โฆษก ปชป.แนะ “นายกฯ ปู” หากต้องการเดินหน้านโยบายปรองดอง ต้องแสดงจุดยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ชัด เตือนพฤติกรรมกับคำพูดสวนทางกันระวังสังคมขัดแย้ง เชื่อเป้าหมายที่แท้จริงคือต้องการล้างผิดแกนนำแก๊งแดงที่อยู่นอกคุก หลังความจริงเหตุการณ์ม็อบเผาเมืองใกล้ปรากฏ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาก่อนหากมีการบรรจุในวาระการประชุมสภาว่า เป็นจุดที่จะสร้างความขัดแย้งและความรุนแรงในสังคมอีกครั้ง ซึ่งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ควรไตร่ตรองและมีวิจารณญาณว่าเรื่องใดเป็นเรื่องเร่งด่วนของสังคม และเรื่องใดจะสร้างความขัดแย้ง
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อ้างว่าเป็นเรื่องของสภาฯ แต่นโยบายปรองดองจะเกิดไม่ได้ถ้าพฤติกรรมของนายกฯ และรัฐบาลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง นายกฯ จึงต้องแสดงออกว่าเห็นอย่างไรกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม และอยากย้ำถามกรณีที่มีการอ้างประชาชน เพื่อออกกฎหมายล้างผิด ทั้งที่เป้าประสงค์ไม่ได้อยู่ที่ประชาชนที่ถูกจำคุก แต่เป็นเรื่องแกนนำที่อยู่นอกคุก ที่ต้องการให้ล้างผิด นิรโทษกรรม เป็นเพราะความจริงใกล้ปรากฏที่ชัดเจน จากการไต่สวน 6 ศพในวัดปทุมวนาราม ที่พยานทุกปากระบุตรงกันว่า เหตุการณ์ในวันดังกล่าวเห็นชายชุดดำติดอาวุธอยู่บริเวณตอม่อของรถไฟฟ้า ยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหาร จนถึงขนาดมีการยิ่งขึ้นบนสกายวอล์ก และชายชุดดำได้วิ่งเลาะรั้ววัดปทุมวนารามและหายตัวไป ถือเป็นหลักฐานที่จะนำสืบต่อได้ว่าการเสียชีวิต 6 ศพเกิดจากฝีมือใครกันแน่ และยังพบว่ามีอาวุธจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ด้วย เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้คดีความงวดเข้ามา จนข้อเท็จจริงใกล้ปรากฏว่ามีการสั่งการให้ใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเอง และให้มีการเผาบ้านเผาเมือง
นายชวนนท์กล่าวว่า ในบทสรุป นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ประธานคณะอนุกรรมการติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าทางคดีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง วุฒิสภา ที่ระบุว่า ไม่มีประชาชนถูกจำคุกเป็นพันคนตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่มีเพียง 32 คนอยู่ในเรือนจำบางเขน 17 คน กลุ่มที่ 2 ผู้ต้องหากระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 จำนวน 6 ราย และคดีอื่นๆ 11 คน เท่ากับคนติดคุกมีจำนวนน้อยกว่าคนที่ลงชื่อออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่มี 42 คน
“การผลักดันกฎหมายนี้จึงไม่ใช่เรื่องการประกันตัว แต่มุ่งช่วยคนที่อยู่นอกคุกให้พ้นผิดมากกว่า จึงอยากให้เลิกตบตาประชาชน และเห็นว่าการให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏจะเป็นผลดีต่อสังคมมากกว่า เพราะหากพิสูจน์ได้ว่ามีการสั่งการ วางแผน เพื่อให้เกิดความวุ่นวาย ประชาชนเหล่านั้นจะได้รับการลงโทษ จึงต้องสืบหาข้อเท็จจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน”
นายชวนนท์ยังกล่าวฝากถึงแกนนำคนเสื้อแดงที่ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง วินาศกรรมในปี 53 แต่เมื่อศาลแพ่งชี้ว่าเป็นการก่อจลาจล ไม่ใช่การก่อการร้ายก็จะนำมาใช้ประโยชน์ในทางคดีอาญา แสดงว่ายอมรับว่ามีการเผาบ้านเผาเมืองจากการก่อจลาจลใช่หรือไม่