"อภิสิทธิ์" เตือน "ภราดร" สรุปตั้งนครรัฐปัตตานีเป็นอันตราย ชี้สมมุติฐานผิดจะแก้ปัญหาไม่ได้ หวั่นทำงานยากขึ้น ชี้ภาพสะท้อนรัฐอ่อนข้อไม่ดี จี้เลขาฯ สมช.ทบทวน ติงอย่าเอาผลประโยชน์ธุรกิจแลก ขอ "ยิ่งลักษณ์" พูดความจริง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (13 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมายอมรับ บทสรุปการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น จะจบลงที่การตั้งมหานครปัตตานี ว่า เป็นการพูดที่ใช้ความระมัดระวังน้อยเกินไป เพราะหลายคนในพื้นที่ไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นปลายทาง และรูปแบบที่จะกระจายอำนาจเพิ่มเติมก็ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว ฉะนั้นการจะสรุปล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องอันตราย และอยากให้ระวัง เพราะก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยก็เคยหาเสียงเรื่องนครปัตตานี แต่ประชาชนในพื้นที่ก็ไม่ตอบรับเพราะเขาต้องการความเป็นธรรม และต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่สูตรสำเร็จที่พูดกันอยู่ขณะนี้เป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่า หากตั้งสมมุติฐานผิดก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งนี้ตนไม่ได้บอกว่าการมีรูปแบบกระจายอำนาจพิเศษไม่ควรทำ แต่ในช่วงที่จะเริ่มต้นการพูดคุยยังไม่มีความชัดเจนว่าฝ่ายที่มาคุยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้หรือไม่นั้น การไปพูดล่วงหน้าจะยิ่งทำให้การทำงานยากขึ้น อย่างไรก็ตามฝ่ายปฏิบัติจะต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย แต่นโยบายในการพูดคุยยังขาดทิศทางที่ชัดเจนที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ภาพที่ออกมาเหมือนว่ารัฐอ่อนข้อให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้นไม่เป็นผลดีในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานต้องรู้ถึงความละเอียดอ่อนของปัญหา พล.ท.ภราดร ก็ต้องทบทวนเพราะสมช. มีบทบาทมาตลอด ถ้ามั่นคงในแนวทางที่เคยทำปัญหาจะไม่เกิด และตนเคยทราบมาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสนใจเรื่องโอกาสทางธุรกิจในพื้นที่ที่คาบเกี่ยวอยู่ จึงอยากเตือนว่าการดำเนินนโยบายความมั่นคงการต่างประเทศอย่าเอาผลประโยชน์ทางธุรกิจมาเป็นตัวนำ ส่วนรัฐบาลจะมีการทบทวนสิ่งเหล่านี้หรือไม่ก็อยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องยืนยันผลประโยชน์ของประเทศส่วนกรณีที่นายกฯปฏิเสธกับสื่อต่างชาติว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนั้น ก็คงปฏิเสธไม่ได้ เพราะผู้นำมาเลเชียก็ยอมรับในเรื่องนี้แล้ว จึงอยากให้นายกฯพูดความจริงกับประชาชน เพราะถ้าไม่พูดความจริงสุดท้ายคำพูดก็จะไม่มีความหมาย ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญของประเทศหลายอย่างที่นายกฯต้องมีความชัดเจนและให้ความจริงกับประชาชน