xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ย้ำจุดยืนไม่ร่วมถกนิรโทษฯ เชื่อมีวาระแฝง ดักอย่าเล่นทางลัด จี้ “ปู” ดูแล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

องอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธานส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
“องอาจ” ยัน ปชป.ไม่ร่วมพูดคุยนิรโทษฯ “เจริญ” เชื่อมีจุดหมายแฝง รวมหัว ส.ส.แดง เล่นมุกแยกกันเดินรวมกันตี แถม พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับ ยังค้างในสภา ตอก รบ.แกล้งไม่รู้ไม่ได้ จี้ มีประโยชน์ ปชช.จริงไม่เปิดหน้าหนุน แนะเดินตามแนวทาง คอป.เสวนาให้เห็นพ้องต้องกัน เตือนมาทางลัดเสี่ยงขัดแย้ง ปลุกนายกฯ จัดการปัญหา



วันนี้ (10 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ย้ำจุดยืนพรรคไม่เข้าร่วมการพูดคุยเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมตามคำเชิญของนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา โดยให้เหตุผลว่า เป็นการดำเนินการที่มีจุดมุ่งหมายแฝงเร้น จึงไม่ประสงค์ที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่มีจุดมุ่งหมายแฝงเร้น และไม่สามารถร่วมสังฆกรรมกับการดำเนินการที่ไม่มีความชัดเจนได้ ส่วนกลุ่มอื่นจะไปหรือไม่ถือเป็นดุลพินิจของแต่ละฝ่าย ทั้งนี้เห็นว่าผู้ดำเนินการต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ชัดเจนออกมา พร้อมยืนยันว่า พรรคเห็นด้วยกับการสร้างความปรองดอง แต่การสร้างความปรองดองด้วยวิธีการใดก็ตามจะต้องเห็นพ้องต้องกันของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในบ้านเมือง และต้องไม่เป็นการละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมของบ้านเมือง ดังนั้นจะสำเร็จต้องอยู่บนพื้นฐานการเห็นพ้องต้องกัน ไม่นำไปสู่การสร้างปัญหาใหม่ในบ้านเมือง การเคลื่อนไหวของ ส.ส.รัฐบาลในขณะนี้ในเรื่องของการนิรโทษกรรมล้วนแต่เป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจะเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วยเหตุผลหลายประการ

คือ 1.การที่มี ส.ส.แกนนำเสื้อแดงของเพื่อไทยออกมาเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมและ นายเจริญ เป็น ส.ส.เพื่อไทย ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ น่าจะเป็นกลยุทธ์แยกกันเดินรวมกันตีมากกว่า คือให้ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าเรื่องนี้ เนื่องจากขณะที่นายเจริญกำลังจะพูดคุย ส.ส.เพื่อไทยก็ออกมาเสนอร่างกฎหมาย ทั้งที่เป็น ส.ส.พรรคเดียวกันควรคุยกันก่อนให้ได้ข้อสรุปจึงจะเรียกว่ามีความจริงใจ แต่การเสนอวิธีการที่ต่างกันมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็นกลยุทธ์แยกกันเดินรวมกันตี เอานิรโทษกรรมบังหน้าล้างผิดให้บางคน

นายองอาจ กล่าวต่อว่า 2.การเคลื่อนไหวของสองกลุ่มนี้คือ นายเจริญ และ 42 แกนนำเสื้อแดงไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าสิ่งที่ดำเนินการเป็นการทำเพื่อนิรโทษกรรมอย่างแท้จริง เพราะมีกฎหมายปรองดองอีก 4 ฉบับในสภา เมื่อมีการพิจารณาเรื่องนี้เข้าสู่สภา โอกาสที่จะนำกลับมาพิจารณาร่วมกัน เพราะอ้างว่าเป็นหลักการเดียวกันก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการกระทำที่ทำไม่ได้ก่อนหน้านี้จากร่าง พ.ร.บ.สี่ฉบับก็อาจทำไปในคราวเดียวกัน

3.ถ้าเดินหน้าต่อไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่มีการแปรญัตติเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง สิ่งที่น่าสังเกตอย่างมากคือ การยื่นกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่สภานั้นวิปรัฐบาลและรัฐบาลพยายามปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง อ้างว่าเป็นเอกสิทธิ์ ส.ส.พรรคไม่รู้เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการทำโดยพลการ โดยพรรคเพื่อไทยไม่รู้เรื่อง เพราะโดยทั่วไป ส.ส.ของพรรคใดจะเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาพรรคการเมืองนั้นจะรับรู้ รับทราบ และมีส่วนผลักดันให้กฎหมายผ่านสภาได้ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่ารัฐบาลจะได้ปฏิเสธความรับผิดชอบหากการดำเนินการของ ส.ส.หรือกลุ่มรองประธานสภาก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ ต่อบ้านเมือง เพราะหากมองว่าการนิรโทษกรรมเป็นการทำเพื่อประโยชน์บ้านเมืองรัฐบาลควรเห็นชอบตั้งแต่แรก แต่น่าแปลกและน่าสงสัยว่าทำไมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาลปฏิเสธเรื่องนี้ ถือเป็นพฤติกรรมตีสองหน้าที่ไม่เหมาะสมและฟ้องว่าการดำเนินการเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมน่าจะมีจุดมุ่งหมายแฝงเร้น จึงอยากเรียนไปยังรัฐบาลว่าขอให้ทำตามครรลองที่ถูกต้องเหมาะสม

“การดำเนินการเพื่อนำไปสู่ความปรองดองควรเป็นเรื่องที่เกิดจากความเห็นพ้องต้องกันของคนในสังคม และวิธีการที่มีการเสนอโดย คอป.คือการสานเสวนาควรเป็นสิ่งที่ดำเนินการก่อนเป็นเบื้องต้น แต่ถ้าดำเนินการโดยลัดขั้นตอนเหมือนที่บางคนดำเนินการในขณะนี้นอกจากไม่ประสบความสำเร็จแล้ว เกรงว่าจะเหมือนไฟฟ้าลัดวงจรที่อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมาอย่างไม่มีวันสิ้นสุดได้ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯในฐานะเป็นผู้นำสูงสุดของบ้านเมือง ให้มีส่วนช่วยไม่ให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร โดยการปล่อยให้คนของรัฐบาลดำเนินการนิรโทษกรรมแบบลัดขั้นตอนในขณะนี้ เพราะไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง อย่าให้เกิดปัญหาบานปลายในประเทศอีก” นายองอาจ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น