นายกรัฐมนตรียังไม่กล่าวถึงอนาคตทางการเมือง “พงศพัศ” รอ กกต.รับรองเป็นทางการก่อน ด้านเจ้าตัวบอกแล้วแต่จะพิจารณา ด้าน รมว.มหาดไทย ชักแม่น้ำทั้งห้าลากกลับนั่งเก้าอี้รอง ผบ.ตร.-เลขาฯ ป.ป.ส.
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศสวีเดน และเบลเยียม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เช่น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม เดินทางมาตรวจเยี่ยมคามพร้อมการจัดนิทรรศการ THAILAND 2020 ก้าวใหม่เชื่อมไทยสู่โลก โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ไปรอรับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางมาด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถาม พล.ต.อ.พงศพัศ ว่านายกรัฐมนตรีได้ให้คำตอบหรือยังถึงอนาคตทางการเมือง พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “รอหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการก่อนจะมีความชัดเจน ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี”
ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้านายกรัฐมนตรีว่าหมดเวลาราชการแล้วไปหาเสียงกันอีกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หัวเราะชอบใจก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ต้องหาเสียงแล้ว เสียงมาแล้ว กำลังใจจากประชาชนก็มาแล้ว” และเมื่อถามว่าจะจัดวางตำแหน่งงานให้ พล.ต.อ.พงศพัศอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์หัวเราะชอบใจก่อนเข้าไปจับแขน พล.ต.อ.พงศพัศพร้อมกล่าวว่า “ก็พากันไปด้วยกันนี่แหละ”
อย่างไรก็ตาม ภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการวางตำแหน่งให้ พล.ต.อ.พงศพัศ ว่าคงต้องรอการประกาศผลและรับรองอย่างเป็นทางการจาก กกต.ก่อนค่อยว่ากัน วันนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดคงต้องรอผลอย่างเป็นทางการจาก กกต.ก่อนแล้วคงจะคุยกันอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ฤกษ์ปรับคณะรัฐมนตรีหรือยัง นายกฯยิ้มพร้อมกับกล่าวเพียงสั้นๆ ว่ายัง
มีรายงานข่าวว่าในวันเสาร์ที่ 9 มี.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยโดยนายกรัฐมนตรีแกนนำและ พล.ต.อ.พงศพัศ จะขึ้นรถแห่ขอบคุณชาว กทม. ที่ให้การสนับสนุนถึงกว่าล้านคะแนน
ด้าน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศ จะขอกลับเข้ารับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งว่า กฎหมายทุกฉบับมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ข้าราชการก็มุ่งหวังที่จะก้าวหน้าก่อนเกษียณไปสู่ตำแหน่งที่สูงสุด แต่ถ้าต้องการคนดีเข้ามาทำงานการเมืองบ้าง และไม่เปิดโอกาสให้คนดีได้ลาออกมาสมัครเป็นตัวเลือกให้กับประชาชน ก็จะไม่มีคนดีคนไหนกล้าแแกมารับใช้พี่น้องประชาชนนี่คือหลัก
ดังนั้นในกฎหมายข้าราชการพลเรือนและในกฎหมายการเลือกตั้งจึงบอกว่า ถ้าข้าราชการประจำที่อยากจะเสนอตัวรับใช้พี่น้องประชาชน ภาคราชการต้องให้โอกาสกับบุคลผู้นั้นและยังให้หลักประกันด้วยว่า ถ้าไม่ได้รับเลือกแล้วก็ให้กลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยที่หน่วยราชการนั้นต้องเก็บตำแหน่งนี้ไว้ 30-45 วัน อันนี้เป็นหลักการ เพื่อให้คนที่มีประการณ์มีโอกาสมาทำงานการเมืองนั้นต้องเปิดโอกาสช่องกลับให้กับเขา
