“ปู” กำชับ ครม.ใส่ผ้าไทย “สนธยา” เล็งใช้ “ป๋าเปรม” ต้นแบบ-ตั้ง “หมวดเจี๊ยบ” รองโฆษกรัฐ

รัฐบาลขยายจัดนิทรรศการเงินกู้ 2 ล้านล้านถึง 16 มี.ค. นายกฯ ย้ำขอความร่วมมือใส่ผ้าไทย “สนธยา” นำ “ป๋าเปรม” ต้นแบบ สรุปภาพรวมปัญหาหมอกควันดีขึ้น แต่งตั้งทูตเปรูประจำประเทศไทย มกุฎราชกุมารเบลเยี่ยมเยือนไทย 17-22 มี.ค. และตั้ง”หมวดเจี๊ยบ”รองโฆษกรัฐบาล

วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดงาน“ Thailand 2020 ก้าวใหม่เชื่อไทยสู่โลก นิทรรศการการลงทุนของประชาชนเพื่อประชาชน” ระหว่าง วันที่ 8-12 มี.ค.ว่าประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จึงขยายวันจัดงานออกไปถึงวันที่ 16 มี.ค.

ขณะเดียวกัน นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ได้นำแบบผ้าไทยเสนอที่ประชุมครม.โดยนายกฯ การออกแบบเครื่องแต่งกายผ้าต้องดูแลรักษาง่าย และเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนในประเทศ และการประหยัดพลังงาน ขณะที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์ เสนอที่ประชุมทำผ้าไทยให้เป็นผ้านาโน ปราศจากกลิ่นก็จะมีการคัดเลือกผ้าให้กระทรวงวิทยาศาสตร์เข้าสู่กระบวนการผลิตให้เป็นผ้านาโน ขณะที่แบบของเสื้อแต่งกายจาก 5 แบบที่กระทรวงวัฒนธรรม ที่ประชุมได้เลือกรูปแบบในลักษณะทางการและแบบกึ่งทางการหรือลำลอง โดยของผู้ชายให้เป็นเสื้อแบบทางการเป็นทรงพระราชทานคอตั้ง ขณะที่ชุดลำลองเป็นแบบมีปก มีทั้งแขนยาว และแขนสั้น ทั้งนี้การแต่งกายผ้าไทยจะเป็นการขอความร่วมมือไม่ได้เป็นการบังคับ ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ขอถอนแบบผ้าไทยผู้หญิงออกไป โดยนายสนธยาได้ให้เหตุผลว่าเนื่องจากชุดที่นายกฯใส่สวยกว่าในแบบที่กระทรวงวัฒนธรรมนำมา ทั้งนายกฯได้สวมชุดผ้าไหมไทยทรงพระราชทานคอตั้งสีน้ำตาล

ทั้งนี้ ในที่ประชุม นายสนธยา ยังกล่าวถึงกรณีที่ ครม. ขอความร่วมมือใส่ผ้าไทย ว่า เบื้องต้นจะเป็นเสื้อทรงพระราชทานแขนยาว อย่างที่พ ล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษสวมใส่ แต่เราจะมีการปรับในเรื่องของเนื้อผ้าให้สวมใส่สบายตามนโยบายของนายกฯ ที่ให้เหมาะสมกับการปรับลดพลังงาน และรณรงค์ให้ใช้ผ้าไทยที่มีอยู่ตามภูมิภาค ซึ่งเป็นการส่งเสริมและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่น สำหรับผู้ชายจะเป็นลักษณะกึ่งเสื้อเชิ้ต แขนสั้น ส่วนของผู้หญิงจะเป็นการดัดแปลงมาจากแบบพระราชทานของผู้ชาย ขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรมได้รวบรวมผ้าที่เป็นผ้าพื้นเมืองที่มีอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ มาใช้ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สำหรับภาคราชการนั้นจะมีการขอความร่วมมือ แต่ไม่ได้บังคับว่าจะต้องสวมใส่ แต่ทางกระทรวงวัฒนธรรมจะมีรูปแบบให้ว่าเสื้อแบบเป็นทางการและแบบลำลองจะมีลักษณะใด ในส่วนของครม.จะเริ่มทยอยใส่เพื่อเป็นต้นแบบในสัปดาห์หน้า และกระทรวงวัฒนธรรมก็จะเริ่มรณรงค์ให้คนไทยใช้ผ้าไทยด้วย

ต่อมาที่ประชุมครม.ได้มีการสรุปภาพรวมสถานการณ์ไฟป่า และหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ จากการที่รัฐบาลคุมเข้มทำให้ปัญหาลดน้อยลงไปกว่า 7-8 ปีที่ผ่านมา ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจว.เชียงรายพบว่ามีไฟป่าเกิดขึ้น 31 ครั้ง จว.เชียงใหม่ 79 ครั้ง จว.ลำปาง 8 ครั้ง จว.ลำพูน 57 ครั้ง จว.แพร่ 2 ครั้ง จว.ตาก 9 ครั้ง จว.แม่ฮ่องสอน และ จว.น่าน เกิดไฟป่า 1 ครั้ง ขณะที่จว.พะเยาไม่มีรายงานๆไฟป่า จากรายงานตัวเลขทุกจังหวัดมีไฟป่าลดน้อยลง

ขณะที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ว่า รัฐบาลสาธารณรัฐเปรูมีความประสงค์ขอแต่งตั้ง นายเฟลิกซ์ ริการ์โด อาเมริโก อันโตนิโอ เดเนกรี โบซา (Mr. Felix Ricardo Americo Antonio Denegri Boza) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเปรูประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายคอร์เค กัสตาเญดา เมนเดซ (Mr. Jorge Castaneda Mendez) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ

ส่วนเจ้าชายฟีลิป มกุฎราชกุมารแห่งเบลเยี่ยม เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในระหว่างวันที่ 17-22 มี.ค. ซึ่งมีกำหนดการเข้าเฝ้าฯ วันที่ 22 มี.ค. โดยรัฐบาลไทยได้มีการเตรียมร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรเบลเยี่ยม ซึ่งร่างดังกล่าวจะเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและความเข้าใจร่วมกัน ทั้งยังเป็นการสร้างเสริมความร่วมมือในประเทศภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการพัฒนาความร่วมมือแบบทวิภาคีใน 3 ด้านคือ ด้านการบังคับใช้กฎหมายและการกงสุล ด้านเศรษฐกิจการค้า และการลงทุน และด้านการป้องกันประเทศ และด้านการทหาร

และการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ร้อยโทหญิง สุณิสา เลิศภควัต ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ