กกต.กทม.รับปม “สวนดุสิตโพล” สำรวจเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ไว้เป็นคำร้อง ชี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงผู้สมัคร-ผู้ที่ทำโพลอย่างชัดเจน สั่งอนุฯ สอบสวนให้แล้วเสร็จใน 20 วัน ขณะที่ “สุขุม” ส่งเอกสารแจงรายละเอียด 4 พันหน้า ด้าน ปธ.กกต.กทม. ชี้พฤติการณ์ “บิ๊กแจ๊ด” ผบช.น.ยังไม่เข้าข่ายช่วยเหลือผู้สมัคร ส่วน “สมชัย” ชี้เป็น ขรก.ระดับสูงต้องมีวุฒิภาวะ รู้อะไรควรไม่ควร
วันนี้ (15 ก.พ.) พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม.กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.กทม.มีมติเห็นชอบตามที่ ผอ.กกต.กทม.เสนอให้รับเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 ร้องขอให้ตรวจสอบการทำและเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของสวนดุสิตโพล เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ไว้เป็นคำร้องเพื่อพิจารณาวินิจฉัย และจากนี้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.กทม.จะดำเนินการสอบสวนประเด็นตามคำร้อง โดยจะดูว่าคำถามที่มีการตั้งในการทำการสำรวจนั้นเป็นอย่างไร ประชาชนมีการแสดงความคิดเห็นอย่างไร เข้าข่ายองค์ประกอบความผิด มาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่อย่างไร โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และสามารถขอขยายเวลาการสอบสวนได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน ก่อนที่จะเสนอ กกต.กทม.พิจารณา ซึ่ง กกต.กทม.ก็จะมีความเห็นเสนอต่อ กกต.กลางให้มีคำวินิจฉัยต่อไป
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ยังชี้แจงด้วยว่า ที่ กกต.กทม.รับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัย เพราะเนื้อหาคำร้องและหลักฐานที่นำมาเสนอมีความแตกต่างจากคำร้องของนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครหมายเลข 6 ที่ กกต.ยกคำร้องไปก่อนหน้านี้ โดยเนื้อหาตามคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างผู้สมัครกับผู้ที่ทำโพลอย่างชัดเจน แต่คำร้องของนายสัณหพจน์ เป็นการนำเอกสารจากสื่อมวลชนมาร้อง ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเชื่อมโยงได้ โดยก่อนหน้านี้ กกต.กทม. จะมีมติครั้งนี้ ก็ได้มีหนังสือขอข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับการจัดทำโพลในช่วงเวลาที่มีการร้องจากนายสุขุม เฉลยทรัพย์ ผู้อำนวยการสวนดุสิตโพล และนายสุขุมก็ได้จัดส่งเอกสารมาให้ ซึ่งมีจำนวนกว่า 4,000 หน้า คณะอนุกรรมการก็จะนำไปพิจารณาประกอบคำร้องถ้าหากเห็นว่ามีความซับซ้อนในเรื่องการของทำสำรวจ ก็อาจจะเชิญผู้เชี่ยวชาญในมหาวิทยาลัยชั้นนำมาให้ความเห็น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าการทำโพลดังกล่าวเป็นไปตามหลักวิชาการหรือไม่
ทั้งนี้ กกต.กทม.ไม่จำเป็นต้องสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง เพราะหากเสร็จในภายหลังการลงคะแนนเลือกตั้งแล้วพบว่าความผิดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง กกต.ก็สามารถไม่ประกาศรับรองผลได้ หรือถ้าไม่เสร็จทันในช่วงดังกล่าวหลังการประกาศรับรองผลไปแล้ว พบเป็นความผิด กกต.ก็สามารถสอยในภายหลังได้ ซึ่งก็จะต้องรับผิดชอบค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ 170 ล้านบาท
ประธาน กกต.กทม.ยังกล่าวถึงความพร้อมในการจัดเตรียมการเลือกตั้งว่าพร้อมหมดแล้วในทุกด้าน และพบว่าประชาชนมีความตื่นตัวในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก มีการโทรมาแจ้งเหตุ ทั้งการติดตั้งป้ายหาเสียง การย้ายคนเข้ามาในทะเบียนบ้าน ซึ่งในกรณีนี้ตรวจสอบแล้วไม่พบว่าช่วง 2 ปีก่อนหน้ามีการเลือกตั้งครั้งนี้มีการย้ายคนเข้ามาในทะเบียนบ้านผู้มีสิทธิเพื่อจะใช้สิทธิเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีทีพรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นให้ กกต.เสนอย้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ออกนอกพื้นที่หลังพบว่าวางตัวไม่เป็นกลาง พล.ต.ท.ทวีศักดิ์กล่าวว่า ตามหลักการแล้วรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ให้สิทธิเสรีภาพบุคคลในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งคนที่เป็นข้าราชการสามารถแสดงความคิดเห็นส่วนตัวได้ แต่การประพฤติปฎิบัติก็มีมาตรา 60 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ที่ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการอันเป็นคุณเป็นโทษแก่ผู้สมัครกำกับอยู่ ดังนั้นจึงต้องดูว่าการปฏิบัติของ พล.ต.อ.คำรณวิทย์เข้ามาตรา 60 หรือไม่ ซึ่งการที่ พล.ต.อ.คำรณวิทย์นำตำรวจจากต่างจังหวัดเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้ง ก็เพราะตำรวจของ บช.น.มีไม่เพียงพอ ฉะนั้นการดำเนินการตามหน้าที่ ผบช.น.ขณะนี้ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นการให้คุณให้โทษแก่ผู้สมัครรายใดเป็นการเฉพาะ
เมื่อถามต่อว่าจะมีการเสนอขอย้ายเพื่อให้เกิดความสบายใจกับผู้สมัครหรือไม่ ประธาน กกต.กทม.กล่าวว่า คงไม่ได้ ถ้าไปทำโดยไม่มีกฎหมายให้อำนาจก็ผิด กกต.กลางมอบอำนาจให้ กกต.กทม.พิจารณาเสนอขอย้ายข้าราชการที่วางตัวไม่เป้นกลางในการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ อำนาจมีจริง แต่จะทำอย่างนั้นได้ผู้ถูกร้องต้องมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเสียก่อน เช่น สั่งให้ลูกน้องไปหาเสียงกับผู้สมัคร หรือตัวเองไปประชุมกับทีมงานของผู้สมัคร
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องเตือนให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์วางตัวให้เป็นกลางหรือไม่ว่า คงไม่ต้องเตือน เพราะเป็นข้าราชการระดับสูงแล้ว ต้องมีวุฒิภาวะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร อีกทั้งยังไม่มีการร้องเรียน และเรื่องนี้เป็นเรื่อง กกต.กทม.พิจารณา หาก กกต.กลางไปก็ไม่ควร