xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” ท้า ผอ.ไทยพีบีเอสจัดตอบโจทย์พลังงานทั้งสัปดาห์! ส.ว.รุมอัดรายการยับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข้อความจากเว็บไซต์เฟซบุ๊กรสนา โตสิตระกูล
“ส.ว.พิลัยพรรณ” ถาม “ตอบโจทย์” เป็นกลางจริงหรือไม่ “ส.ว.ตวง” เศร้าใจรายการทำร้ายประเทศ จี้สภาผู้ชมสอบ “ส.ว.สมชาย” ซัดเลือกโจทย์ผิด เล็งใช้อำนาจ กมธ.เรียกแจง ขณะที่ ส.ว.กทม.โพสต์ข้อความแฉ จนท.ช่องสาธารณะไม่เชิญร่วมรายการเหตุฝั่ง ปตท.ไม่มาดีเบตพลังงาน ท้าจัดวิพากษ์ทั้งสัปดาห์ ขอจ้อเดี่ยว 1 วัน คู่ผสม 2 วัน และดีเบตกับฝั่ง ปตท.และ ก.พลังงานคนละวัน ดักคออย่าเอาแค่เหตุฝั่งทุนไม่ร่วมมาล้มหัวข้อสนทนา

วันนี้ (19 มี.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.00 น. การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนางพิลัยพรรณ สมบัติศิริ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีรายการตอบโจทย์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญซึ่งมีถึง 5 ตอน โดยรายการนำเสนอเนื้อหาการตอบโจทย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ไม่มีใครกล้าตอบในเวทีสาธารณะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการปะทะกันในทางความคิดในที่มิดชิดมาก่อน และรายการตอบโจทย์มุ่งหาคำตอบว่าประเทศไทยทำไมไม่สามารถพัฒนาประเทศไปสู่ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ เหตุเพราะมีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งนี้ ตนขอหารือว่าการไม่แสดงอาการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และอื่นๆ ต่อสถาบัน ตามที่บัญญัติในมาตรา 112 นั้น เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศนี้อย่างไร

นางพิลัยพรรณกล่าวต่อว่า ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบของประเทศ แต่ละวัฒนธรรมย่อมแตกต่างกัน ผู้ผลิตและดำเนินรายการตอบโจทย์เป็นคนฉลาด ซึ่งตนก็ยังติดตามดู แต่อยากถามว่าการวางตัวของรายการมีความเป็นกลางจริงหรือไม่ สิทธิเสรีภาพของสื่อไม่ได้มาด้วยการไร้กาลเทศะ ไร้จริยธรรม และไร้มารยาท เป็นที่ทราบดีว่าเรื่องสถาบันและการล้มล้างสถาบัน ตลอดจนการยกเลิกและแก้ไขมาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ทุกคนในประเทศทราบดีว่าสิ่งที่จะนำความหายนะมาสู่ประเทศไม่ใช่แค่ระบอบประชาธิปไตย แต่ความมั่นคงของประเทศทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การทุจริตคอร์รัปชัน เช่น โครงการรับจำนำข้าว การบริหารจัดการน้ำ แผนการฮุบแหล่งพลังงานของชาติ การควบคุมองค์กรอิสระ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระบวนการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และการกู้เงินนอกระบบอย่างมหาศาลที่ประชาขนตรวจสอบไม่ได้ โดยตนคิดว่ารายการตอบโจทย์ควรจัดระดับความสำคัญให้เหมาะสมในการตอบโจทย์เพื่อเป็นการให้ความรู้ต่อสาธารณชน เพราะใช้ภาษีของประชาชนในการจัดรายการ เพื่อป้องกันหายนะยิ่งใหญ่ของประเทศ

ด้านนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนได้ติตตามรายการเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา รู้สึกเศร้าใจ เนื่องจากรายการตอบโจทย์เสนอรายการทำร้ายประเทศตัวเอง และนำภาษีอากร และคลื่นสาธารณะไปตอบโจทย์ให้ตัวเอง ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมีบุคคลมีความรู้ความสามารถมากมาย แต่กลับเปิดช่องให้คนบางกลุ่มละเมิด ทำร้ายประเทศไทยซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไร้ความสำนึก ตนจึงขอเรียกร้องผ่านต่อสาธารณะว่า ขอให้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสฟื้นกลับไปสู่จิตวิญญาณ โดยให้นึกถึง เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2551 ที่สถานีถูกสร้างขึ้นมาด้วยคราบน้ำตา และหยดเลือด ของประชาชน ทางรายการหมดมุกเล่นแล้วหรืออย่างไรจึงมาเล่นโจมตีสถาบัน อีกทั้งยังมีกรณีเงินกู้ 2.2 ล้านบาท และอีก 2.2 ล้านบาทที่กำลังจะเข้าสู่สภา รวมเป็น 4.4 ล้านบาท เป็นโจทย์ของประเทศไทยกลับไม่นำมาตั้งคำถาม และขอเรียกร้องไปยังสภาผู้ชม ให้ออกมาทำหน้าที่แทนประชาชนในการตรวจสอบ หากทำไม่ได้ให้ยุบสภาผู้ชม เพราะเท่ากับเสียภาษีอากรอย่างไม่จำเป็น นอกจากนี้ ทางบอร์ดไทยพีบีเอสต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะ

นายตวงกล่าวอีกว่า หากสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสยังไม่หยุดทำร้ายประเทศไทย อ้างความเป็นอิสระของสื่อ ตนและสมาชิกวุฒิสภาจะหารือทุกวันเพื่อหยุดพฤติกรรมการอ้างความเป็นสื่อ และอยากถามกลับว่า หากมีมวลชนอ้างประชาธิปไตย อ้างประชาธิปไตย เสรีภาพ แล้วไปปิดสถานีจะทำอย่างไรกัน

ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รายการตอบโจทย์ที่นำเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นประเด็นในการพูดคุยที่ออกอากาศผ่านสถานีไทยพีบีเอส ทีวีสาธารณะนั้น สถานีไทยพีบีเอสอาจจะทำหน้าที่เป็นทีวีสาธารณะไม่สมบูรณ์แล้ว เพราะการนำเรื่องสถาบันมากล่าวเช่นนี้ถือเป็นการสูญเสี่ยง การหยิบยกเรื่องสถาบันมาเป็นโจทย์ในรายการถือว่าเป็นการเลือกโจทย์ที่ผิด เพราะฉะนั้นคำตอบที่ได้ก็ผิดไปด้วย ประเทศไทยมีการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมายาวนานและจะมีต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการตั้งคำถามว่าจะมีการปฏิรูปสถาบันอย่างไรช่วงหลังรายการนั้น ตนอยากจะย้อนถามกลับว่า ทำไมถึงไม่ตั้งโจทย์ถึงการปฎิรูปนักการเมืองที่ทุจริตอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำไมนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา พิธีกรผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ ไม่ตอบคำถามตัวเองบ้างว่าเดินทางไปเมืองดูไบเพื่ออะไร และมีการรับเงินค่าจ้างเท่าไหร่ การกระทำของรายการตอบโจทย์ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายอาญาอย่างชัดเจน ซึ่งมีโทษถึงการจำคุก การดำเนินรายการเช่นนี้เป็นการตั้งคำถามแบบมีอคติ เพราะฉะนั้นตนขอให้รายการตอบโจทย์แสดงความรับผิดชอบโดยการยุติรายการดังกล่าวทันที ทั้งนี้ ทางกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา จะเชิญผู้บริหารรายการตอบโจทย์เข้ามาชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวด้วย

ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. เขียนข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊ก “รสนา โตสิตระกูล” ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตอบโจทย์ส่งข่าวมาว่า รายการตอบโจทย์ได้ปิดตัวเองไปแล้ว จึงไม่สามารถเชิญตนไปออกรายการตอบโจทย์ได้ แต่ตนขอท้าทายนายสมชาย สุวรรณบรรณ ในฐานะ ผอ.ไทยพีบีเอสว่า แม้จะปิดรายการตอบโจทย์ ซึ่งจะปิดทำไมในเมื่อได้ออกตอนสุดท้ายครบทั้ง 5 ตอนแล้ว ไม่ได้ถูกอำนาจมืดใดๆ บังคับให้ต้องยุติรายการ จึงไม่มีเหตุผลจะปิดรายการนี้เพื่อแสดงความรับผิดชอบว่าได้ถูกบีบคั้นจนเสียความอิสระ

น.ส.รสนาระบุว่า สิ่งที่เคยได้รับทราบจากทีมงานตนว่าปีที่แล้ว ต่อต้นปีนี้มีเจ้าหน้าที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเคยติดต่อว่าจะเชิญไปออกรายการ แต่ต้องการเชิญฝ่าย ปตท.มาร่วมในรายการเดียวกัน ประมาณว่าให้มีทั้งฝ่ายโปร และฝ่ายคอน บนเวทีเดียวกันตามแบบของตอบโจทย์ แต่พอ ปตท.ปฏิเสธไม่มาออกรายการเดียวกันกับตน ไทยพีบีเอสก็เลยไม่เชิญทีมงานของตน

“ดิฉันก็เพิ่งได้รับคำยืนยันจากคน TPBS ว่าเหตุที่ไม่เคยเชิญดิฉัน เพราะฝ่าย ปตท.ไม่ยอมมา เลยตัดสิทธิพวกเราในการเสนอข้อมูลต่อสาธารณชน แต่เหตุใดรายการตอบโจทย์วิพากษ์สถาบันฯ 5 ตอน จึงไม่มีฝ่ายที่เห็นค้านมาดวลกันบนเวทีเดียวกัน แต่กลับสามารถจัดได้ ดิฉันขอเสนอให้ TPBS จัดวิพากษ์ธุรกิจผูกขาดพลังงานแบบจัดคอนเสิร์ต ขอโซโล 1 ครั้ง ดูโอ 2 ครั้ง และแบตเทิลอีก 2 ครั้ง โดยให้ฝ่ายแบตเทิลมีตัวแทนจากกระทรวงพลังงาน 1 ครั้ง ปตท.1 ครั้ง แฟร์ดีไหมคะ? ถ้าฝ่ายถูกท้าแบตเทิลไม่มา ดิฉันและทีมงานยินดีรับแทน เพราะถือว่าฝ่ายถูกท้าสละสิทธิเอง และการสละสิทธิของฝ่ายถูกท้า ไม่ควรเป็นเหตุผลให้ยกเลิกการจัด วิพากษ์ธุรกิจพลังงานผูกขาดได้ มิเช่นนั้นต้องถือว่าเหตุผลเช่นนี้เป็นเล่ห์กลที่จะไม่จัดวิพากษ์ค่ะ” น.ส.รสนา กล่าว

น.ส.รสนาระบุอีกว่า หลังจากตนเขียนข้อความถึงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อเช้ามืดวันที่ 19 มีนาคมแล้ว เรตติ้งคนเข้ามาอ่านขยับจากที่บอกในโพสต์ก่อนหน้านี้ว่ามีคนอ่านหน้าเว็บไซต์เฟซบุ๊กของตนในอาทิตย์นี้ 997,061 คน ขยับมาเป็น 1,018,702 คนในขณะนี้แล้ว พอจะเป็นจำนวนที่บ่งบอกความสนใจของสาธารณะที่อยากฟังประเด็นเรื่องพลังงานได้ไหม อยู่ที่นายสมชายจะมีความกล้าพอไหมที่จะเปิดการวิพากษ์เรื่องนี้ หรือกล้าแต่วิจารณ์สถาบันฯ เพราะรู้ว่าจะไม่มีนักการเมืองมาตัดงบประมาณสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสอยู่แล้ว และกลุ่มธุรกิจพลังงานก็ไม่เดือดร้อนกับประเด็นนี้จนมาบีบคั้นในทางใดทางหนึ่งเหมือนการวิพากษ์ธุรกิจผูกขาดของเขา

“ขอให้ถือว่าดิฉันโยนถุงมือท้าคุณ” น.ส.รสนากล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น