วานนี้(12 ก.พ.56) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหา 396 โรงพักว่า ในวันศุกร์ที่ 15 ก.พ.นี้เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้เรียกผบช.หรือรองผบช.1-9 และศชต. ผบก.อก.1-9 และศชต.ในฐานะประธานตรวจการจ้าง รองผบก.จว.ที่ดูแลงานด้านบริหาร สารวัตรส่งกำลังบำรุง และหัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 396 สถานี มาประชุมพร้อมกันเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาโดยในช่วงแรกพล.ต.อ.อดุลย์ จะมอบนโนบายให้แนวทางการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว
จากนั้นพล.ต.อ.วรพงศ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.และคณะทำงาน จะดำเนินใน 5 ด้านซึ่งเชื่อว่าครบคลุมในการแก้ปัญหา 1.จะตั้งโต๊ะตรวจสอบเอกสาร ประเด็นเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาเพื่อจัดทำสัญญาใหม่ 2.กำหนดแนวทางคู่ขนานแก้ปัญหาจัดหาผู้รับจ้างใหม่ ให้ส่งรายละเอียดภายในวันที่ 3 มี.ค. และถ้าหากบช.ไหนสามารถประกวดราคาใหม่ได้ก็ทำเลยไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 14 มี.ค.ที่จะบอกเลิกสัญญา 3.เรื่องการฟ้องร้องทั้งทางเพ่งและทางอาญาได้มอบหมายให้พล.ต.อ.เจตต์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษาสบ.10เป็นหัวหน้าดูแล 4.การแก้ปัญหาที่ตั้งสถานีตำรวจชั่วคราว 396 แห่งที่รื้อถอนไปแล้ว 82 แห่ง ที่ยังไม่รื้อถอนหรือรื้อถอนบางส่วนอีก 314 แห่ง
5.จัดประกวดการแก้ปัญหาโรงพักชั่วคราว การบริหารคดี การบริการประชาชน โดยให้เวลา 3 เดือน
ส่วนเรื่องที่ทางดีเอสไอ จะเรียกพล.ต.อ.อดุลย์ ไปชี้แจงข้อมูล จะเรียกไปให้ปากคำเป็นรายวันก็ต้องขอร้องแต่ละหน่วยก็มีเกียรติภูมิ เรื่องนี้มีผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุงเป็นคู่สัญญาอยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบ มีเหตุผลใดที่จะเรียกพล.ต.อ.อดุลย์ไปชี้แจงก็ต้องขอร้องกัน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณี ดีเอสไอจะเรียกไปให้ปากคำ ว่า เรื่องนี้ดีเอสไอต้องทบทวนว่า ผบ.ตร.บางคนไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เลย จึงต้องระมัดระวังเรื่องการเรียกที่ขาดหลักฐาน อย่างตนเองและ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผบ.ตร.เพิ่งมารับตำแหน่งสัญญาก็ต่อโดยคู่สัญญา คือ ผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุง การต่อสัญญาก็ทำภายใต้มติครม.ที่ให้เยียวยาผู้รับเหมา การบริหารก็มีคณะกรรมการฉะนั้นหากดีเอสไอ จะเรียกใครต้องดู เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
“ยังไม่มีหนังสือมา ถ้าเรียกผมไปให้ข้อมูลต้องถามว่าในฐานะอะไร ผมเป็นผู้เสียหาย กระบวนการด้านกฎหมายก็มีผู้รับผิดชอบต้องดูละเอียดนิดหนึ่ง เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องดูหลักฐานว่าใครมีอำนาจ เรียกในฐานะอะไร เป็นเรื่องของมารยาท ผมคิดว่ามารยาทสำคัญมากทุกคนเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่จะเรียกลอยๆมา ผมคิดว่าต้องดู หลักฐานต้องครบถึงจะเรียก หลักฐานต้องครบถึงจะเรียก เรียกเฉยๆผมว่าไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้หากมีหนังสือมาอย่างเป็นทางการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ถามว่าในฐานะอะไร ถ้าไปให้ข้อมูลเฉยๆก็ต้องพิจารณาดู แต่ถ้าหากว่าทางดีเอสไอมาขอพบเพื่อขอข้อมูลก็ยินดี
"ต้องเรียนว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน อยู่ๆ จะมาเชิญ แต่ละท่านก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไปในฐานะอะไร มีพยานหลักฐานครบหรือไม่ คิดว่าเป็นมารยาท อย่าเอาวิกฤตมาเหยียบคนอื่น เรื่องนี้หน่วยผมเสียหายอยู่แล้วผมก็กำลังแก้ปัญหาอยู่ ผมก็มีลูกแตกหัก อย่ามาเอาหน้าบนซากโรงพักของผม"พล.ต.อ.อดุลย์ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความ ว่า ขณะนี้ได้รับเอกสารเพิ่มเติมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครบถ้วนแล้ว ด้านผู้รับเหมาช่วงต่างทยอยเข้าแจ้งความโดยตลอด ส่วนการสอบปากคำ บริษัท พีซีซี นั้น ยังเหลือเวลาอีก 7 วัน ที่จะถึงกำหนดแต่เบื้องต้น ได้มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปสอบถามที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้างแล้ว
ส่วนเรื่องที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้ามีการเชิญมาชี้แจงกรณีดังกล่าว จะยื่นฟ้องอีก 1 คดีนั้น นายธาริต กล่าวว่า การเชิญครั้งนี้ เป็นเพียงการเชิญเข้าชี้แจงเท่านั้นไม่ใช่การแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเอกสารที่มีลายเซ็นของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ลงนามในสัญญา ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นผู้พิจารณารอบแรก ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. เป็นผู้รับงานจากนโยบายแล้วไปนำเสนอเป็นรายภาคซึ่งพล.ต.อ.พงศพัศเป็นประธานพิจารณารายภาค ตอนหลังไปรวมเป็นภาคเดียว “พอถามอย่างนี้รู้เลยว่า มาจากเอเอสทีวี”
ส่วนที่มีการรับรองการประมูลบริษัทพีซีซี ถูกต้องตามข้อเสนอ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตอนแรกทำเป็นรายภาคถูกต้องแล้ว แต่พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. เสนอเป็นภาคเดียว พล.ต.อ.พงศพัศไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
ช่วงบ่ายร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ยื่นกระทู้สดในวันที่ 14 ก.พ. ตนจะขอให้พรรคเพื่อไทยยื่นเป็นญัตติด่วนหลังกระทู้ เพราะถ้าเป็นกระทู้เดี๋ยวพูดกันไม่ละเอียด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นการใส่ร้ายถึงขั้นยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดเป็นข้อเท็จจริง มีเอกสารยืนยันชัดเจน ถ้าพรรคเพื่อไทยไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พรรคประชาธิปัตย์คงต้องยื่นร้องเช่นกันว่า พรรคเพื่อไทยจงใจร้องเท็จ เนื่องจากพล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้เสนอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อนุมัติจ้าง บริษัทพีซีซี
ทั้งนี้หากพล.ต.อ.พงศพัศไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น ก็ควรจะไปชี้แจงต่อดีเอสไอ และร.ต.อ.เฉลิม ว่าสัญญาไม่ผิดอย่างไร เพราะถ้าสัญญาผิด ทั้งนายสุเทพและพล.ต.อ.พงศพัศก็ต้องไปชี้แจงต่อดีเอสไอ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนเซ็นจะผิดคนเดียว โดยที่คนเสนอให้เซ็นจะไม่มีความผิด
ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ท้าให้พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นกระทู้สดถามรัฐบาลในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ไม่ต้องท้า แต่ขอให้ร.ต.อ.เฉลิมพูดความจริงก็แล้วกัน และอย่าเอาเรื่องจับแพะมาชนแกะ.
จากนั้นพล.ต.อ.วรพงศ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร.และคณะทำงาน จะดำเนินใน 5 ด้านซึ่งเชื่อว่าครบคลุมในการแก้ปัญหา 1.จะตั้งโต๊ะตรวจสอบเอกสาร ประเด็นเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาเพื่อจัดทำสัญญาใหม่ 2.กำหนดแนวทางคู่ขนานแก้ปัญหาจัดหาผู้รับจ้างใหม่ ให้ส่งรายละเอียดภายในวันที่ 3 มี.ค. และถ้าหากบช.ไหนสามารถประกวดราคาใหม่ได้ก็ทำเลยไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ 14 มี.ค.ที่จะบอกเลิกสัญญา 3.เรื่องการฟ้องร้องทั้งทางเพ่งและทางอาญาได้มอบหมายให้พล.ต.อ.เจตต์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษาสบ.10เป็นหัวหน้าดูแล 4.การแก้ปัญหาที่ตั้งสถานีตำรวจชั่วคราว 396 แห่งที่รื้อถอนไปแล้ว 82 แห่ง ที่ยังไม่รื้อถอนหรือรื้อถอนบางส่วนอีก 314 แห่ง
5.จัดประกวดการแก้ปัญหาโรงพักชั่วคราว การบริหารคดี การบริการประชาชน โดยให้เวลา 3 เดือน
ส่วนเรื่องที่ทางดีเอสไอ จะเรียกพล.ต.อ.อดุลย์ ไปชี้แจงข้อมูล จะเรียกไปให้ปากคำเป็นรายวันก็ต้องขอร้องแต่ละหน่วยก็มีเกียรติภูมิ เรื่องนี้มีผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุงเป็นคู่สัญญาอยู่แล้วเป็นผู้รับผิดชอบ มีเหตุผลใดที่จะเรียกพล.ต.อ.อดุลย์ไปชี้แจงก็ต้องขอร้องกัน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณี ดีเอสไอจะเรียกไปให้ปากคำ ว่า เรื่องนี้ดีเอสไอต้องทบทวนว่า ผบ.ตร.บางคนไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้เลย จึงต้องระมัดระวังเรื่องการเรียกที่ขาดหลักฐาน อย่างตนเองและ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผบ.ตร.เพิ่งมารับตำแหน่งสัญญาก็ต่อโดยคู่สัญญา คือ ผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุง การต่อสัญญาก็ทำภายใต้มติครม.ที่ให้เยียวยาผู้รับเหมา การบริหารก็มีคณะกรรมการฉะนั้นหากดีเอสไอ จะเรียกใครต้องดู เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
“ยังไม่มีหนังสือมา ถ้าเรียกผมไปให้ข้อมูลต้องถามว่าในฐานะอะไร ผมเป็นผู้เสียหาย กระบวนการด้านกฎหมายก็มีผู้รับผิดชอบต้องดูละเอียดนิดหนึ่ง เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องดูหลักฐานว่าใครมีอำนาจ เรียกในฐานะอะไร เป็นเรื่องของมารยาท ผมคิดว่ามารยาทสำคัญมากทุกคนเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่จะเรียกลอยๆมา ผมคิดว่าต้องดู หลักฐานต้องครบถึงจะเรียก หลักฐานต้องครบถึงจะเรียก เรียกเฉยๆผมว่าไม่ถูกต้อง
ทั้งนี้หากมีหนังสือมาอย่างเป็นทางการ ผบ.ตร.กล่าวว่า ถามว่าในฐานะอะไร ถ้าไปให้ข้อมูลเฉยๆก็ต้องพิจารณาดู แต่ถ้าหากว่าทางดีเอสไอมาขอพบเพื่อขอข้อมูลก็ยินดี
"ต้องเรียนว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน อยู่ๆ จะมาเชิญ แต่ละท่านก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไปในฐานะอะไร มีพยานหลักฐานครบหรือไม่ คิดว่าเป็นมารยาท อย่าเอาวิกฤตมาเหยียบคนอื่น เรื่องนี้หน่วยผมเสียหายอยู่แล้วผมก็กำลังแก้ปัญหาอยู่ ผมก็มีลูกแตกหัก อย่ามาเอาหน้าบนซากโรงพักของผม"พล.ต.อ.อดุลย์ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความ ว่า ขณะนี้ได้รับเอกสารเพิ่มเติมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครบถ้วนแล้ว ด้านผู้รับเหมาช่วงต่างทยอยเข้าแจ้งความโดยตลอด ส่วนการสอบปากคำ บริษัท พีซีซี นั้น ยังเหลือเวลาอีก 7 วัน ที่จะถึงกำหนดแต่เบื้องต้น ได้มีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปสอบถามที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้างแล้ว
ส่วนเรื่องที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้ามีการเชิญมาชี้แจงกรณีดังกล่าว จะยื่นฟ้องอีก 1 คดีนั้น นายธาริต กล่าวว่า การเชิญครั้งนี้ เป็นเพียงการเชิญเข้าชี้แจงเท่านั้นไม่ใช่การแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเอกสารที่มีลายเซ็นของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ลงนามในสัญญา ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นผู้พิจารณารอบแรก ซึ่งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. เป็นผู้รับงานจากนโยบายแล้วไปนำเสนอเป็นรายภาคซึ่งพล.ต.อ.พงศพัศเป็นประธานพิจารณารายภาค ตอนหลังไปรวมเป็นภาคเดียว “พอถามอย่างนี้รู้เลยว่า มาจากเอเอสทีวี”
ส่วนที่มีการรับรองการประมูลบริษัทพีซีซี ถูกต้องตามข้อเสนอ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตอนแรกทำเป็นรายภาคถูกต้องแล้ว แต่พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. เสนอเป็นภาคเดียว พล.ต.อ.พงศพัศไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย
ช่วงบ่ายร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ยื่นกระทู้สดในวันที่ 14 ก.พ. ตนจะขอให้พรรคเพื่อไทยยื่นเป็นญัตติด่วนหลังกระทู้ เพราะถ้าเป็นกระทู้เดี๋ยวพูดกันไม่ละเอียด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นการใส่ร้ายถึงขั้นยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดเป็นข้อเท็จจริง มีเอกสารยืนยันชัดเจน ถ้าพรรคเพื่อไทยไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พรรคประชาธิปัตย์คงต้องยื่นร้องเช่นกันว่า พรรคเพื่อไทยจงใจร้องเท็จ เนื่องจากพล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้เสนอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อนุมัติจ้าง บริษัทพีซีซี
ทั้งนี้หากพล.ต.อ.พงศพัศไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น ก็ควรจะไปชี้แจงต่อดีเอสไอ และร.ต.อ.เฉลิม ว่าสัญญาไม่ผิดอย่างไร เพราะถ้าสัญญาผิด ทั้งนายสุเทพและพล.ต.อ.พงศพัศก็ต้องไปชี้แจงต่อดีเอสไอ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนเซ็นจะผิดคนเดียว โดยที่คนเสนอให้เซ็นจะไม่มีความผิด
ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม ท้าให้พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นกระทู้สดถามรัฐบาลในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ไม่ต้องท้า แต่ขอให้ร.ต.อ.เฉลิมพูดความจริงก็แล้วกัน และอย่าเอาเรื่องจับแพะมาชนแกะ.