“อภิสิทธิ์” ระบุไฟใต้โหมหนักเหตุ “เฉลิม” ผู้รับผิดชอบเป็นนักรบห้องแอร์อยู่แต่ในกรุงเทพฯ แล้วสร้างวาทกรรมรายวัน แก้ปัญหาไม่เป็น จี้ “ปู” ถอดพ้นความรับผิดชอบ มอบรองนายกฯ คนอื่นดูแลแทน พร้อมแนะปรับนโยบายใหม่ ชี้โจรใต้มีแผนยกระดับปัญหา รัฐบาลต้องเร่งตัดไฟแต่ต้นลม ทำความเข้าใจต่างชาติ
วันนี้ (18 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในจังหวัดปัตตานีว่า เห็นด้วยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่สิ่งที่ต้องเร่งทำ คือ ข้อยุติในระดับนโยบายว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยน โดยควรทบทวนการดำเนินการของรัฐบาลว่าอะไรยังเป็นปัญหา และต้องทบทวนผู้รับผิดชอบด้วย เพราะหาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่ได้รับมอบหมายไม่พร้อมที่จะลงพื้นที่ นายกฯ ต้องตัดสินใจว่าจะให้รองนายกฯ คนใดไปรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะหากจะให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ไม่มีสถานะในรัฐบาลไปดูแลคงไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจสั่งการ แต่สามารถเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาได้
ทั้งนี้ยังเห็นว่า แม้นายกรัฐมนตรีจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องติดตาม และอยากให้คนที่รับผิดชอบสามารถรับฟังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานอย่างเท่าเทียมกัน เช่น หากให้รองนายกฯ ที่ดูแลด้านตำรวจมารับผิดชอบก็มีแนวโน้มที่จะฟังแต่ตำรวจ จึงอยากให้ได้รองนายกฯ ที่ฟังทุกฝ่ายในน้ำหนักที่เท่าๆ กันเข้ามารับผิดชอบ และเห็นว่าปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นเพราะไปมอบคนที่ไม่อยากทำงานไปทำ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกมาระบุว่ามีแนวคิดที่จะให้ชนะโดยไม่ต้องรบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ ร.ต.อ.เฉลิมพูดไปเรื่อย แต่ในพื้นที่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ประชาชนต้องเผชิญกับความเดือดร้อน จึงอยากให้ออกนโยบายอย่างเป็นระบบที่นายกฯ และคนที่ได้รับมอบหมายสามารถกำหนดทิศทางกับทุกหน่วยงานได้ และมีฝ่ายนโยบายไปติดตามการเดินตามนโยบายนั้น เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนหลายอย่างทั้งความเกี่ยวโยงกับความผิดพลาดในอดีต เช่น กรณีตากใบจนถึงการที่ ร.ต.อ.เฉลิมพยายามโฆษณาประชาสัมพันธ์ถึงการไปทำงานกับมาเลเซีย ซึ่งตนก็เคยเตือนไปแล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องการปฏิบัติงานของฝ่ายรัฐจะมีอยู่เป็นระยะ จึงเป็นเหตุผลว่าจำเป็นต้องมีฝ่ายการเมืองเข้าไปดูแลไม่สามารถทิ้งพื้นที่แล้วปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานโดยไม่มีฝ่ายนโยบายเข้าไปสนับสนุน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้บริหารใช้วิธีการอยู่ กทม.แล้วสร้างวาทกรรมรายวันจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีแต่จะรุนแรงขึ้น และตอนนี้ทุกคนก็ห่วงใย ไม่ใช่เฉพาะคนในพื้นที่ เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำท่าจะลุกลามออกไปมากขึ้นในแง่ของระดับความรุนแรงและความหลากหลายของรูปแบบในการก่อความไม่สงบ อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่ารัฐบาลคงเดินต่อไปตามแนวทางเดิมไม่ได้ เพราะชัดเจนว่าแนวทางที่ทำมาต้องมีการปรับปรุง
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไม่ได้มีความชัดเจนว่าแนวทางแก้ปัญหาเป็นอย่างไร เนื่องจากมองปัญหาแบบแยกส่วน เช่น ถ้าพูดถึงเรื่องการพัฒนาก็จะคิดถึงแต่การจัดสรรงบประมาณลงไปในพื้นที่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะไปพูดถึงการเยียวยา แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าจะปรับนโยบายอย่างไร ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับการเยียวยาการชุมนุมในปี 2553 และเห็นว่าฝ่ายที่ก่อความไม่สงบพยายามที่จะยกระดับปัญหา ซึ่งเป็นหน้าที่รัฐบาลต้องสกัดกั้นจึงจำเป็นต้องมีคนเกาะติดพื้นที่เพื่อป้องกัน แต่ถ้าควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ก็จะไม่เป็นผลดี เพราะปัจจุบันต่างชาติก็จับตาปัญหาความไม่สงบในภาคใต้อยู่แล้ว โดยที่ผ่านมามีความพยายามเข้าใจกับภาคต่างประเทศ ทั้งภาครัฐ ผู้นำทางศาสนา และการทูต สิ่งเหล่านี้ต้องทำต่อเนื่อง ส่วนการสร้างขวัญกำลังใจด้วยการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยให้แก่ครูในพื้นที่นั้นเห็นว่าสิ่งใดเป็นเรื่องจำเป็นก็ต้องทำ แต่อย่ามองว่าทำแล้วจะสามารถแก้ปัญหาพื้นฐานได้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่นโยบายหลัก จึงอยากให้รัฐบาลประเมินสถานการณ์และทบทวนใหม่