xs
xsm
sm
md
lg

ปรากฏการณ์ “เทพแมลงสาบ” อวตาร / จิตตนาถ ลิ้มทองกุล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่นยิ่งกว่าจับวางกับการคาดคะเนของ “เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์” ฉบับล่าสุดที่ฟันธงว่าท้ายสุดแล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะสามารถแซงโค้งสุดท้ายกลับมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นสมัยที่ 2 จากการจัดเต็มของพรรคประชาธิปัตย์กับแคมเปญการหาเสียงด้วยไม้ตาย “ใช้ความเกลียดความกลัวระบอบทักษิณ” เป็นนโยบายซึ่งต้องยอมรับว่าได้ผลเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเทียบคะแนนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ครั้งที่แล้วที่ได้ราว 9 แสนกว่าคะแนน กับครั้งนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้าน 2 แสนกว่าคะแนน กล่าวคือเพิ่มขึ้นราวสามแสนคะแนนนั้น กับคะแนนของผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่เพิ่มขึ้นจาก 5 แสนกว่าเป็นล้านกว่า หรือเพิ่มขึ้นราว 5 แสนกว่าเสียง ซึ่งเป็นการเพิ่มในอัตราที่มากกว่าคะแนนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทั้งยังถือเป็นครั้งแรกที่ผู้สมัครจากพรรคการเมืองได้คะแนนแตะหลักล้านนั้น สามารถสะท้อนข้อมูลที่น่าสนใจออกมาดังนี้

เมื่อพิจารณาจากฐานคะแนนเดิมของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วราว 9 แสนกว่า เทียบกับฐานคะแนนของคนที่เลือกพรรคเพื่อไทยคราวนี้จำนวนล้านกว่าเสียง ซึ่งเป็นฐานเสียงเลือกตั้งที่ชัดเจนของทั้งสองฝ่ายไม่มีการสวิงไปหาผู้สมัครรายอื่น จะเห็นได้ว่า บรรดาโพลที่ออกมาทั้งหลายแหล่ในช่วงแรกมีความแม่นยำในระดับหนึ่ง ที่บอกว่าฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์เป็นรองในช่วงแรก

คะแนนที่เพิ่มขึ้นของพรรคเพื่อไทยเกือบเท่าตัวถึง 5 แสนคะแนน เป็นดัชนี้ชี้วัดความเบื่อหน่ายการบริหารกรุงเทพมหานครอย่างไร้ประสิทธิภาพที่ผ่านมาของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่จับต้องไม่ได้สักเรื่อง แถมยังล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำที่ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมขังได้ (ซึ่งต้องบอกว่าเป็นโชคเข้าข้าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ไม่ได้เลือกตั้งในหน้าฝน มิฉะนั้นคะแนนของผู้สมัครรายอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งคงเพิ่มมากขึ้นกว่านี้) หรือกล้องวงจรปิดที่เป็นกล้องดัมมี่แหกตาชาวบ้าน และที่ร้ายกาจที่สุดคือ “สนามฟุตซอล” อนุสรณ์สถานแห่งความอัปยศที่ฟีฟ่าไม่รับรอง

ส่วนคะแนนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้อีก 3 แสนคะแนน จนช่วยให้แซง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ นั้นคือพลังเงียบที่ตัดสินใจในโค้งสุดท้ายนั้น หาใช่มาจากความนิยมในตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพิ่มขึ้นจากเมื่อ 4 ปีที่แล้วแต่อย่างใด หากแต่เป็นพลังเงียบที่รับไม่ได้หากผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นเนื้อเดียวกับพวกเผาบ้านเผาเมืองจะได้รับชัยชนะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ตามยุทธศาสตร์สุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ปูพรมกระหน่ำจนได้ผล

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนที่รู้โพลคะแนนอย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะประกาศว่าจะจดจำเหตุการณ์วันนี้ไปจนวันตาย เพราะเป็นการแซงกันที่โค้งสุดท้ายจริงๆ ส่วนเรื่องที่แปลกก็คือนโยบายหลักของ กทม. หาใช่การพัฒนา กทม.ให้ดีขึ้นไม่หากแต่เป็นการสกัดอย่าให้พรรคเพื่อไทยอันเนื้อเดียวกับพวกเผาบ้านเผาเมืองชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ผลลัพธ์ที่จะเกิดจากการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือ อย่างดีที่สุด คนกรุงเทพฯ ก็แค่ “เท่าทุน” กล่าวคือซวยมาแล้วก็จะซวยต่อไป แทนที่จะซวยแบบไร้รอยต่อ หรือมีทางเลือกใหม่ๆ จากผู้สมัครอิสระ หรืออาจจะซวยหนักกว่าเก่าเนื่องจากครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้เทงบประมาณเลือกตั้งและสรรพกำลังในการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่ากทม อย่างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคนี้ ประกอบกับกรุงเทพมหานครถือเป็นแหล่งทำมาหากินแหล่งเดียวที่เหลืออยู่ของพรรคนี้ ดังนั้นการถอนทุนคืนย่อมเป็นไปอย่างคุ้มค่าในทุกโครงการ ซึ่งคน กทม.ก็ต้องหลับหูหลับตายอมรับไปเพราะถือว่าดีกว่าให้พรรคเพื่อไทยมาทำมาหากินบนถิ่นตัวเอง

และจากการรักษาโรคที่ปลายเหตุ เหมือนกับที่กินยาพาราเซตามอลสะกดอาการปวดทั้งๆ ที่ตนเองเป็นโรคมะเร็ง คน กทม.ก็ต้องรับให้ได้กับการตกเป็นตัวประกันระหว่างพรรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรคต่อไปเรื่อยๆ

งานนี้คนที่ได้มากที่สุดคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพราะว่าเท่ากับว่าได้พรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรคมาช่วยฟอกตัวใหม่ให้ จากที่มีปัญหาในการบริหารงาน และคะแนนนิยมตกต่ำจนแทบจะไม่ได้เป็นตัวแทนพรรคในเบื้องต้น หากจะเปรียบภาพให้เห็นก็คือแมลงสาบแก่ๆ อุ้ยอ้ายติดเหล้าเมาไวน์ใกล้หมดสภาพตัวหนึ่งพลันได้รับการชุบชีวิตจากเหล่าชนชั้นผู้นำแมลงสาบด้วยกันจนผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกใหม่เป็น “เทพแมลงสาบอวตาร” ออกมาสู้กับ “ตัวเหี้ย” ที่กำลังแรงฤทธิ์

นอกจากฟอกตัวให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แล้ว ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์เองก็ได้อานิสงส์ในการฟอกตัวเองกลับไปด้วย โดยอาศัยความเกลียดกลัวของคน กทม. ให้ลืมเรื่องราวความเฮงซวยที่ตนเคยเป็นตัวตั้งตัวตีประกันตัวพวกเผาบ้านเผาเมืองออกมา และผลักภาระความรับผิดชอบทั้งหมดกลับไปที่คน กทม.เองตามสูตรสำเร็จของพรรคแมลงสาบที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น

ในที่สุดคนที่ยังลังเลก็คิดว่า ถ้าต้องอยู่บ้านเดียวกับ “ตัวเหี้ย” ขอกลั้นใจอยู่กับ “แมลงสาบ” ดีกว่า เพราะเหี้ยดูน่ากลัวกว่าแมลงสาบ ถึงแม้ว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์จะชอบกินขยะและซากของเน่าเหมือนกันก็ตาม

ชัยชนะแบบลุ้นกันเหงื่อแตกที่โค้งสุดท้ายจนกลับมาเข้าวินของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในครั้งนี้ คงต้องบอกว่าเป็นความถนัดในเกมตีกินของพรรคประชาธิปัตย์ล้วนๆ เพราะหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ลงสมัครอิสระย่อมจะไม่มีปาฏิหาริย์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่

นับจากนี้ไปจะเป็นทางเลือกในการใช้ชีวิตช่วงชีวิตสุดท้ายของ “เทพแมลงสาบอวตาร” ตนนี้ว่า จะตั้งหน้าตั้งตาตอบแทนพระคุณที่ชาว กทม.บางส่วนกลั้นใจลงคะแนนให้ชนะตัวเหี้ย หรือจะหลงตัวเองว่าเป็นเพราะตัวเองแน่และพรรคตัวเองแน่เอาแต่อัตตาตัวเองอย่างเดียวเหมือนอย่างที่เคยทำมา คิดว่าทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดเพราะกลายเป็นเทพ (แมลงสาบ) ไปแล้ว และคิดว่าวิธีการหาเสียงกับความเกลียดความกลัวจะใช้ได้ผลตลอดไป

หลังจากผ่านช่วงดรามาไปแล้ว คน กทม.ก็จะได้เห็นกันว่า เทพแมลงสาบอวตารเกิดใหม่ตนนี้ทำงานคุ้มค่ากับโอกาสที่ได้รับหรือไม่อย่างไร? และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้เป็นการหยุดทักษิณได้จริงหรือไม่? ในอีกไม่นานพวกเราก็จะได้รับบทเรียนกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น