นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีและภาคเอกชนไทยเยือนนิวซีแลนด์-ปาปัวนิวกินี หารือทวิภาคีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ด้านมหาวิทยาลัยในเมืองโอคแลนด์ เตรียมมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในฐานะเป็นผู้นำหญิงคนแรกของไทย
วันนี้ (21 มี.ค.) มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 21-24 มี.ค.ตามคำเชิญของนายจอห์น คีย์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และรัฐเอกราชปาปัวนิวกินี อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 24-25 มี.ค.ตามคำเชิญของนายปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ทั้งนี้มีรัฐมนตรีร่วมเดินไปด้วย อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ และผู้บริหารภาคเอกชนไทย
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และมีประเด็นหารือครอบคลุม การขยายความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ และการบริหารจัดการเกษตรและอาหาร การเจรจาการค้าภายใต้กรอบความตกลง TNZCEP การศึกษา การส่งเสริมแรงงานไทยนิวซีแลนด์ การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และประเด็นความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยจะเชิญนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 และร่วมกันผลักดันบทบาททั้งสองประเทศในเวทีระดับภูมิภาคภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ได้แก่ ASEAN EAS และ APEC รวมทั้งจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา และหนังสือแสดงเจตจำนงกรอบความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัย Auckland University of Technology (AUT) เมืองโอคแลนด์ จะมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่มีบทบาทโดดเด่น และเป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยที่มาจากการเลือกตั้งอีกด้วย
จากนั้น วันที่ 24-25 มี.ค.นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางเยือนรัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ซึ่งเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีไทย โดยวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อเปิดตลาดใหม่ของสินค้าอุปโภคบริโภคไทย ซึ่งปาปัวนิวกินีมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และเป็นประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 14 หมู่เกาะ แต่ยังขาดการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นโอกาสของภาคเอกชนไทย อีกทั้งนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ สร้างความเชื่อมั่นถึงเสถียรภาพด้านการเมืองและพลวัตรของเศรษฐกิจไทย รวมถึงบทบาทนำของไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาเซียน
โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการสำคัญ คือการเข้าเยี่ยมคารวะผู้สำเร็จราชการปาปัวนิวกินี และหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ซึ่งจะมีประเด็นการหารือครอบคลุมแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี การพัฒนาความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน พลังงาน และวิชาการ รวมทั้งความร่วมมือในกรอบพหุภาคี อีกทั้งจะร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความตกลง และบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ บันทึกความตกลงด้านความร่วมมือทางวิชาการ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือทวิภาคีระหว่างไทยและปาปัวนิวกินี และบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าไทยและปาปัวนิวกินี