่ได้ก็ต้องไปเตรียมต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย ควรไปแก้ปัญหาอื่นดีกว่า เช่น น้ำท่วม อาชีพ รายได้ การศึกษา ยาเสพติด การมานั่งแก้กฎหมายมาตรา 112 ผมว่าไร้สาระ ที่พูดมาทั้งหมด ผมไม่ได้ว่าเขาผิดหรือถูก แต่ใช้คำว่าควรหรือไม่ควร ใช่เวลาหรือไม่ ผมแค่แสดงความคิดเห็น ส่วนคนทั้งประเทศจะคิดแบบใครก็ไปคิดเอาเอง ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และพระองค์ท่านทรงรับสั่งอยู่แล้วว่าสถาบันไม่ใช่ศัตรูกับใคร ผมจะไม่สร้างศัตรู แต่ต้องให้เป็นความธรรมกับสถาบัน เพราะพระองค์ท่านทำคุณประโยชน์มาโดยตลอด แต่ถามว่าคนที่ออกมาพูดวันนี้ทำคุณประโยชน์อะไรให้เห็นหรือยัง วันนี้ทุกคนต้องอยู่ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน บ้านเมืองพัฒนาไป แต่เราอย่าลืมรากเหง้าของตัวเอง ถ้าคนเราลืมรากเหง้าตัวเอง อีกหน่อยประเทศนี้คงไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งนี้คนที่กระทำผิดท้ายที่สุด พระองค์ท่านก็พระราชทานอภัยโทษ แต่พอท่านอภัยโทษมันก็ทำอีก คนพวกนี้สมองมันไม่ใช่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว