พท.หวังคนกรุงเลือกผู้สมัครที่ประสานงานกับรัฐบาลได้มาเป็นผู้ว่าฯ กทม.

โฆษกเพื่อไทย เดินหน้าส่งสมาชิกเคาะประตูบ้านช่วย “พงศพัศ” หาเสียง มั่นใจคนกรุงเทพฯจะเลือกผู้สมัครที่ประสานงานกับรัฐบาลได้ดีมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.หวังคนกรุงใช้สิทธิ 70% เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯได้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครในโค้งสุดท้าย ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการจัดทำโพลเพื่อทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดห้ามเปิดเผยโพลก่อนการเลือกตั้ง 7 วัน ซึ่งจะทำให้ผิดกฎหมาย โดยพรรคเพื่อไทยจะเน้นการหาเสียงด้วยการให้สมาชิกช่วยกันเคาะประตูบ้าน เพื่อนำนโยบายต่างๆ ไปให้ประชาชนได้รับรู้ โดยในวันนี้จะเปิดปราศรัยหาเสียงที่ฝั่งธนบุรี วันที่ 1 มี.ค.จะปราศรัยหาเสียงที่เวทีสวนลุมพินี วันที่ 2 มี.ค.จะมีการปล่อยขบวนรนรงค์ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพราะหากประชาชนมาใช้สิทธิจำนวนมาก จะทำให้ กทม.เปลี่ยนแปลงได้

ส่วนที่มีข่าวว่าทางสันติบาลโพลระบุว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครจะแพ้กันเพียงไม่เกินห้าหมื่นคะแนนนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมายืนยันว่าไม่ได้มีการจัดทำโพลแต่อย่างไร ดังนั้นข่าวที่ออกไปเป็นการสร้างกระแสเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคไมได้มองเรื่องแพ้ชนะ แต่มองเรื่องของการเสนอตัวบุคคล ความรู้ ความสามารถนโยบายของพรรคมากกว่า ส่วนประชาชนจะเลือกใครนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ต่อข้อถามว่า กระแสที่ผ่านมา พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย นำมาตลอด หากโค้งสุดท้ายไม่มีการทำโพลจะทำให้กระแสลดลงหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกัน ส่วนตัวยังเชื่อว่าคน กทม.จะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ นโยบายพรรค การประสานในเรื่องของการทำงานกับรัฐบาลได้ดี และมองผลงานในอดีตที่ผ่านมามากกว่า ซึ่งยอมรับว่าผลโพลเป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนกรุงเทพฯมากกว่า ทั้งนี้จึงอยากให้ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิกันให้มากๆ หากออกมาใช้สิทธิได้ 65-70 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใน กทม.แน่นอน

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดทำโพลส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย ประเทศอเมริกาเขาก็ยังเชื่อถือโพล ดังนั้นตนคิดว่าการจัดทำโพลเป็นการสะท้อนความต้องการของประชาชน เป็นเรื่องปกติที่ประเทศเสรีต่างๆ เขาก็ทำกันและไม่ได้เสียหายอะไร คนที่ไม่อยากให้ทำโพลเพราะไม่ยอมรับตัวเอง ทั้งที่ไม่สามารถไปกำหนดแพ้ชนะได้