“ประพันธ์” มั่นใจศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.ไม่มีซื้อเสียง รับอยากเห็นผู้มาใช้สิทธิถึงร้อยละ 70 เพื่อเป็นตัวอย่างทั่วประเทศ ย้ำให้มีความผิดพลาดน้อยที่สุด กันเป็นเหตุแพ้ไม่จบ รับ กม.ไม่ห้ามทำโพล แต่ขอยึดตามวิชาชีพ และห้ามเผยแพร่ 7 วันก่อนเลือกตั้ง ชี้ กกต.กลางมีสิทธิยกคำร้อง กกต.กทม.หากผิดจริง
วันนี้ (13 ก.พ.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเป็นประธานโครงการอบรมวิทยากรท้องถิ่น (ครู ข เดิม) สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า ภาพรวมการหาเสียงขณะนี้มีความคึกคักกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แม้จะมีปัญหาร้องเรียนเรื่องการทำและเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน (โพล) แต่ก็เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการซื้อสิทธิขายเสียง เช่นเดียวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.2 ครั้งในอดีต และอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยกันรณรงค์ให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มาก สร้างสถิติมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มากกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทุกครั้งในอดีต โดยหากได้เกินกว่าร้อยละ 60 หรือถึงร้อยละ70 จะดีมาก เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการเลือกตั้งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ นายประพันธ์ยังได้เน้นย้ำผู้เกี่ยวข้องให้มีการฝึกอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้ทราบถึงข้อกฎหมายและแนวปฏิบัติในการจัดการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนอย่างกรณีของนายประทีป วัชรโชคเกษม ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เบอร์ 14 ที่ในชั้นแรกไม่พบชื่อในบัญชีแสดงตนขอใช้สิทธิ แต่กลับพบว่ามีลายมือชื่อนายประทีปที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง ทำให้ที่ประชุม กกต.เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ต้องมีมติคืนสิทธิการเป็นผู้สมัครให้แก่นายประทีป เพราะเชื่อว่าไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 3 ก.ค. 54 ซึ่งจากการคืนสิทธิดังกล่าวทำให้ขณะนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 25 คนเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน ดังนั้นเมื่อการเลือกตั้งมีการแข่งขันกันสูง มีบุคคลเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งมาก ต้องพยายามลดข้อผิดพลาดให้มากที่สุด เพื่อไม่เป็นช่องทางให้ผู้สมัครที่แพ้การเลือกตั้ง มากล่าวอ้างเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ได้
นายประพันธ์ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีผู้สมัครอิสระไปยื่นร้องศาลปกครอง ให้สั่ง กกต.สั่งระงับไม่ให้มีการทำและเผยแพร่ผลโพลว่า การไปร้องเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ กกต.ก็มีหน้าที่ไปชี้แจงซึ่งจะยืนยันว่า การทำโพลล์นั้นในการเลือกตั้งท้องถิ่น กฎหมายไม่ได้ห้าม เพียงแต่มีประกาศกกต.เมื่อปี 51 ว่าในช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้งไม่ควรเปิดเผยผลโพลล์ ดังนั้น ถ้าจะให้ กกต.ไปห้ามหรือสั่งให้สำนักโพลยุติการเผยแพร่ก็อาจจะเป็นปัญหาได้ แต่ก็อยากขอร้องไปยังผู้ทำโพลให้ทำตามหลักวิชาการ หลักวิชาชีพ และขอความร่วมมือว่า 7 วันก่อนวันเลือกตั้งอย่าได้มีการเปิดเผยผลสำรวจ เพราะถ้ามีผู้ร้องเข้ามา กกต.ว่าไม่เป็นไปตามหลักนี้ กกต.ก็ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่ กกต.กทม.ยกคำร้องการเผยแพร่โพลมีการชี้นำของนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครเบอร์ 6 นั้น ทาง กกต.กทม.ต้องส่งมาให้ กกต.กลางพิจารณา ซึ่งหาก กกต.กลางเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง พบว่าการทำโพลมีลักษณะชี้นำ กกต.กลางก็สามารถกลับมติยกคำร้องของ กกต.กทม.ได้