กกต. ย้ำห้ามทำโพลเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ไม่ได้ "ประพันธ์" ติงกองเชียร์ให้เบาๆ ระวังทำผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โดนใบแดง พร้อมเตือน ขรก.การเมืองช่วยหาเสีบง ระวังอาจเข้าข่ายใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นคุณเป็นโทษ
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเรียกร้องให้กกต.สั่งระงับไม่ให้มีการทำและเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เนื่องจากเป็นการชี้นำ ว่าในเมื่อกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้ห้ามไม่ให้ทำโพล กกต.ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปสั่งห้ามหรือสั่งระงับได้ โดยในการเลือกตั้งท้องถิ่น กกต. ออกเพียงประกาศ กกต. ที่มีลักษณะเป็นการขอความร่วมมือว่าไม่ควรทำและเปิดเผยผลโพล ช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง แตกต่างจากกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ที่บัญญัติห้ามไว้ชัดเจน และมีโทษทางอาญาหากมีการฝ่าฝืน ซึ่งในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา กกต.เคยแจ้งความดำเนินคดีอาญากับสื่อมาแล้วเนื่องจากมีการเผยแพร่ผลโพล ช่วง 7วันก่อนวันเลือกตั้ง
“เลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อประกาศ กกต. แค่ขอความร่วมมือ หากผู้ทำโพลยังดำเนินการก็ไม่มีโทษอาญา เพียงแต่ถ้าพบว่าการจัดทำนั้นไม่ได้เป็นไปตามหลักวิชาการ เช่นอ้างว่าสำรวจประชาชน 2 พันคนแต่พอเข้าไปตรวจสอบกลายเป็นถามประชาชนแค่ 10 กว่าคนแล้วมาสรุป อย่างนี้ก็อาจจะเข้าข่ายหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมผู้สมัครได้ ส่วนที่ว่าผลโพลชี้นำ คิดว่าประชาชนมีวิจารณญาณในการพิจารณาพอ”
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการนำภาพเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองมาโพสต์ในโซเชียลเน็ตเวริ์คเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิดพรรคที่สนับสนุนผู้สมัครบางรายว่า ถ้าผู้สมัครรายใดรู้สึกว่าตนเองเสียหาย ก็มายื่น กกต.ให้เป็นเรื่องเป็นราว ในส่วนของกกต.เราก็ติดตามข่าวสารและรวบรวมความเคลื่อนไหวต่างๆ เอาไว้ แต่บางทีก็มีแต่พูดกันไป ถามผู้สมัครที่เสียหายก็บอกว่าไม่ติดใจที่จะร้อง และถ้าจะให้ กกต. ยกมาพิจารณาเองก็ต้องมีมูล ซึ่งภาพรวมการหาเสียงของผู้สมัครขณะนี้เท่าที่ดูก็อยู่ในกฎ กติกาพอสมควร มีการเอานโยบายมาหาเสียงมาว่ากันว่าจะทำอะไร แต่ที่มีปัญหาก็คือพวกทีมงาน ผู้สนับสนุน กองเชียร์ต่างๆ ของผู้สมัคร ซึ่งน่าจะลดระดับให้เบาๆ กันหน่อย โดยต้องคิดว่าทำอะไรไปอาจจะกระทบกับผู้สมัครของตนเองทำให้ถูกใบแดงได้
นายประพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีกระแสวิจารณ์นายกรัฐมนตรีใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ว่าต้องดูตามข้อเท็จจริง ว่าผู้ถูกกล่าวหามีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี หรือส.ส. ซึ่งถือเป็นข้าราชการการเมือง เวลาไปช่วยหาเสียงมีการไปพูดในลักษณะใช้อำนาจหน้าที่ไปเป็นคุณเป็นโทษกับผู้สมัครหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็อาจมีปัญหาถูกร้องเรียนได้ ที่ผ่านมา กกต. เคยมีหนังสือขอให้เจ้าหน้าที่รัฐบางรายหยุดการกระทำดังกล่าวมาแล้ว แต่ในกรณีนี้ก็ต้องมีข้อมูลมาก่อนหรือมีผู้ร้องเข้ามา ซึ่งอยากขอร้องไปยังผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีตำแหน่งหน้าที่ขอให้ระมัดระวังในการไปช่วยหาเสียงว่าต้องไม่เอาตำแหน่งหน้าที่ไปเป็นคุณเป็นโทษกับผู้สมัคร
