รมว.กลาโหม ตัดพ้อคนยื่นแก้ รธน.มานานแล้ว ควรรีบแก้เสียที ไม่สน สมช.เตือน เม.ย. การเมืองคุกรุ่น ย้อนถามหากไม่เหมาะแก้วันนี้แล้ววันไหนเหมาะ โบ้ยสื่อตีข่าววิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ทำเรื่องบานปลาย เคืองคนว่าปูกู้เก่งกว่าหารายได้ รับรองกู้ 2 ล้านล้านคุ้มค่าแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 มี.ค. ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ออกรายการโทรทัศสาธารณะ ว่า ตนไม่อยากจะพูดถึงในเรื่องนี้เดี๋ยวจะแตกแยกไปกันอีก ไม่อยากให้พูดมากกัน ที่ผ่านมาก็มีคนพูดมากพออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนก็เป็นทหาร ก็มีหน้าที่ดูแลสถาบันฯ อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ พล.อ.อประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาระบุบว่าไม่ควรที่จะมาพูดถึงเรื่องสถาบันในขณะที่สังคมยังมีความขัดแย่งกันอยู่นั้น ตนว่ายิ่งสื่อยังกระพือข่าวก็ยิ่งไปกันใหญ่ อยากให้เฉยๆ และถือว่าเป็นความเห็นของ ผบ.ทบ. แต่ละคนก็มีมุมมองของแต่ละคน ถ้าเอาตนพูดถึงมุมมองตัวเองก็ยิ่งไปกันใหญ่ ส่วนแนวทางการปกป้องสถาบันฯ นั้น ในส่วนของกองทัพเป็นหน้าที่โดยตรงอยู่แล้วที่จะต้องปกป้องและเชิดชู ส่วนที่จะมีขบวนการล้มเจ้าจริงหรือไม่นั้นผมไม่ตอบ ทั้งนี้ ไม่อยากให้สื่อลงเรื่องนี้ทุกอย่างก็จบ เรื่องที่ละเอียดอ่อนเราอย่าไปลง ถ้าหากมีการลงข่าวก็เป็นอย่างนี้ แล้วจะยาวไปอีก 7 วัน ให้อยู่เฉยๆ ดีกว่าเรื่องก็จบไป
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ คนแก้ต้องมองแล้วว่าการแก้แล้วต้องดีขึ้น ต้องเข้าใจที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ร่วมถึงองค์กรต่างๆ ว่ามาอย่างไร จึงต้องทำวิธีการที่ได้มาของรัฐธรรมนูญให้ดี และถูกต้อง รวมถึงขอบเขตของกฎหมายที่กำหนดไว้ ตนมั่นใจว่าหากมีการแก้ไขก็ต้องทำให้ดีขึ้น ต้องปล่อยไปตามเกม ที่สำคัญเรามีเวทีในการพูดคุย ก็ควรที่จะให้น้ำหนักตรงนี้ เราไม่ควรมาตั้งแง่ว่ารัฐธรรมนูญเป็นเยี่ยงนี้แล้วไม่เอาด้วย เราต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ บางอย่างตนก็ไม่เห็นด้วย แต่ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ ต้องทำใจให้ได้ ส่วนจะต้องแก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับตนไม่ขอแสดงความเห็น ขอให้ดีขึ้นก็แล้วกัน คิดว่าเรื่องนี้จะทำกันมานานมากแล้ว ควรรีบทำกันเสียที บางคนมองว่ายังไม่เหมาะสม แล้วถามว่าเมื่อไรจะเหมาะ ในวันนี้มีคนริเริ่มก็ทำได้เลย แล้วทำความเข้าใจให้ตรงกัน ว่าจะต้องอยู่ในกรอบกติกาอย่างไร
เมื่อถามว่า คนที่ได้และเสียประโยชน์อาจจะไม่ยอม พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เราทำเพื่อคนส่วนใหญ่ ให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ส่วนกรณีที่ทาง พล.ท.ภารดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมาระบุบว่าให้เลื่อนการแก้ไข พ.ร.บ.ปรองดอง เพราะกลัวสถานการณ์เดือน เม.ย.จะคุกรุ่นนั้นเป็นเรื่องของทางเลขาฯ สมช. เป็นความคิดเห็นของเขา ถามว่าถ้าไม่แก้ตอนนี้แล้วจะแก้เมื่อไร เพราะมีการยื่นเรื่องมาแล้ว ถ้าทำได้ก็ทำ
เมื่อถามว่ารัฐบาลมีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ตนพูดในฐานะส่วนตัวไม่ใช้รัฐบาล เมื่อถามต่อว่า ได้เห็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้วหรือยัง พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ตนไม่ได้เป็น ส.ส. ส่วนจะโยงไปถึงเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้นคงจะมีคนดูแล อย่างไรก็ตาม การนิรโทษกรรมเราทำเพื่อคนส่วนมาก แต่ถ้าไปพุ่งเป้าเพียงคนคนเดียว ทำอย่างนั้นก็ไม่ถูก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า รมว.กลาโหมได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพี่สาวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 แทนนายเกษม นิมมลรัตน์ ที่ลาออกจากการเป็น ส.ส.เชียงใหม่ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อต้องการให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองว่า เรื่องดังกล่าวตนคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนตนก็ทำหน้าที่ของตน แต่มีหลายคนพยายามผูกโยงเรื่องต่างๆ จนเปรียบเสมือนเป็นการดรามา ดังนั้น ขอให้รับฟัง แต่ตนไม่ขอวิเคราะห์ ทั้งนี้ รัฐบาลชุดนี้เข้าทำงานมา 1 ปีกว่าอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่ได้เข้ามาแบบน่าเกลียดเหมือนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา โดยได้เข้ามาทำงานในช่วงเดือน ส.ค. ปี 2554 ก็เจอกับปัญหาน้ำท่วม ส่วนปี 2555 ก็ต้องดำเนินการฟื้นฟู และในช่วงต้นปี 2556 เรื่องการต่างประเทศ และการเงินการคลังดีขึ้น ทั้งหุ้น และอสังหาริมทรัพย์ นี่คือฝีมือของรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านก็ค้านทุกเรื่อง
“ใครจะเป็นก็ไม่ว่า ขอให้ส่งมอบหน้าที่กันให้ดี รัฐบาลชุดนี้นายกรัฐมนตรีก็เปลี่ยนคณะรัฐมนตรีมาหลายครั้งตามสิทธิของท่าน ซึ่งก็สามารถดำเนินการต่อมาได้ อย่างผมก็เปลี่ยนจาก รมว.คมนาคม มาเป็น รมว.กลาโหม ก็ทำต่อมาได้ อย่าดูเฉพาะคน เพราะมันหยุมหยิม ขอให้ดูภาพใหญ่และมั่นใจ ขนาดต่างชาติยังให้ความมั่นใจเข้ามาลงทุน แล้วเราจะไม่มั่นใจได้อย่างไร ต้องมั่นใจไม่ว่าใครมาเราก็ทำงานเต็มที่ อย่านำไปเป็นประเด็น” รมว.กลาโหมกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... โดยมีวงเงิน 2 ล้านล้านบาท พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้นออกเป็น พ.ร.บ.ชัดเจน สามารถตอบได้ และมีเป้าหมายเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ดำเนินการชัดเจนว่าจะทำอะไรและอย่างไร อย่างเช่นการทำถนนต้องทำใหม่ทั้งหมดทุกอย่าง ไม่ได้เพียงแค่ซ่อมอย่างเดียว ซึ่งตนคิดว่าคุ้มค่าแน่นอน สามารถรับรองได้ รวมถึงเชื่อว่าการกู้เงินเพื่อพัฒนาประเทศครั้งนี้จะเป็นตัวดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และคิดว่าจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดนี้ไปได้ครบเทอม เพราะรัฐบาลมีความคิดดี แม้ว่าจะมีตัวถ่วงมากไปหน่อย
เมื่อถามว่าแต่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลกู้เก่งมากกว่าหารายได้เข้าประเทศ พล.อ.อ.สุกำพลย้อนถามว่า แล้วกู้เอามาทำอะไร อย่าพูดแค่นี้ เพราะที่รัฐบาลกู้มาก็เพื่อต้องการทำให้ประเทศดีขึ้น ถ้าไม่กู้แล้วจะทำให้ประเทศดีขึ้นได้อย่างไร อีกทั้งการกู้เงินครั้งนี้ก็เปิดเผยชัดเจน
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.ภารดร พัฒนถาบุตร เลขา สมช.เดินทางไปเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ว่า การพูดคุยถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ตนอยากให้ดูว่าการพูดคุยเจรจาจะมีข้อยุติอย่างไร ซึ่งในสงครามคงไม่มีการมาพูดคุยเจรจาเพียง 7 วันแล้วรู้เรื่อง ยกเว้นแต่พ่ายแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขเขาจะเอากระดาษขาวมาให้เซ็นกันเลย วันนี้เรากำลังดำเนินการเจรจาพูดคุยอยู่เพื่อให้สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ดีขึ้น ซึ่งเขาก็ต้องเห็นด้วยกับเราที่มาพูดคุยด้วย วันนี้เรารู้จักคนนี้ ต่อๆ ไปก็จะรู้จักคนอื่นๆ เมื่อเรารู้ตัวกันแล้วก็น่าจะคุยกันรู้เรื่อง
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาระบุว่า สถานกาณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มอาร์เคเค ไม่ใช่ กลุ่มบีอาร์เอ็น นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อาร์เคเคเป็นชื่อกองกำลัง แต่ตัวใหญ่ที่ทำอยู่เป็นกลุ่มบีอาร์เอ็น โดยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็นจังหวัด และมีสายการบังคับบัญชา ซึ่งการคุยกันดีกว่าไม่คุยแล้วเขาจะมาขวางอะไรกันมากมาย เมื่อถามว่า คนที่พูดคุยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ก็ดีกว่าไม่คุย ค่อยๆ ว่ากันไป ซึ่งก็มีวิธีการอยู่ ถ้าคุยกันแล้วไม่รู้เรื่อง และไม่ทำตามวิธีการที่เราต้องการไม่ได้ก็เลิกคุย