รมว.กต.อ้างแก้ รธน.เพื่อประโยชน์ ยันไม่ขัดแย้ง ตอก ปชป.ค้านตามปกติ ชี้ รธน. 50 อ่านไม่รู้เรื่อง โวเสียงแยะแก้ง่าย เย้ย ส.ว.สรรหาค้านเพราะใจไร้ ปชต. เคยแต่นั่งเสลี่ยงให้คนหาม โยงแก้ รธน.โชว์ทั่วโลกเห็น ปชต. ปัดฮั้ว ส.ว.เลือกตั้ง แต่เห็นชอบข้อเรียกร้อง แจงเป็นหน้าที่ กต.ส่งฝ่ายสนธิสัญญาถกโจรใต้ 2 เม.ย. เผย 2 เม.ย.ชงถ้อยแถลงพระวิหาร ครม. ลั่นพร้อมสู้ ร้อนตัวอ้างมีโยงกู้ 2 ล้านล้าน
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญถือว่ามีประโยชน์ โดยเฉพาะ 4 มาตราที่มีการเสนอมา ซึ่งจะทำให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และการแก้ทั้ง 4 มาตราไม่น่ามีปัญหาอะไร ส่วนที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาเป็นฝ่ายค้านก็ต้องค้านตลอดอยู่แล้ว โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานาว่าแก้แล้วจะเพื่อประโยชน์คนนั้นคนนี้ ทั้งที่ 4 มาตรานี้ไม่มีประโยชน์ของใครทั้งสิ้น เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งมากขึ้นไปอีก นายสุรพงษ์กล่าวว่า ไม่ใช่ คนที่ปลุกกระแสว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะเกิดความขัดแย้งถือว่าไม่มีเหตุผล จากเพราะจากเหตุผลที่แก้ 4 มาตรา อย่างมาตรา 68 ที่ว่าการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ก็เพื่อให้การตีความของรัฐธรรมนูญชัดเจนขึ้น กรณีที่มีการร้องเรียน โดยการยื่นเรื่องก็ให้อัยการสูงสุดเป็นคนรับเพื่อให้เกิดความชัดเจน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถือว่าแปลกประหลาด มีการตีความมากันตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น ส.ว.หรือ ส.ส. อ่านรัฐธรรมนูญแล้วไม่เข้าใจก็จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความตลอด แสดงว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาจริงๆ อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ดังนั้นการที่จะทำให้เกิดความชัดเจนจึงถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ฝ่ายค้านกลับชอบทำให้เกิดความกำกวมตีความเข้าข้างตัวเองตลอด อย่างนี้ไม่ได้ บ้านเมืองจะเดินหน้าไม่ได้ ส่วนเรื่องเสียงสนับสนุนการยื่นแก้รัฐธรรมนูญ เท่าที่นายโภคิน พลกุล ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้ชี้แจงกับพรรคก็เชื่อว่าเสียงสนับสนุนจะเกินแน่นอน
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า ส่วนเสียง ส.ว.ส่วนใหญ่คนที่คัดค้านก็มาจาก ส.ว.สายสรรหา เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยในตัวเขาอยู่แล้ว วันนี้การที่มีการเรียกร้องให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง โดยให้ประชาชนมีสิทธิเลือกตัวแทนของตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คนที่ไม่ได้มาจากระบอบประชาธิปไตย เขาก็มีจิตใจที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะคัดค้านอยู่แล้ว เพราะตลอดชีวิตคนที่ได้มาอยู่ระบอบประชาธิปไตย โดยที่ตัวเองไม่ได้มาจากระบอบประชาธิปไตย ก็ถือเป็นครั้งหนึ่งชีวิตเขา ดังนั้นเขาก็ต้องปกป้องผลประโยชน์ของเขาอย่างสุดชีวิต และออกมาคัดค้าน แต่ถ้าเขามีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เขาก็ลงเลือกตั้ง ซึ่งก็ไม่เห็นเสียหายอะไร ถ้าเขามีความสามารถและมีสิ่งที่นำเสนอให้ประชาชนเลือกเขาได้ เขาก็ลงมาเล่นการเมืองเพื่อให้ได้เป็น ส.ส.และส.ว. ไม่ใช่นั่งเสลี่ยงให้คนหาม
เมื่อถามว่าคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้สุกงอมพอที่จะมีการแก้รัฐธรรมนูญหรือยัง นายสุรพงษ์กล่าวว่าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งสมาชิกทุกคนสามารถวิจารณ์เรื่องนี้ในสภาฯ ได้ ดังนั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลก วันนี้ตนคิดว่าสังคมต้องยอมรับความจริง เราก้าวมาถึงขณะนี้แล้ว สังคมโลกให้การยอมรับสังคมประชาธิปไตยของเรา แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เขาก็ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกประเทศให้เกียรติรัฐบาลในฐานะที่มาจากการเลือกตั้ง ถึงเวลาแล้วที่เราต้องโชว์สังคมโลกให้เห็นความเป็นประชาธิปไตย สิ่งใดที่จะทำให้ดีขึ้นเราก็ต้องทำ
เมื่อถามว่า ส.ว.ที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญต้องการแก้วาระการดำรงตำแหน่งของตัวเอง จะทำให้มองว่า ส.ว.กับรัฐบาลจับมือกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เท่าที่ฟังจาก ส.ว.เห็นว่าหลายคนก็สะท้อนว่า ส.ว.ควรจะมาจากการเลือกตั้ง และไม่ควรมีการกำหนดวาระหรือเทอม ซึ่งก็เหมือนกับ ส.ส.ที่จะหมดวาระ เมื่อล้มป่วยหรือสิ้นอายุขัย ซึ่ง ส.ว.ก็ต้องการแบบนี้ ทั้งหมดนี้อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงไม่ใช่จะต้องมากำหนดเทอม หรือกีดขวางกัน
ส่วนกรณีการเจรจาพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในวันที่ 28 มี.ค. รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศส่งฝ่ายสนธิสัญญาไปร่วมเจรจาในประเด็นอะไรที่อ่อนไหว หรือส่งผลกระทบ เพราะถือเป็นหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่ต้องให้ความร่วมมือในหารือและให้คำแนะนำ เมื่อถามว่าคนที่ขัดแย้งกับทางการไทยสิ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ถือสองสัญชาติหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่ดำเนินการก็เป็นคนที่มีเชื้อสายเป็นคนไทยอยู่แล้ว บางคนก็มีสองสัญชาติ ทั้งนายกฯไทยและนายกฯมาเลเซียต่างยืนยันร่วมกันในการพิสูจน์สัญชาติให้ชัดเจน เมื่อถามว่าคนที่มีปฏิกิริยาเหล่านี้มีจำนวนเท่าไร นายสุรพงษ์กล่าวว่า ไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจนต้องถามความมั่นคง
รมว.ต่างประเทศยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมถ้อยแถลงคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหารต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-19 เม.ย. ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ว่าคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารเพื่อจะนำถ้อยแถลงคดีปราสาทพระวิหารเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 2 เม.ย.นี้เพื่อขออนุมัติ ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำถ้อยแถลงเสร็จสิ้นแล้ว กำลังนำเสนอเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนำเข้า ครม.ต่อไป การต่อสู้ในศาลโลกได้เตรียมไว้ที่มุมแล้ว รวมถึงการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าได้มีการต่อสู้อย่างไรบ้าง และเชื่อว่าช่วงนั้นจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งหรือทำให้เกิดสถานการณ์ความรุนแรงรอบใหม่ทั้งระหว่างประเทศ และในประเทศด้วย เพราะกว่าที่ศาลโลกจะตัดสินก็ปลายปี แต่เวลานี้มีความพยายามโยงเรื่องมาเข้ามาเกี่ยวข้องการพิจารณา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทในสภาฯ เพราะมีคนที่คิดล้มล้างรัฐบาลทุกลมหายใจ
