ศรีสะเกษ - ทีมสู้คดีปราสาทพระวิหารลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ ชี้แจงประชาชนจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเก็บรวบรวมข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจนท.ในพื้นที่ เพื่อใช้ต่อสู้ในศาลโลก ยันทีมต่อสู้คดีได้ทำงานหนักอย่างเต็มที่รักษาผลประโยชน์ของชาติให้ดีที่สุด
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศรีพฤทเธศวร ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตัวแทนฝ่ายไทยในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร และคณะ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อร่วมเสวนา ในหัวข้อเรื่อง “การต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลก” โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ติดแนวชายแดน ไทย - กัมพูชา ประกอบด้วย จ.ศรีสะเกษอุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้
สำหรับหัวข้อ เสวนา ในวันนี้ ประกอบด้วย การบรรยายภาพความสัมพันธ์ระหว่างไทย - กัมพูชา การต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลก และ ประเด็นกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติในพื้นที่
นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อ ต้องการชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีจังหวัดที่ติดตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ได้รับทราบถึงแนวทางการต่อสู้คดีกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร รวมไปถึงการเก็บข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้ใช้ต่อสู้ในขั้นตอนของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ต่อไป ซึ่งในขณะนี้เรามีข้อมูลพร้อมที่ต่อสู้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องรอติดตามทางฝ่ายกัมพูชาว่าจะมีการดำเนินการหรือโต้แย้งในเรื่องใดบ้าง ซึ่งตนเห็นว่าการต่อสู้ในชั้นศาลเป็นการต่อสู้ที่ถูกต้องและเป็นไปตามสันติวิธี
ด้าน เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตัวแทนฝ่ายไทยในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า ปัญหาระหว่างไทย - กัมพูชา ในขณะนี้ สาเหตุมาจากกรณีที่กัมพูชาต้องการนำปราสาทพระวิหาร ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว แต่ได้มีการรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของไทย ซึ่งเป็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่เกิดขึ้นเมื่อ ปี 2550 ทำให้ทีมต่อสู้คดี ต้องรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปโต้แย้งต่อศาลโลก และเรียกร้องความถูกต้องที่ควรจะเกิดขึ้นต่อไป โดยตนอยากให้พี่น้องประชาชน เชื่อมั่นว่า ทีมต่อสู้คดีได้ทำงานอย่างเต็มที่ และทำงานหนักต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานับปี เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ดีที่สุด