xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” จี้ “ปู” แจงถกสันติภาพใต้ ยันต้นสัปดาห์ทีมผู้ว่าฯ ครบ เชื่อล้างผิดเหลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
“มาร์ค” เผย ปชป.พร้อมชงกระทู้ บี้ รบ.เจรจาโจรใต้ หลังไฟใต้ยังโหมหนัก ดักนายกฯ ตอบ อย่าโยน “เหลิม” ยันพรรคช่วยเต็มที่ ชี้ไม่ไหวอย่าฝืน คาดสัปดาห์หน้าทีมงานผู้ว่าฯลงตัว รับอยากให้มีผู้หญิงร่วม รับคุย “คุณชาย” ลดช่องว่างเข้าพรรคเพิ่มขึ้น ยันเข้าใจทั้งสองฝั่ง ย้อนไม่แปลกดีเอสไอยัดข้อหาเพิ่ม เหตุจ้องฟันตั้งแต่ก่อนชิงผู้ว่าฯ เชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษฯ ไม่ถึงฝั่ง ฝืนส่อขัดแย้ง

วันนี้ (6 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวทางผ่านไปยังรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า รัฐบาลควรจะชี้แจงให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกระบวนการที่ไปพูดคุยสันติภาพให้สภาฯ ได้รับทราบก่อนว่ามีแนวทางอย่างไร โดยในส่วนของพรรคพร้อมที่จะเสนอข้อมูลในพื้นที่เพื่อให้ประกอบการตัดสินใจในการแก้ปัญหาและจะปรึกษากับนายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรค ที่ลงพื้นที่ไปว่ารูปแบบควรเป็นอย่างไร โดยไม่ขัดข้องที่จะร่วมกับวุฒิสภาเพื่อเสนอให้รัฐบาลชี้แจงต่อรัฐสภา แต่เบื้องต้นพรรคจะตั้งกระทู้สดถามรัฐบาลและดูท่าทีของรัฐบาลก่อนว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้เป็นที่เข้าใจเพราะรัฐบาลบอกเองว่าจะให้เป็นวาระแห่งชาติแต่กลับไม่บอกให้ฝ่ายต่างๆ รับทราบว่าแนวทางจะเป็นอย่างไรจึงทำให้ทำงานได้ยากลำบาก

“ผู้ที่จะมาตอบกระทู้สดควรจะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่บอกมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ได้มีส่วนร่วมเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพดังกล่าว เพราะในวันที่พบกับผมก็บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียังไม่ว่างพรรคประชาธิปัตย์ก็รอได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่นายกรัฐมนตรีไม่มาตอบกระทู้สดในสภาไทยแต่กลับไปสภาสวีเดน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนอยากย้ำว่านายกฯ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างชัดเจน ส่วนที่รัฐบาลจะเดินหน้ากระบวนการพูดคุยสันติภาพต่อก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเพราะมาเลเซียเปิดเผยเองว่าจะมีการพูดคุยกันภายใน 2 สัปดาห์หลังจากการลงนาม แต่สิ่งที่ต้องมีการสื่อสารคือสภาพเหตุการณ์ในพื้นที่หลังการลงนามเป็นต้นมามีความรุนแรงหลายครั้ง จึงต้องสอบถามว่าคนที่อ้างตัวเป็นผู้แทนของผู้ที่เห็นต่างจากรัฐได้ดำเนินการสื่อสารไปยังคนในพื้นที่ที่ปฏิบัติหรือยัง ถ้ายังจะสื่อสารเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงได้เมื่อไหร่ และถ้าอ้างว่าสื่อสารแล้วเหตุใดยังเกิดเหตุอยู่ ซึ่งตนเห็นคนในรัฐบาลบอกว่าจะคุยต่อก็ต้องยุติเหตุรุนแรงให้ได้เพื่อเป็นบททดสอบจุดแรก

“หากการเดินหน้าดังกล่าวเป็นการพูดคุยกับคนที่ไม่สามารถกุมสภาพในพื้นที่ได้ก็ไม่มีประโยชน์และจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนมีปฏิกิริยาโต้กลับจนทำให้แก้ปัญหายากขึ้น เมื่อมีแนวโน้มว่าสิ่งที่ดำเนินการไม่ได้ผล รัฐบาลก็ต้องทบทวนแต่ก็คงต้องดูจังหวะเวลาด้วยเพราะเพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วัน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการรับรองผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อไหร่แต่เชื่อว่าต้นสัปดาห์หน้าน่าจะประกาศรายชื่อทีมบริหารของ กทม.ได้ทุกตำแหน่ง คือ ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.4 ตำแหน่ง ที่ปรึกษา 9 ตำแหน่ง เลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ 4 ตำแหน่ง และหน่วยงานของ กทม.ที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในการบริหารหลังจากที่ผู้ว่าฯ กทม.เข้ารับตำแหน่ง โดยในขณะนี้การเลือกบุคคลที่จะไปเป็นทีมบริหารก็มีความคืบหน้าไปมากแต่ยังไม่จบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทีมงานใหม่ของผู้ว่าฯ กทม.จะต้องมีความกระฉับกระเฉงเพราะทราบดีว่าคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้มาพร้อมความคาดหวังที่ต้องการเห็นการปรับปรุงหลายอย่าง ซึ่งพรรคก็พยายามจะดึงคนนอกเข้ามา และในความเห็นของตนคิดว่าควรมีผู้หญิงมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.อย่างน้อย 1 คน เพื่อเป็นการเสริมโอกาสของผู้หญิง และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะมี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไปเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่

ส่วนการประชุมร่วมกับ ส.ก. ส.ข.ก็ได้มีการขอบคุณที่ทำงานร่วมกันซึ่งยังต้องติดตามรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลือกตั้งและเร่งขอบคุณประชาชนวางระบบการทำงานเพราะป็นคนที่จะต้องสัมผัสกับประชาชนในช่วงที่ทำงานว่าจะเชื่อมต่อกับพรรคและ กทม.เพื่อแก้ปัญหากับประชาชนได้อย่างไร

ส่วนกรณีที่ ส.ส.ติติง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ว่าขาดการเชื่อมต่อกับพรรคในระหว่างการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่การวางระบบให้เชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์เยอะและมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล มีการเลือกตั้งทำให้เกิดช่องว่างก็เป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายทราบดีและจะนำมาแก้ไข ซึ่งตนได้คุยกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แล้วว่าพร้อมที่จะแก้ปัญหาลดช่องว่างเหล่านี้ มี ส.ส.พรรคอยากให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เข้าพรรคมากขึ้น แต่ตนก็เห็นใจว่าคนที่ทำงานบางทีก็ภารกิจเยอะ เพราะไม่ใช่เฉพาะแค่ผู้ว่าฯ กทม.หลายคนที่เป็นรัฐมนตรีก็ถูกต่อว่าในเรื่องนี้ จึงต้องพยายามเพราะความสำเร็จของงานจะขึ้นอยู่กับการขับเคลื่อนทางการเมืองด้วย บางทีคนไปทำงานก็มองข้ามตรงนี้ไปว่าถ้าขาดการขับเคลื่อนทางการเมืองควบคู่ไปด้วยงานก็ออกมาได้ยาก

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวด้วยว่า ทราบมาว่าดีเอสไอเตรียมที่จะเรียก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีเงินบริจาคเข้าพรรคโดยไม่ทำเป็นเช็คขีดคร่อม แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับการรับตำแหน่ง เพราะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหา และเชื่อว่าคงจะมีการใช้อำนาจดีเอสไอมาดำเนินการกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์อีก เพราะทำมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งจนถูกแจ้งข้อหาสองคดี ซึ่งทุกคนก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และเชื่อว่าแม้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะมีคดีอยู่ที่ดีเอสไอแล้วสองคดีก็จะไม่เสียสมาธิในการบริหารกรุงเทพ

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลรอหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เพื่อที่จะขับเคลื่อนเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะถ้าไม่มีเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.รัฐบาลก็คงดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในพรรคคุยกันชัดเจนว่ากรณีของนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภา ประสานให้ไปหารือเกี่ยวกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้นไม่ใช้รูปแบบที่จะเดินหน้าเรื่องปรองดองได้ โดยตนเชื่อว่ามีความพยายามที่จะเดินทุกทางที่ทำได้

“แต่เชื่อว่าเจอทางตันเพราะถ้าเป้าหมาย คือ สิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักการ ระบบนิติรัฐ นิติธรรม ไม่ว่าจะเดินทางไหนก็ตัน แต่ถ้าเลือกเส้นทางที่ยึดประโยชน์ส่วนรวมก็ไปได้ไม่ตัน ซึ่งหากเดินทางนี้ไม่ได้ก็มีอีกหลายทางที่รัฐบาลพยายามทำ รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น ในระหว่างการเปิดสมัยประชุมนี้จึงยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งซึ่งขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลอยากจะให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ หากไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งก็ต้องแสวงหาหนทางที่สร้างปรองดองจริงๆ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่ม โดยเริ่มต้นจากการถอน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับที่ค้างอยู่ในสภาก่อน แต่ถ้าไม่ทำก็แสดงให้เห็นว่ายังวนเวียนอยู่ที่เดิม” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น