“พล.อ.อ.ประจิน” เผย รมว.กลาโหมนัด ผบ.เหล่าทัพถกโผทหาร เชื่อได้ข้อสรุป ในส่วนกองทัพอากาศไม่มีปัญหา ปรับย้ายเล็กน้อยส่งบัญชีรายชื่อได้วันนี้ ผบ.ทอ.ปล่อยเครื่องบินทำฝนหลวงช่วยภัยแล้ว 12 เครื่อง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารกลางปีว่า ในวันที่ 5 มี.ค.นี้ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้เชิญ ผบ.เหล่าทัพมาหารือเพื่อพูดคุยเตรียมการในการจัดทำโผทหาร ทั้งนี้ไม่มั่นใจว่าในภาพรวมเป็นอย่างไร แต่ส่วนของกองทัพอากาศมีการปรับเพียงเล็กน้อยและไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญ เป็นการหมุนเวียนกำลังพลที่ใกล้เกษียณอายุและทดแทนกำลังพลส่วนหนึ่งที่ลาออกไปเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งการประชุมหารือในวันนี้น่าจะได้ข้อสรุป เพราะการปรับย้ายครั้งเป็นเพียงการปรับเล็กไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งทางกองทัพอากาศพร้อมยื่นบัญชีรายชื่อให้ทาง รมว.กลาโหมในวันนี้
ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจินให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานในพิธีส่งหน่วยบินฝนหลวงกองทัพอากาศ ประจำปี 2556 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจของกำลังพลกองทัพอากาศที่ปฏิบัติภารกิจสนองพระมหากรุณาธิคุณในโครงการพระราชดำริฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนปัญหาภัยแล้งในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้กองทัพอากาศได้จัดอากาศยานจำนวน 12 เครื่อง ได้แก่เครื่องบิน BT-67 จำนวน 4 เครื่อง เครื่องบิน AU-23 จำนวน 6 เครื่อง และ Alphajet จำนวน 2 เครื่อง โดยได้มีการสาธิตการช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัยของกองทัพอากาศ ประกอบด้วย การบินทำฝนหลวง การบินควบคุมไฟป่าการบินโปรยน้ำเพื่อลดปัญหาหมอกควัน รวมถึงการบินลาดตระเวนทางอากาศ การส่งเจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิตด้วยการลงเชือกทางดิ่ง การลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศของเฮลิคอปเตอร์ฮิวอี้ และการบินทิ้งอุปกรณ์ยังชีพโดยใช้เครื่องบินซี-130
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า กองทัพอากาศพร้อมนำทรัพยากรของกองทัพอากาศมาใช้ให้เป็นประโยชน์ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินต่างๆ ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ทั้งภารกิจฝนหลวง การดับไฟป่า ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมเมล็ดพันธ์หุ้มดินเหนียว สำหรับโปรยทางอากาศ โดยจะครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 พันไร่ และภายใน 5 ปีจะได้ประมาณ5 พันไร่ ซึ่งเมื่อเมล็ดพันธุ์ตกถึงพื้นที่จะฝังในพื้นดินประมาณ 40 ซม.และใช้เวลา 15 วันก็จะค่อยๆ เติบโต
ทั้งนี้ การทำฝนหลวงถือเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างจิตสำนึกให้ร่วมกันอนุรักษ์และไม่ตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ อย่างไรก็ตามกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินจำนวน 12 เครื่องเพื่อใช้ในภารกิจทำฝนหลวงในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างดี แต่ยอมรับว่า รู้สึกห่วงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะประสบปัญหาภัยแล้งมากที่สุด ส่วนพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนล่างยังมีความชื้นอยู่บ้าง แต่ในอนาคตคาดว่าจะประสบปัญหาภัยแล้งเช่นกัน ซึ่งทุกหน่วยงานต้องช่วยกันดูแล ส่วนการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำนั้นต้องดูผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะในแต่ละพื้นที่มีปัจจัยไม่เหมือนกัน ซึ่งต้องศึกษาอย่างละเอียด