“ชวนนท์” ตอก รมว.ต่างประเทศแถไปเรื่อย ใช้ข้อ 23 ออกพาสปอร์ตนายใหญ่ ทั้งที่ขัดข้อ 21 เหตุศาลตัดสิน ดักนายกฯ ผู้ตรวจฯให้ 30 วันถอนพาสปอร์ต โชว์แก้ข้อครหานายกฯ ตัดริบบิ้น นิ่งโดนข้อหาละเว้นฯ ชี้ปลัด กต.เตือนแล้วไม่ฟัง โดนด้วย-ย้ำเคอร์ฟิวไม่ใช่คำตอบแก้ไฟใต้ จี้เอาตั้งใจทำงาน ยุติปัญหา “เหลิม-สุกำพล” ตบปากจ้อเยียวยาโจรใต้ คิดถึงเหยื่อจากความไม่สงบ แถมข้อเสนอครูใต้ยังไม่ขยับ
วันนี้ (15 ก.พ.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ ข้อ 21 ซึ่งตนได้ย้ำหลายครั้งแล้วในเรื่องนี้ แต่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ก็แถไปข้างๆ คูๆ เพราะการเพิกถอนใช้ข้อ 23 แต่การออกหนังสือเดินทางต้องใช้ระเบียบข้อ 21 โดย พ.ต.ท.ทักษิณเข้าข่ายที่จะไม่ได้รับการออกหนังสือเดินทาง เพราะเป็นผู้ที่ศาลไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ
ดังนั้น เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้นายกรัฐมนตรีพิจาณณาเพิกถอนหนังสือเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ภายใน 30 วันนั้นจะมีการดำเนินการหรือไม่ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศไทยหรือไม่ ด้วยการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ดีเพิกถอนการออกหนังสือเดินทางโดยมิชอบด้วยการยึดพาสปอร์ตคืนจากพี่ชายตัวเอง โดยมีเวลาคิด 30 วัน แต่ถ้าไม่กล้าทำ ไม่กล้ารับรู้ ปฏิเสธที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้องในตำแหน่งนายกฯ แล้ว นอกจากจะถูกกล่าวหาว่าเป็นนายกฯ แสตนด์อิน นายกฯ จะถูกข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นเดียวกัน ดังนั้น 30 วันต่อจากนี้ไปจึงเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ประเทศไทยหรือไม่ หรือเป็นได้แค่นายกฯ ที่ถูกครหาว่าเป็นแค่นายกฯ ตัดริบบิ้นเท่านั้น เพราะชัดเจนว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลแต่อำนาจอยู่ที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้นใครที่เกี่ยวข้องก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น
“ผมคิดว่าข้าราชการตกเป็นเหยื่อของนายสุรพงษ์ในกรณีนี้ เพราะอำนาจอยู่ที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จึงเตือนมาตลอดว่าถ้าฟังนักการเมืองมากเกินไปจะตกเป็นเหยื่อ และหนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะต้องรับผิดชอบด้วยเช่นเดียวกัน จะประสานผู้ตรวจการแผ่นดินว่ามีส่วนใดสามารถมอบให้ทางพรรคเพิ่มเติมดำเนินคดีกับ รมว.ต่างประเทศที่อยู่ในการไต่สวนของ ป.ป.ช.ได้บ้าง” นายชวนนท์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการพิจารณาประกาศเคอร์ฟิวของรัฐบาลในวันนี้ว่า การประกาศเคอร์ฟิวอย่างเดียวไม่ใช่คำตอบ เพราะกฎหมายที่เข้มงวดและระเบียบที่เข้มข้นไม่ใช่ทางออกเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ ตรงกันข้ามอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ประชาชนอยู่ในความหวาดกลัวและตกอยู่ในความควบคุมของผู้ก่อความไม่สงบมากขึ้น สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรพิจารณา คือ เริ่มต้นจากการหาผู้รับผิดชอบที่เต็มใจทำงานนี้ และเห็นว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่เหมือนกับส่วนอื่นของประเทศไทย นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องยุติความไม่เป็นเอกภาพในระดับนโยบายจากการขัดแย้งกันของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม จึงคิดว่านายกฯ ต้องลงมาแก้ปัญหาในการบริหารทั้งสองประการข้างต้นก่อน
สำหรับการปะทะกันที่มีผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต 16 ศพนั้น นายชวนนท์กล่าวเตือนรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือว่า ให้ระมัดระวังคำพูดที่กระทบจิตใจต่อผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียจากฝีมือของโจรใต้โดยรับไม่เคยพูดว่าจะเยียวยา แตกต่างจากกรณีนี้ จึงเห็นว่ารัฐบาลต้องเยียวยาผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มที่ก่อนที่จะพูดเรื่องการเยียวยาผู้ก่อความไม่สงบ เพราะข้อเรียกร้องของสมาพันธ์ครูภาคใต้รัฐบาลก็ไม่ได้