xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริต” กับบทบาทศาลเตี้ยฟอกขาว-ทำลายฝ่ายตรงข้าม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธาริต เพ็งดิษฐ์
ผ่าประเด็นร้อน

หากจะกล่าวว่าคนอย่าง ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ฉลาดเป็นกรด เพราะสามารถประคองตัวดำรงตำแหน่งเดิมของตัวเองมาได้อย่างมั่นคง จนผิดความคาดหมายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่จากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นพรรคเพื่อไทยจากเดิมก่อนหน้านี้เคยเชื่อกันว่าตัวเขาจะต้องถูกโยกย้ายออกไปเป็นคนแรกและจะถูกตามล้างตามเช็ดชะตากรรมจะต้องหนักหนาสาหัสแน่นอน เมื่อพิจารณาจากบทบาทในสมัยรัฐบาลก่อนที่ส่งฟ้องแกนนำคนเสื้อแดงกราวรูด หนึ่งในนั้นก็มี ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นผู้ก่อการร้ายเบอร์หนึ่งรวมอยู่ด้วย

ที่สำคัญเขายังเคยถูกหมายหัวเอาไว้จาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในทุกเวทีปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยแทบทุกครั้ง ว่าหากเป็นรัฐบาลเมื่อไหร่จะต้องย้าย ธาริต ภายใน 24 ชั่วโมง แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างตรงกันข้าม รัฐบาลที่มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีและมี ทักษิณ กำกับดูแลใกล้ชิดผ่านมาเกือบ 2 แล้วเขาก็ยังทำหน้าที่อย่างมั่นคง มิหนำซ้ำฝ่ายที่ถูกไล่บี้กลับกลายเป็นฝ่ายประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้งมากับมือ ทำงานร่วมกันในภาวะวิกฤต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อปี 2554

แม้ว่านาทีนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าพฤติกรรมเท่าที่เห็นอยู่ในปัจจุบันจะมีเจตนาในบั้นปลายแบบใดกันแน่ เป็นแบบ “ลับ-ลวง-พราง” ให้จับทางไม่ถูกหรือไม่ก็ตาม หรือเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวในเรื่องการเอาตัวรอด แต่ภาพที่ปรากฏกับสังคมถือว่า ธาริต เพ็งดิษฐ์ ขาดความน่าเชื่อถือไปแล้ว รวมไปถึงส่งผลให้องค์กรอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย เจตนารมณ์ของการก่อตั้งถูกทำให้เข้าใจผิดเพี้ยนไปอย่างสิ้นเชิง

พฤติกรรมในการทำคดีสำคัญหลายคดีต่อเนื่องมาตั้งแต่คดี 93 ศพ ในเหตุการณ์จลาจลเผาเมืองปี 53 ต่อเนื่องมาหลายคดีไม่ว่าจะเป็นการพลิกกลับสั่งไม่ฟ้อง จตุพร พรหมพันธุ์ ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจากคำปราศรัยเรื่อง “กระสุนพระราชทาน” หรือยืนยันไม่มี “ผังขบวนการล้มเจ้า” จนสร้างความประทับใจและงุนงงระคนกันจากคนในพรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดงได้ไม่น้อย

แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นตัวตนของ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้อย่างชัดเจน และน่าขนลุกขนพองมากที่สุดก็เห็นได้จากคดีทุจริตการก่อสร้างโรงพักและแฟลตตำรวจทั่วประเทศนี่เอง แม้ว่าจะรู้เจตนามาตั้งแต่ต้นแล้วว่าการเปิดเกมคดีนี้ขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พุ่งเป้าหมายต้องการถล่ม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเคยกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าเป็น “หนังเรื่องยาว” และมีตัวละครเข้าไปเกี่ยวข้องมากมาย ทั้งฝ่ายรัฐบาลก่อน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งพรรคพลังประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย

เพราะจากข้อมูลและหลักฐานที่เห็นอยู่ มันทำให้เชื่อได้ว่าตัวบุคคลที่เป็นฝ่ายการเมือง ฝ่ายนโยบายตั้งแต่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์-สุเทพ ส่วนอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นต้น และไม่ใช่แค่นั้นยังมีชื่อของ พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ เมื่อครั้งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะประธานกรรมการจัดทำขอบเขตการก่อสร้าง (ทีโออาร์) พ่วงเข้าไปด้วย

แต่กลายเป็นว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.พงศพัศได้หอบเอกสารมาชี้แจงในวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดกับ ธาริต ที่รอต้อนรับถึงบันใดกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่กี่นาทีก็ออกมาร่วมแถลงข่าวและการันตีให้เสร็จสรรพทันทีว่า “ไม่เกี่ยว” ไม่ผิด รวดเร็วผิดคาดหมาย

อย่างไรก็ดี ด้วยความเคลื่อนไหวและท่าทีดังกล่าวแทนที่จะเป็นผลบวกต่อฝ่ายรัฐบาล หรือแม้แต่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครกำลังหาเสียงอย่างเข้มข้น กลับถูกมองด้วยสายตาที่น่าสงสัยมากขึ้น เพราะนี่คือ “พิรุธ” และกำลังถูกกลบเกลื่อนปัดทิ้งไปโดยเร็ว ต่อหน้าสายตาชาวบ้านที่กำลังจับตามอง

ภาพที่เห็นทำให้เข้าใจว่า ธาริต เพ็งดิษฐ์ กำลังทำตัวไม่ต่างจาก “ศาลเตี้ย” ด่วนสรุปความถูกผิด หรือรับประกันความถูกต้องให้กับบางคน ซึ่งในที่นี้ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ขณะเดียวกันก็ไม่มีการพูดถึง พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้บริหารสัญญาการก่อสร้าง กลายเป็นว่ากำลังปกป้องและฟอกขาวฝ่ายรัฐบาล ขณะที่กำลังตั้งธงเอาผิดกับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งภาพที่ออกมามันทำให้เข้าใจอย่างนั้นจริงๆ ทั้งๆที่ตัวละครที่ปรากฏมากมายล้วนแล้วแต่ “น่าสงสัยทุกคน” ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหาหลักฐานอย่างรอบคอบ

ขณะเดียวกัน แม้ว่าภาพของธาริตจะออกมาในลักษณะของการฉลาดในการเอาตัวรอดลื่นไหลไปตามสถานการณ์ แต่นั่นเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่สังคมทั่วไปอาจดูแล้ว “น่ารังเกียจ” ก็ได้ เพราะภาพลักษณ์ของเขาได้ส่งผลให้องค์กรสำคัญอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษต้องมัวหมองขาดความน่าเชื่อถือแทบจะสิ้นเชิง เพราะกลายเป็นองค์กรรับใช้การเมืองเป็นเครื่องมือไล่บี้ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น!!
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
กำลังโหลดความคิดเห็น