รายงานการเมือง
เสียงเร่งเร้าปรับ ครม.ดังอื้ออึงขึ้นเรื่อยๆ หยิบยกการขาดหายไปของ ชุมพล ศิลปอาชา อดีตรองนายกฯและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา มาเอ่ยอ้างความจำเป็นในการปรับ ครม. แต่ก็น่าจะเป็นสุ้มเสียงของคนภายในพรรคเพื่อไทยกันเองทั้งนั้น
เพราะพรรคชาติไทยเขาวางตัวแทนไว้เบ็ดเสร็จนานแล้ว ลิ่วล้อพวกกระสันตำแหน่งก็เลยใช้โอกาสนี้บอก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกฯ สมองกลวง ปรับไปในคราวเดียวกัน
ระยะหลังหลงจู๊ บรรหาร ศิลปอาชา นิยมใช้ข้าราชการประจำมาเป็นมือเป็นไม้ เป็นรัฐมนตรีมากกว่าเอานักการเมืองอาชีพมาเป็นนอมินี เพราะสั่งง่าย ไม่ดื้อ ไม่อม!!
กระนั้นก็ตาม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้นถือว่าเป็นกระทรวงสำคัญ เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ก็น่าจะถือโอกาสเอากลับมาบริหารดูเองซะทีให้เห็นหน้าเห็นหลัง หรือไม่มีฝีมือหรือไงถึงปล่อยให้พรรคชาติไทยพัฒนาครอบครองเป็นมรดกตกทอดอยู่ได้
งบประมาณกระทรวงนี้ก็บานตะไท ทำไมไม่ลองแลกกระทรวงเอามาปรับเปลี่ยนระบบกันบ้าง บางทีอาจทำได้ดีกว่า กระชากเรตติ้งรัฐบาลที่นับวันจะดำดิ่งให้พุ่งสูงขึ้นด้วยการท่องเที่ยวและกีฬา
อย่างที่คนนินทาหมาดูถูก เชิงบริหารประเทศ “ปูกรรเชียง” ยังอ่อนหัดอ่อนเชิง การวางคนให้เหมาะสมกับงานยังต้องพัฒนาอีกหลายหนาว ที่คนสรรเสริญเยินยอในฝีมือบริหารไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นคำอ้อล้อ โคตรเชลียร์ที่วันหนึ่งมันก็กลายเป็นอากาศธาตุเมื่อหมดอำนาจ
การบริหารประเทศทุกวันนี้ไม่มีอะไรคืบหน้า รอวันเสื่อมทรุด ด้วยความคิดแบบหลงมิติหลงกับคำป้อยอจากคนใกล้ชิด การปรับ ครม.ในห้วงความคิดของ “ยิ่งลักษณ์” ชั่วโมงไม่มีอยู่ในความคิด เพราะเชื่อว่าที่เป็นอยู่มันดีอยู่แล้ว
สั่งใครก็ได้ สั่งใครก็ทำ เท่านั้นก็พอแล้ว อย่าให้ใครมาเด่น มาสั่ง เกินหน้าเกินตาไม่ชอบ แล้วก็หลงกระแสที่หลอกลวงไปตามเดิม
จะไปปรับ ครม.ทำไมให้ยุ่งยาก ปรับทำไมต้องไปเริ่มต้นบริหารจัดการคนกันใหม่ วันนี้อำนาจรวมศูนย์อยู่ในมือตนเองแล้วจะต้องฟังใครที่ไหน สุดท้ายแม้แต่เสียงจากพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังหัวซุกหัวซุนหนีคดีอยู่ ก็กลายเป็นเพียงเสียงที่ระคายหูหนักขึ้นๆ ทุกวัน
เสียงค่อนขอดดังขึ้นเรื่อยๆว่า แค่ยอมศิโรราบ ส่งยอดไม่ตกหล่น ก็เพียงพอที่จะอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างสบายๆ แล้ว เพราะ “ยิ่งลักษณ์” และกุนซือใหญ่ข้างกาย เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไม่ได้สนใจการเมืองสักเท่าไหร่ แค่นับยอดตามเป้า บริหารตามมีตามเกิด ประคองกระแสไปวันๆ ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น
ความคิดสวนทางกับ “ทักษิณ” มากขึ้นทุกวัน คนหนึ่งอยากกลับบ้าน อีกคนหนึ่งอยากประคองตัวรักษาอำนาจไม่อยากผลีผลามทำอะไรที่เป็นการหักด้ามพร้าด้วยเข่า พี่ชายต้องปวดหัวกับอาการดื้อแพ่งของน้องสาวทุกเมื่อเชื่อวัน
การปรับ ครม.ที่จะถึงนี้ยิ่งถูกเร่งเร้าจากพี่ชายมากขึ้นเท่าไหร่ น้องสาวก็จะยื้อไว้มากขึ้นเท่านั้น เนื่องเพราะต้องการแสดงให้เห็นตัวตนอำนาจบทบาทของตัวเอง อย่างคำพูดล่าสุดว่า “คนที่จะปรับ ครม.อยู่ที่นี่คนเดียว” ไม่รู้ว่า “ทักษิณ” ฟังแล้วจะสะอึกแค่ไหน
เชื่อได้เลยว่าหากจะต้องยอมอ่อนให้พี่ชายจริงๆ ต้องปรับ ครม.กันในท้ายที่สุดแล้ว ต้องมีการแสดงศักยภาพ โชว์เพาเวอร์ว่าการปรับ ครม.แทบทุกตำแหน่งล้วนเป็นความเห็นชอบ เป็นบัญชาจาก “ยิ่งลักษณ์” ทั้งนั้น
วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ฟังคนใกล้ชิดมากกว่าคนไกล ใครเข้ามาพินอบพิเทาก็มองว่าใช้ได้ ยิ่งนับวันนิสัยยิ่งคล้ายกับ “ทักษิณ” เมื่อช่วงเหลิงลม เหลิงอำนาจเป็นที่สุด อย่างว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เชื้อย่อมไม่ทิ้งแถว
ชั่วโมงนี้ “ยิ่งลักษณ์” ฟัง “เยาวภา” มากกว่า “ทักษิณ” ด้วยซ้ำ
ต้องจับตาดูว่าในรายของกลุ่มมัชฌิมาที่มี สมศักดิ์ เทพสุทิน จะได้เข้ามาร่วมรัฐบาลแบบปัจจุบันทันด่วนหรือไม่ ถ้าใช่ก็ไม่ต้องไปหาคำตอบอื่นไกลเลย เพราะตอนนี้กลุ่มมัชฌิมาเดินสายเข้มข้นเข้ามาทาง “เจ๊แดง” ในฐานะคนคุ้นเคยรู้มือกันมาก่อนตั้งแต่สมัยวังบัวบานเรืองอำนาจ “เจ๊แดง” รู้ดีถึงความเก่งกาจในการกวาดต้อนงบประมาณมาอยู่ในอุ้งมือของอดีต รมต.เรียงหิน และถูกอกถูกใจเป็นที่สุด
ถ้าเข้ามาร่วม ครม.ครั้งนี้ก็ชัดเจนว่ามาทำอะไร อย่างไร และเพื่อใคร ขณะที่ฝ่าย “ทักษิณ” ไม่เห็นด้วยที่จะเอาเข้ามา เพราะไม่ชอบอยู่แล้ว พวกสไตล์งูเห่าเลื้อยไปตามผลประโยชน์
แต่อย่างว่า ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือแคนดิเคตรัฐมนตรี ต่างเดินเข้าบ้าน “เจ๊แดง” จนฝุ่นตลบอบอวล เจอหน้ากันก็ไม่ต้องบอกว่ามาทำอะไร เป้าหมายเดียวกันแน่ๆ แต่ทว่าเงื่อนไขการต่อรอง การได้เข้าสู่อำนาจ หรือการได้อยู่ในอำนาจมันไม่เหมือนกับเก่าก่อน วันนี้การทำยอดตามเป้า เป็นวาระสำคัญที่สุด ผิดจากนี้ต้องไปอยู่บัญชีหลังๆ
ดุลอำนาจมันเปลี่ยนไปแล้ว คนที่อยากเป็นรัฐมนตรี ต้องปรับเปลี่ยนท่าทีเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี ใครปรับตัวได้ก็ได้ดี ใครปรับตัวไม่ทันก็ติดหล่มดักดาน!!
ไม่มีอีกแล้วที่จะปรับ ครม. หาตัวรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับเนื้องาน ทุกวันนี้ก็แค่เป็นคนของใคร มีต้นทุนหน้าตักมาน้อยแค่ไหน ทำงานให้ผู้บารมีได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าทำให้ประเทศชาติได้มากน้อยแค่ไหน ตรรกะมันเปลี่ยนไปจนเหลวแหลกเลอะเทอะสิ้นดี
น่าสงสารก็ประเทศไทยไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยเรื่อยมาตั้งแต่คนเหล่านี้เรืองอำนาจ ผลประโยชน์ของชาติต้องถูกตัดทอนเข้ากระเป๋าของตระกูลที่ฆ่าไม่ตายนี้ตลอดมา จะเปลี่ยนถ่ายผ่านยุคสมัยมาเท่าใด ก็หนีไม่พ้นวังวนเดิมๆ
ถ้าไม่ล้างบาง ทำความสะอาดเชื้อร้ายให้หมดไปคงอยู่อย่างวางใจลำบาก ระบอบ “ทักษิณ” คงยังตามหลอกหลอนไม่รู้จบ บางครั้งก็ทำดีบ้าง แต่บางครั้งก็เลวจนน่าใจหาย แต่การบริหารจัดการหล่อเลี้ยงมวลชน สร้างกระแสให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง ยากที่จะทำลายลงได้ในเร็ววัน
เป็นการบ้านที่ต้องไปคิดอ่านและช่วยกัน เพราะหลายครั้งหลายหนที่ทำได้แค่นั่งมองตาปริบๆ ปล่อยให้ “ทักษิณ” และวงศ์วานว่านเครือ ปู้ยี่ปู้ยำประเทศจนเจ็บปวดใจ แต่ทำอะไรไม่ได้!!
ต้องช่วยกันตรวจสอบและแฉความจริงให้ทุกคนได้รู้ว่า การเมืองภายใต้ระบอบอย่างวันนี้มันบ่อนเซาะประเทศ กัดกินงบประมาณ ผลาญภาษีชาติ มากกว่าที่จะทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนอย่างจริงจัง สิ่งที่ชาวบ้านได้มาทุกวันนี้ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นเพียงแค่เศษเงินเศษทองที่หลุดกระเด็นมา!!