"สนธิ" แจง "ปานเทพ" เข้าพบรองประธานสภาฯ เนื่องจากถูกเชิญไปสอบถามเรื่องนิรโทษฯ ยันจุดยืนเหมือนเดิม คนผิดต้องถูกดำเนินคดี ลั่นไม่ได้มีการเกี้ยเซียะกันตามที่สื่อเนชั่นเสนอ ซัดปชป.ขายชาติไม่ต่างเพื่อไทย กรณีทำ "ราตรี - วีระ" ติดคุก พร้อมชี้ปปง.ยึดทรัพย์บ่อนเตาปูนแค่เกมการเมืองแก้แค้นไปมาของสองพรรคใหญ่ แฉบ่อนเฟื่องฟูในทุกรัฐบาลเพราะนักการเมืองรับเงิน จวกโพลล์อัปยศรับใช้การเมือง สะท้อนคุณภาพอาจารย์ราชภัฏ ตั้งข้อสังเกตเงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ทุ่มสร้างไฮสปีดเทรนโดยไม่จำเป็น เชื่อกู้มาโกงกิน
คลิกที่นี่ ฟังเสียงสัมภาษณ์ โดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
วันที่ 8 ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ช่วงหนึ่งว่า กรณีปปง.ยึดทรัพย์บ่อนเตาปูน เมื่อพูดถึงบ่อนเตาปูน คนจะนึกถึงนายชัช เตาปูน ชัชวาลย์ คงอุดม การที่ปปง.ออกมาประกาศยึดทรัพย์ในข้อหาฟอกเงิน เพราะว่าสมัยที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อประมาณปลายปี 54 ได้ยกกำลังตำรวจไปทลายบ่อนเตาปูน แล้วในทางลึกนั้น นายชัชวาลย์ คงอุดม กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไม่ถูกกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว นายชัชวาลย์ มีหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ในขณะเดียวกันเขาก็เล่นการเมืองด้วย โดยช่วงหลังมาเทตัวเองอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ อะไรที่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ พอพรรคเพื่อไทยขึ้นมาก็ต้องตามบี้ เป็นเรื่องธรรมชาติที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้
เรื่องนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังตรงที่ว่า มีคนๆหนึ่งเกี่ยวพันกับหน่วยงาน ปปง.เป็นคนเดินในสายบ่อน คือบ่อนการพนันบ้านเราขณะนี้ถ้าจะถามว่ายุคพรรคประชาธิปัตย์กับยุคเพื่อไทยใครมีบ่อนมากกว่ากัน ตอบได้เลย เหมือนกัน พอๆกัน เลวพอกัน เพื่อไทยเวลาตั้งตำรวจตั้งเพียงเพราะว่าตำรวจทำงานให้ แต่พรรคประชาธิปัตย์แทนที่จะตั้งตำรวจเพื่อให้ทำงานให้ตัวเอง กลับตั้งตำรวจแล้วรับเงินตำรวจ รับเงินในการแต่งตั้ง เพราะฉะนั้นแล้วพอเพื่อไทยมาตำรวจถึงเทมาที่เพื่อไทย จะไม่รักพรรคประชาธิปัตย์เพราะรับเงินในการแต่งตั้ง
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในอดีต อย่าให้พูดเลยว่ายุคไหน ให้ 60 ล้าน ขอมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ช่วงหลัง 200-300 ล้านบาท ก็ต้องจ่าย เพราะว่าบ่อนในกรุงเทพฯ มีเป็นร้อยบ่อน เอาเฉพาะขนาดใหญ่กับกลางต้องมี 50-60 บ่อน ลงขันคนละ 5 ล้าน เพื่อให้คนนี้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นักการเมืองก็รับ บ่อนจึงเฟื่องฟู เพราะฉะนั้นแล้วการที่พรรคเพื่อไทยจับบ่อน ชัช เตาปูน โดยเอา ปปง.ไปเล่นงานเพราะเคยจับมาแล้ว เล่นงานถึงขนาดยึดทรัพย์เป็นการล้างแค้น แต่จะทำให้ดีต้องปิดบ่อนให้หมด ซึ่งเขาไม่ทำหรอก เพราะบรรลุเป้าหมายแล้ว เป็นแค่เกมการเมือง
นายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธยา คุณปลื้ม เตรียมขอพระราชทานอภัยโทษให้กำนันเป๊าะ ว่า กำนันเป๊าะถูกศาลฎีกาพิพากษาว่าจ้างวานฆ่ากำนันยูรและคอร์รัปชั่น ซึ่งไม่ใช่เป็นข้อหาเล็กๆ สมควรที่จะขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ อีกอย่างยังไม่ได้ทันรับโทษเลย ญาติพี่น้องของกำนันยูรที่เขาตายไปจะรู้สึกอย่างไร
นายสนธยาสวมหมวกสองใบ ในฐานะเป็นลูกชายและรัฐมนตรี รัฐมนตรีวุฒิภาวะทางปัญญาต้องสูงกว่าความเป็นลูกชาย ควรเสนอให้พ่ออยู่คุกสัก 1 - 2 ปี แล้วค่อยขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วถ้าทำเรื่องไปอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บ้าจี้เสนอเรื่องไป คิดดูข้างบนจะเกิดความกระอักกระอ่วนใจอย่างไรบ้าง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เกมการเมืองทุกอย่างถูกโยงกลับไปเรื่องนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปหมดแล้ว แม้กระทั่งการที่ นายปานเทพ ไปคุยกับ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ก็มีส่วนเกี่ยวพันกันด้วย
เรื่องนี้ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ นายเจริญ จรรย์โกมล เห็นว่าการนิรโทษกรรมเกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ และเขาอยากรู้ว่าจุดยืนของเราอยู่ตรงไหน ซึ่งตนเป็นคนอนุญาตให้นายปานเทพไปเอง โดยให้ไปยืนยันจุดยืนเดิม คือหากนิรโทษกรรมคนที่ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.มั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็นอารยะขัดขืน ไม่มีอาวุธ ไม่ได้ก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง พันธมิตรฯไม่ขัดข้อง แต่ถ้าใครทำผิดต้องดำเนินคดีอาญาต่อไป นอกจากนี้นายปานเทพ ก็พูดชัดเจนเลยว่าคนที่ต้องคดีมาตรา 112 ต้องไม่อยู่ในข่ายนิรโทษกรรม จุดยืนเราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว แต่ก็มีสื่อเดอะเนชั่น เอาไปโจมตีว่าเราเกี้ยเซี้ยะกัน หนังสือพิมพ์เครือเนชั่นเป็นหนังสือพิมพ์ที่เหมาะกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะชอบตีกิน จุดยืนไม่เคยมี
ทั้งนี้นายปานเทพ ก็ได้เอาข้อเสนอภรรยาของพล.อ.ร่มเกล้า ไปเสนอด้วย ซึ่งคล้ายๆกับของพันธมิตร คือต้องมีการแสวงหาความจริงด้วย ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนเริ่ม ใครเผาบ้านเผาเมือง ใครยิงใครตายกันแน่ เอาให้ชัดเจน และต้องให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงเรื่อง น.ส.ราตรี ว่า โชคดีที่เขาเป็นชาวอโศก จึงหนักแน่นปล่อยวางได้ ตนอยากให้แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นหม่อม หรืออีติ๊งต๊องอะไรพวกนี้ ลองเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับน.ส.ราตรีดู คุณค่าน้อยนิดมาก สำหรับตน น.ส.ราตรีเป็นเทพธิดา แต่พวกคุณเป็นนางมารร้าย คุณไม่รู้ว่าที่น.ส.ราตรีต้องได้รับกรรมที่เขาไม่ได้เป็นคนสร้าง แต่ไอ้พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนสร้าง
และผลของการที่พรรคประชาธิปัตย์ไปสร้างกรรมให้คุณราตรี เท่ากับไปยกแผ่นดินที่เป็นของประเทศไทยให้เขมรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นพูดได้ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ขายชาติ ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทย
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ถ้าคุณจะเล่นงานพวกนี้ ถ้ามีอำนาจต้องโยงกลับไปปี 2543 กระทรวงการต่างประเทศ ตนเรียกกระทรวงการขายชาติ ต้องรื้อให้หมดว่าใครเริ่มคิด MOU 2543 ใครร่าง ร่างได้อย่างไร โดยที่ไปยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ถ้าไม่รับเงินเขมร รับเงินฝรั่ง ก็ขายชาติ แล้วไล่มาเรื่อยจนกระทั่งถึง มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และ นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ว่าเห็นด้วยได้อย่างไร มาถึงนายชวน เซ็นได้อย่างไร จนกระทั่งปัจจุบันรัฐบาลทุกรัฐบาลปล่อยให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แล้วจบลงตรงที่เอกสาร 50 ประเด็นถาม - ตอบ ที่กระทรวงการต่างประเทศเขียน ตนอยากรู้ว่าคณะกรรมการชุดไหน อธิบดีคนไหน อ้ายอีคนไหนในกระทรวงการต่างประเทศที่ต้นคิดเรื่อง 50 ข้อนี้ ต้องลากหัวมากุดให้หมด เพราะมันต้องมีที่มาที่ไป จู่ๆ จะมี 50 ข้อได้อย่างไร มาจากหัวคิดใคร
เมื่อถามถึงการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ว่าจริงหรือเปล่าถ้าไม่เลือกเราเขามาแน่ นายสนธิ กล่าวว่า มันเป็นวลีของการบีบบังคับจิตใจ ที่สำคัญคือพวกสาวกพรคประชาธิปัตย์พยายามใช้ตรรกะหัวแม่ตีน ที่ชอบพูดว่าเรามาลืมความแตกต่าง ทิ้งเรื่องขัดแย้งไปก่อนดีกว่า ไม่เช่นนั้นพวกนั้นมาแน่ ตนอยากจะถามกลับระหว่างไอ้พวกนี้ กับพวกคุณ สำหรับตนแล้วไม่เห็นต่างอะไรกันเลย 1 คอร์รัปชั่นเหมือนกัน 2 ไม่ได้ใช้หลักนิติรัฐ 3 กลั่นแกล้งผู้คนเหมือนกัน 4 ขายชาติเหมือนกันหมด ด่าเสื้อแดงเผาเมืองแล้วทำไมจะต้องไม่ให้พูดถึงเรื่องประชาธิปัตย์เป็นเหตุให้ทำให้คุณวีระและคุณราตรีติดคุก
คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 8 ก.พ. 2556
รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 20.00-22.30 น.ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ
จินดารัตน์- ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันนี้พิธีกรรับเชิญของเรากำลังเดินทางมาอีกท่านนึงตี๋น้อย คุณเติมศักดิ์ จารุปราณ และวันนี้เราต้องสวัสดีเจ้าของรายการเถ้าแก่ สวัสดีคะคุณสนธิ มาเต็มยศเลยนะคะวันนี้
สนธิ- คุณบังคับให้ผมแต่งตัว ชุดคุณเมื่อกี้ออฟบอกว่า เป็นชุดสมัยราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ถังนี่ประมาณพันกว่าปี คือต้นตระกูลราชวงศ์หลี่ซื่อหมิน พระเจ้าถังไท่จง เป็นช่วงรอยต่อของนิยายเรื่องยุทธการล่าบัลลังก์ ยุทธการล่าบัลลังก์คือ ราชวงศ์สุย พอหมดสุยล่มสลายแล้ว ถังเกิดขึ้นคือ หลี่ยวน หลี่ยวนคือพ่อของหลี่ซื่อหมิน มีลูก 3 คน หลี่เจี้ยนเฉิง หลี่ซื่อหมิน และหลี่หยวนจี๋ ปรากฏว่าหลี่ซื่อหมินเป็นลูกคนกลาง ฆ่าน้องชายทั้ง 2 คนหมด
จินดารัตน์- ฆ่าพี่ฆ่าน้องหมดเลย
สนธิ- ฆ่าพี่ฆ่าน้องและผลักพ่อให้ไปเป็นลอยเอาไว้ และตัวเองขึ้นมาเป็นจักรพรรดิ์ ตั้งชื่อตัวเองว่าถังไท่จง และสมัยราชวงศ์ถังเป็นราชวงศ์ที่มีความเจริญมากทางศิลปวัฒนธรรม ศาสนาพุทธสมัยราชวงศ์ถังเจริญมาก
จินดารัตน์- และอยู่อย่างยาวนานใช่ไหมคะ
สนธิ- อยู่นานราชวงศ์ถังจะมีทูตต่างประเทศ จากเปอร์เซียเข้ามา ชาวมุสลิมเข้ามา ราชวงศ์ถังนี่เป็นแหล่งที่มีเสรีทางศาสนามาก ถ้าแอนไปเที่ยวเมืองซีอาน นั่นคือเมืองฉางอางเก่า นั้นคือ เมืองหลวงของราชวงศ์ถัง จะเห็นว่ามันจะมีสุเหร่ามัสยิดที่เก่าแก่มาก ตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์ถังใหม่ตั้งอยู่ที่นั่น ราชวงศ์ถังจะเป็นชุดที่เสื้อผ้าจะสวย
จินดารัตน์ - สีสันปัก
สนธิ - แต่ของแอนนี้เป็นชุดถังคือ รูปร่างถังน้ำ
จินดารัตน์- เมื่อกี้ออฟบอกแล้วว่า ชุดอะไร ถังๆ อะไรถังๆ นะ
สนธิ - ถังน้ำ ชุดราชวงศ์ถัง แอนเป็นชุดถังน้ำ ถังน้ำใส่เสื้อผ้าราชวงศ์ถัง แต่จะมีลักษณะเป็นแพรและพริ้วๆ
จินดารัตน์ - สวยซะไม่เหมือนกี่เพ้าทั่วไป
สนธิ - ไม่เหมือนนะ ไม่เหมือน
จินดารัตน์ - เห็นออฟบอกว่า เป็นต้นกำเนิดของชุดกิโมโนด้วย
สนธิ - ถูกต้องๆ ราชวงศ์ถัง
จินดารัตน์ - เห็นเขาบอกว่า จะมีเสื้อตัวในปิดทับไปอย่างนี้
สนธิ - ถูกต้องครับ สวย ทั้งดนตรี ทั้งเสื้อผ้า ผ้าแพรจะเป็นอะไรที่โด่งดังมาก ผ้าแพรราชวงศ์ถังสมัยก่อน พอหมดราชวงศ์ถังแล้วก็กลายเป็นขั้นต่อด้วงราชวงศ์โจวคือ บูเช็คเทียน อดีตเคยเป็นจักรพรรดิ์ดีๆ เป็นฮองเฮาของจักรพรรดิ์ถัง แล้วตอนหลังมีลูก แล้วจักรพรรดิ์เสียชีวิต ลูกเล็กนิดเดียวบูเช็คเทียนเลยปกครองข้างหลัง คล้ายๆ ซูสีไทเฮา แต่ตอนหลังก็ล้ม ตั้งราชวงศ์ตนเองขึ้นมา ชื่อราชวงศ์โจว แต่สมัยนั้นรุ่งเรืองพอสมควร และเฉียบเด็ดขาด ฉลาด ไม่โง่ จำไว้นะ
จินดารัตน์ - ไม่เหมือนใครบางคน
สนธิ - ไม่เหมือน ไม่โง่ เหมือนใครบางคน แล้วราชวงศ์โจวก็พัฒนาประเทศจีนไปก้าวไกล และพระนางเจ้าบูเช็คเทียนไม่เคย ว.5 กับใครเหมือนกัน
จินดารัตน์- จากความรู้เรื่องจีนเล็กๆน้อยๆหอมปากหอมคอให้เข้ากับบรรยากาศ เพราะวันอาทิตย์นี้วันตรุษจีนแล้ว วันนี้วันจ่ายคนเยอะมากค่ำคุณสนธิ รถติดมาก
สนธิ- ตรุษจีนเดี๋ยวนี้กับตรุษจีนสมัยก่อนเปลี่ยนไปเยอะ แม้กระทั่งในเมืองจีน ประเทศจีนเป็นพื้นฐานทางประเทศกสิกรรม ตรุษจีนเกิดขึ้นเพราะว่า ในอดีตเพิร์ล เอส บั๊ค เขาเขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Good Earth เขาเล่าถึงชีวิตของคนที่อยู่ในวงการกสิกรรมจีน เขาเล่าถึงหน้าหนาว เวลาหน้าหนาวทางเมืองจีนทำกสิกรรมไม่ได้ เพราะหนาวมาก มันอยู่ในตามครอบครัวกินข้าวด้วยกัน นี่คือนัยของตรุษจีน แต่เดี๋ยวนี้ตรุษจีนสังคมจีนไม่ค่อยจะเป็นสังคมกสิกรรมไปแล้ว ผมเห็นเว็บไซต์ตรุษจีนคนจีนเหมือนกับจะหยุดทั้งเดือนเลย เริ่มจริงๆ พรุ่งนี้วันไหว้ แต่คนจีนเริ่มหยุดตั้งแต่วันที่ 1 แล้ว เดินทางกลับบ้านกัน หยุดกัน 2 อาทิตย์ ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมืองไทยเริ่มลดน้อยลง
สมัยผมเด็กๆ จำได้ว่า พอตรุษจีนถนนไม่มีรถวิ่ง เดี๋ยวนี้ความจำเป็นในการครองชีพ ทำให้ทุกคนยังต้องทำมาค้าขายเหมือนเดิม หยุดน้อยลง ร้านปิดน้อยลง ร้านคนจีนจะมีร้านที่เป็นเถ้าแก่มีลูกจ้าง 10-20 คน อันนั้นจะหยุด เมืองไทยวันหยุดเยอะ หยุดทั้งฝรั่ง คริสมาสต์ก็หยุด ปีใหม่ก็หยุด ตรุษจีนก็หยุด สงกรานต์ก็หยุด แล้วยังมีหยุดชดเชย
จินดารัตน์- วันสำคัญทางศาสนาอีกเยอะ
สนธิ- ส่วนตัวผมความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่า เมืองไทยไม่ควรมีวันหยุดชดเชย ไม่จำเป็น หยุดทีเดียวเทศกาลหยุดยาวไปเลย ผมคิดว่าเมืองไทยวันหยุดน่าจะมีสัก 3 ช่วง ช่วงแรกคือ ปีใหม่ ปีใหม่แทนที่จะหยุด 31 ก็หยุดเลย 28 29 30 31 1 2 3 เปิดวันที่ 4 สงกรานต์ที่รัฐบาลให้หยุด 4-5 วันยังน้อยไป ผมว่าหยุด 7 ไปเลย แล้ววันเฉลิมพระชนมพรรษา ถือเป็นวันชาติไทยเหมือนกัน 7 วัน แค่นี้พอแล้วหยุดชดเชยไม่ต้องมี
จินดารัตน์- ไม่งั้นเราจะเห็นหยุดชดเชยทีไร พอหยุดติดกัน 3 วัน เดินทางออกจากต่างจังหวัด 3 วันอันตราย
สนธิ- ผมคิดว่า 7 วัน คนไทยวางแผนได้ ได้พักยาว รู้เลยว่าปีหน้าสงกรานต์ 7 วัน ปีหน้าวันเแลิมพระชนมพรรษาจะไปไหนบ้าง และผมคิดว่าธุรกิจต่างจังหวัดจะบูม แทนที่จะไปวันเดียวแล้วกลับ ไป 2 วันกลับ วางแผนไปเลยจะไปอยู่รีสอร์ต อยู่บ้านพัก จะอยู่โรงแรม อยู่กัน 5-6 วันเลย และผมคิดว่าทางต่างจังหวัดถ้าเขาลงทุนเขาก็สามารถจะเตรียมการได้ ได้กันไปหมด ถ้าวันวิสาขบูชา ตรงกับวันอาทิตย์ก็จบ ไม่ต้องหยุดชดเชยวันจันทร์แล้ว ทำงานกันต่อ แล้วมารวมกันอย่างนี้ดีกว่า ไม่งั้นอีหลักอีเหลื่อมาก แล้วมันจะเกิดภาวะการอะไรรู้มั้ย ประเภทหัวหมอ ถ้าหยุดชดเชยสมมติต้องหยุดเสาร์อาทิตย์ และมีวันจันทร์อีกวัน แล้วมาทำงานอังคาร แล้ววันพุธต้องหยุดอีกวันหนึ่งก็ลาพฤหัสฯ ศุกร์ไปเลย เรากำหนดไปเลยดีกว่าจบสิ้นเรื่องสิ้นราว
และหลายๆวันไม่ควรจะหยุดเช่น ข้าราชการจะหยุดพืชมงคล เอกชนไม่หยุด วันแรงงาน เอกชนหยุด ข้าราชการไม่หยุด เอาให้ตายตัวหยุดหรือไม่หยุด เรียบร้อยแล้วเราก็ไม่เหมารวมกัน7 วัน 7 วัน ฉะนั้นปีหนึ่งจะมีวันหยุด ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วการลาพักร้อนไม่จำเป็นต้องลาถึงเดือน ลาพักร้อนให้ทิ้งช่วงไม่เกิน ถ้าทำงานอยู่ในระดับหนึ่งลาได้ไม่เกิน 10 วัน จบ สูงสุด 10 วัน เพราะว่ามันมี 7 และ 7 วันให้แล้ว ยาวและได้พักผ่อน
จินดารัตน์- ตรุษจีนระยะหลังๆ มาคนไทยเชื้อสายจีนจะไหว้กันน้อยลงมั้ยคะคุณสนธิ
สนธิ- ผมไม่ทราบ ผมยังไหว้อยู่ พรุ่งนี้เช้าก็ไหว้ที่นี่ แล้วก็ต่อไปไหว้ที่ทำงาน คือเราก็ไหว้บรรพบุรุษ หมูเห็ดเป็ดไก่ ผลไม้ เหล้ายาปลาปิ้ง น้ำชา ทั้งเหล้าขาว คนมีเงินหน่อยก็ใช้เหล้าแบล็ก ใครรวยหน่อยก็ใช้ชีวาส รวยมหาศาลก็ชีวาส 12 ปี ถ้าหน้าบ้านดูตามฐานะจากเหล้าได้เลย
จินดารัตน์- คุณสนธิแอนถาม เด็กรุ่นใหม่เขาบอกว่า ถ้าหมดยุคพ่อแม่เขาคงทำไหว้ไม่เป็นแล้ว จำเป็นมั้ยในทรรศนะของคุณสนธิ
สนธิ- มันเป็นการระลึกถึงบรรพบุรุษมากกว่า เรานึกถึงพ่อแม่เรา เหมือนกับบางครั้งครอบครัวบางครอบครัวยังจำวันตายพ่อได้ วันตายแม่ได้ จะทำบุญวันตาย แต่ช่วงหลังพอมารุ่นหลานๆ ปู่ตายวันไหน ย่าตายวันไหนจำไม่ได้เลย แต่จะทำเฉพาะพ่อแม่ แต่ว่าตรุษจีนเขาไหว้บรรพบุรุษทั้งโคตรเลย เขาอัญเชิญบรรพบุรุษมา อัญเชิญเตี่ยมา อัญเชิญก๋งมา อัญเชิญคนโน้นคนนี้มา พ่อแม่ของเตี่ยของก๋งมาหมดเลย เขาถือว่าเชิญวิญญาณมา คือบรรพบุรุษทั้งหมด คือเมืองจีนทุกๆ หมู่บ้านเขาจะมีศาลประจำตระกูล ตระกูลอะไรก็ตามเช่น ตระกูลลิ้มอย่างนี้ จะมีศาลประจำตระกูลลิ้มและจะมีป้ายบรรพบุรุษตั้งไว้ เขาจะมีเลยบรรพบุรุษตระกูลนี้เริ่มจากชื่อนี้ ไล่ลงมาเป็นอย่างนี้ ทำเหมือนกับว่า เป็นต้นไม้ตระกูลให้รู้ และวันตรุษจีนเขาจะไปไหว้กันพร้อมกันหมดเลย คนแซ่นี้ไปไหว้นี้ คนแซ่นั้นไปไหว้นั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะว่า ในที่สุดแล้วเราต้องรู้จักรากเหง้าเรา เราพิสูจน์รากเหง้าเราไม่ได้
สมัยผมเด็กๆ พ่อชอบพาผมไปกินน้ำชากับติ่มซำกับพวกเพื่อนฝูงเขา สมัยก่อนมีร้านขนมจีบซาลาเปาอันนึงมีชื่อมากที่เยาวราช ชื่อเยาหว่ายื้อ แอนจำไม่ได้ เยาหว่ายื้อเป็นที่ชุมนุมของพวกคนจีนรุ่นเก๋าเลยไปนั่งกัน ไม่ต้องทำอะไรไปเจี๊ยะเต๊ะกินน้ำชากัน และคุยกัน พ่อนี่จะลากผมไปเรื่อย ผมก็รำคาญเบื่อไปอีกและ นั่งแล้วเขาจะโม้ แล้วคนไหหลำขี้คุย ขี้คุยฉิบหายเลยคนไหหลำโม้จริงๆ คุยไปคุยมาทีนี้พอเรานั่งไปเรื่อยๆ เราเริ่มซึมซับเขาพูดอะไรกันบ้าง เขาจะเล่าสมัยโน้น เขาจะเล่าถึงตระกูลเขา เขาจะเล่าถึงคนโน้นคนนี้ พอพ่อได้ตายไปแล้ว พอเราเริ่มโตอายุมากขึ้น เออเรามีความรู้สึกเราจำได้พ่อเราเคยพูดอย่างนี้กับเพื่อนฝูง เข้าใจไหม เดี๋ยวนี้ตรงนี้เด็กๆ นะแอน ทดสอบง่ายๆ เอาลูกแอนถามว่า ลูกรู้ไหมว่าแม่เป็นคนจังหวัดไหน เรียนหนังสือที่ไหน พ่อปู่คนจังหวัดอะไร ไม่มีใครรู้ ตรงนี้คือช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่หายไป ซึ่งไม่ควรขาดหาย มันควรจะต่อเนื่องไป
ผมยังจำได้เลยพ่อผมตอนยังมีชีวิตอยู่ พ่อจะเรียกลูกหลาน ลูกของน้องชาย ลูกของพี่ชาย ลูกของน้องสาว ลูกของพี่สาวตระกูล มารวมตัวกันพวกลิ้มทองกุล มารวมตัวกันมาแนะนำคนโน้นคนนี้นี่นะ คนนี้เรียนหนังสือที่นี่นั่น ทุกคนรู้ว่าใครเป็นใคร แต่พอพ่อเสีย คุณลุงเสียแล้ว ประเพณีนี้ไม่ค่อยได้ทำกัน พอไม่ได้กันแล้วความที่เป็นลูกของลุง ลูกของป้า ลูกของน้า ลูกของอา หายไปหมด เหลืออยู่อย่างเดียวคือ สิ่งที่เราพยายามทำทุกวันนี้ ผมเองพยายามทำคือ เอาเฉพาะพี่น้องผมก่อน น้องชาย น้องสาว หลานชาย หลานสาว เจอกันปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้รู้จักกัน แต่จริงๆ แล้วต้องขยับไปถึงพ่อเรา น้องชายพ่อ คุณพ่อ คุณน้า คุณอา เราควรจะรู้ว่าลูกเค้าตอนนี้ทำอะไรบ้าง เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว
จินดารัตน์- จริงนะคะ แอนยอมรับ เป็นกุศโลบายของคนโบราณให้ญาติพี่น้องมาเจอกัน
สนธิ- อันนี้คือหน่วยของครอบครัวที่มีสายใยผูกพันกัน เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่เมืองไทยเลย เมืองจีนก็ไม่มี มันกลายเป็นตัวใครตัวมัน เลยเป็นลักษณะสังคมที่แต่ละคนเอาตัวรอด ไม่ใช่ธุระของกู ไม่ใช่เรื่องของกู
ผมคิดว่า ส่วนหนึ่งข้อดีของพันธมิตรฯ คือพันธมิตรฯ ถึงแม้ไม่เป็นญาติกัน แต่ความที่อุดมการณ์เดียวกัน เลยมีสายใยที่ผูกไว้เป็นสายใยที่มองไม่เห็น ไม่สังเกตหรอ 7-8 ปีที่แล้ว เราจะรู้จักพี่กอบหรอ วันนี้เหมือนญาติกันแล้ว พี่กอบล้างพิษตับอยู่ที่นั่น เรารู้จักคนโน้นเรารู้จักคนนี้ เรารู้จักหลายคนที่เริ่มสนิทสนมผูกพันกัน ไม่ใช่เพราะว่าผมกับเขารู้จักกัน เพราะเขารู้จักผม แต่ว่าระหว่างพวกเขาซึ่งกันเอง เขาเริ่มสร้างสายสัมพันธ์กันเองแล้วต่อเนื่องกันไป มีอยู่ไม่น้อยเลยที่ชุมนุมแล้ว กินอยู่ด้วยกันแล้ว นอนกลางดินกินกลางทรายด้วยกันแล้ว ในที่สุดผูกพัน อุดมการณ์เดียวกันคบหาสมาคมกันต่อไปเลย เลยเป็นชุมชนย่อยๆ ของพันธมิตรฯ คือญาติพี่น้องพันธมิตรฯ แต่ไม่ได้เป็นญาติทางสายเลือดแต่เป็นญาติทางอุดมการณ์
จินดารัตน์- แอนว่ายิ่งแนบแน่น แอนเจอพันธมิตรฯ คนหนึ่งชื่อ ป้าฮู่ อยู่สัตหีบ ปีนึงป้าจะไปเที่ยวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เคยนั่งอยู่ด้วยกัน อยู่สุรินทร์ ส่งกระเทียม หัวหอมมา
สนธิ- ถูกต้อง
จินดารัตน์ - เขาอยู่สุรินทร์ อยู่อะไร เขาส่งกระเทียมหัวหอมมา ป้าหู้จะส่งปลาหมึกแดดเดียวกลับไปให้อะไรอย่างนี้
สนธิ- 193 วัน กับ 158 วัน มันสร้างกลุ่มครอบครัวพันธมิตรฯ ขึ้น เพราะว่าแต่ละมุม แต่ละวงกลมที่เขานั่งกัน ส่วนใหญ่เขาจะรู้จักกัน และเขาจะเหมือนกับ ถ้ามาชุมนุมต้องมานั่งตรงนี้ เพราะเขารู้จักกัน อย่างที่แอนพูด คนนี้มาจากใต้ คนนี้มาจากอีสาน คนนี้มาจากเหนือ เขาจะผูกพันกันมาเลย และเขาติดต่อกันตลอดเวลา พอหลังวันชุมนุมเสร็จแล้ว เขาจะติดต่อวันนี้ว่าไร แกนนำว่าไร เราจะออกอีกไหม อะไรเนี้ย มันก็เลยผูกพันกันรวมไปจนถึงการส่งของไปให้กินกัน จัดให้เอาไหม หมู่นี้ช่วงนี้มันไม่มีการชุมนุมอะไร เราไปเที่ยวกัน เธอว่างไหม
จินดารัตน์- ไปเที่ยวกันตลอดเลยคะ
สนธิ- แล้วมีการแนะนำเรื่องลูกกับลูก มีการสอนกัน ว่าไงลูกทำอะไรอย่างนู้นอย่างนี้ ช่วยอะไรได้ก็จะช่วย
จินดารัตน์- มีบางครอบครัวถึงขั้นบอกว่า แม่จะแนะนำคนโน้นคนนี้ให้นะ พอบอกว่าบ้านเป็นพันธมิตรฯ ตามสบายเลย พอหนุ่มๆ มาจีบ แม่เป็นพันธมิตรฯ เท่านั้นแหล่ะ
สนธิ- ถูกต้อง
จินดารัตน์- อันนี้เป็นสายสัมพันธ์ ซึ่งแอนว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง คุณสนธิ แต่น่าเป็นห่วงเด็กสมัยนี้ จะไม่ค่อยรู้จักญาติ
สนธิ- ไม่ค่อยรู้จักเลย
จินดารัตน์- รากเหง้าตัวเองไม่ค่อยรู้จัก
สนธิ- ผมจะเตือนเอาไว้ แอนมีเวลา แอนตั้งนั่งเอาอันนา อันยา ลูกสาว 2 คน ว่างๆ เล่าให้เขาฟัง ว่าจำเอาไว้นะลูก แม่เรียนหนังสือที่นี่โตยังไง คุณย่า คุณตา คุณยาย เรียนหนังสือที่ไหน เป็นคนหนองคาย เป็นโน้นเป็นนี้ เล่าให้เข้าหูและจำเอาไว้ พอเขาโตขึ้น โตขึ้นเรื่อยๆ เขาจะรู้รากเหง้าเขาอยู่ยังไง
จินดารัตน์- มีอยู่วันหนึ่ง มีเพื่อนโทรศัพท์มาถามว่า คนนี้นามสกุลเจริญชัยชนะ แอนรู้จักไหม บอกชื่ออะไร พอบอกชื่อมาแอนไม่รู้จักจริงๆ คะคุณสนธิ ต้องโทรศัพท์ไปถามคุณพ่อ อ่อเป็นลูกอาของนี้ค่ะ
สนธิ- นี่ไง
จินดารัตน์- จริงๆ ค่ะคุณสนธิ ตอนเด็กๆ แอนยังได้เห็น การทานข้าวรวมหมู่ญาติ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว น่าเสียดาย จากเรื่องเครือญาติการใช้กุศโลบายของคนโบราณ เพื่อให้มีพิธีนั้นพิธีนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะพบปะกัน มาดูวันนี้ ข่าวคราวที่เราจะพูดคุยกันมีหลายเรื่องนะค่ะ
สนธิ- เยอะมาก
จินดารัตน์- เอาแบบพอน้ำจิ้มก่อนแล้วกัน
สนธิ- น้ำจิ้มก็ได้
จินดารัตน์- เรื่องบ่อนเตาปูน
สนธิ- ผมอย่างจะพูดน้ำจิ้ม 2 เรื่อง คุณแอนเรื่องแรกคือ บ่อนเตาปูน เรื่องที่ 2 คือเรื่องกำนันเป๊าะ ผมคิดว่าบ่อนเตาปูน เมื่อพูดถึงบ่อนเตาปูน คนจะพูดถึงคุณชัชเตาปูน ชัชวาลย์ คงอุดม การที่ ปปง. ออกมาประกาศยึดทรัพย์ของบ่อนเตาปูน ที่ดิน ตึก ข้อหาในการฟอกเงิน เพราะว่าสมัยที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อปลายปี 54 มั้ง ยกกำลังตำรวจไปทลายบ่อนเตาปูน บ่อนเตาปูน จริงๆ แล้วในทางลึก ชัชวาลย์ คงอุดม กับ เฉลิม อยู่บำรุง หรือไม่ถูกกันในวงการนักเลงเขาไม่ถูกกันไม่กินเส้นกัน
จินดารัตน์- แต่ไหนแต่ไรแล้ว
สนธิ- แต่ไหนแต่ไรแล้ว จะไม่กินเส้นกัน ชัชวาลย์ คงอุดม ชัชเขามีหนังสือพิมพ์ในเครือเขาชื่อ สยามรัฐ ในขณะเดียวกันเขาเล่นการเมืองด้วย ช่วงหลังนี่มาเทตัวเองอยู่พรรคประชาธิปัตย์ อะไรที่เป็นพรรคประชาธิปัตย์ พอพรรคเพื่อไทยขึ้นมา ต้องตามบี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นธรรมชาติ
จินดารัตน์- ที่เราเห็นอยู่ทุกวัน
สนธิ- ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งด้วยความสัตย์จริง อย่าไปว่าเขาเลย สมัยที่เราเป็นพันธมิตรฯ ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์ก็ตามบี้เรา ที่จะส่งฟ้องอยู่เดือนหน้านี้ เรื่องกรณีผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ฝีมือพรรคประชาธิปัตย์บี้เราเลย ถูกไม่ถูก เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วผมมองอย่างนี้ ผมมองว่าอย่าไปมองเลยว่า เป็นการแกล้งระหว่างเพื่อไทยกับชัชวาลย์ คงอุดม ซึ่งอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ผมมองว่ามันมีบ่อนมันผิดกฎหมาย จะทำก็ทำไป แต่เผอิญมันโชคร้ายที่มันเป็นความขัดแย้งส่วนตัว หรือไม่ถูกกันทางอุดมการณ์ทางการเมืองทั้ง 2 พรรค ซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดต่อ มีเรื่องราวแบบนี้อธิบายให้ฟังเยอะ ตลอดจนกรณี อาจารย์ปานเทพ ไปเจอคุณเจริญ จรรย์โกมล แล้วหมอเหวงพูดอะไรบ้าง ตัวนี้จะสะท้อนภาพให้เห็นว่า วันนี้การเมืองมองแค่พรรคการเมือง 2 พรรค พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย อะไรที่เป็นของประชาธิปัตย์เพื่อไทยต้องบี้ อะไรที่เป็นของเพื่อไทยประชาธิปัตย์ก็บี้ เพียงแต่ว่า ประชาธิปัตย์แพ้เพื่อไทยตรงที่ว่า ช่วงมีโอกาสบี้ดันไม่บี้ ดันประนีประนอมกับเขา
จินดารัตน์- ภาษานักเลงว่า ทำไม่สุดตีนเขาเลยฟื้นมากระทืบเอา
สนธิ- อันนี้เป็นบทเรียนที่เขาต้องเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงพัก เดี๋ยวเราจะคุยกันด้วยเรื่องนี้ ในขณะเดียวกันมีข่าวว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังตรงที่ว่า มีคนๆ หนึ่งเกี่ยวพันกับหน่วยงาน ปปง.เป็นคนเดินในสายบ่อนคือ บ่อนการพนันบ้านเรา ขณะนี้ถ้าจะถามว่า ยุคพรรคประชาธิปัตย์กับยุคเพื่อไทยใครมีบ่อนมากกว่ากัน ผมตอบได้เลยเหมือนกัน พอๆ กัน เลวพอๆ กัน พรรคเพื่อไทยบ่อนเต็มไปหมดเลยตอนนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่น้อยเต็มไปหมดเช่นกัน ระหว่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ เพื่อไทยเวลาตั้งตำรวจ ตั้งเพียงเพราะว่าตำรวจทำงานให้ ถ้าผมพูดผมกล้าฟันธงว่า ระหว่างพรรคเพื่อไทยตำรวจ เขาตั้งเพื่อให้ตำรวจทำงานให้เขา ส่วนจะทำงานดีเลวเป็นเรื่องของเขา แต่พรรคประชาธิปัตย์ แทนที่จะตั้งตำรวจ เพื่อให้ทำงานให้ตัวเอง กลับตั้งตำรวจแล้วรับเงินตำรวจ รับเงินในการแต่งตั้ง เพราะฉะนั้นแล้วพอเพื่อไทยมาตำรวจถึงเทมาที่เพื่อไทย จะไม่รักพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์รับเงินในการแต่งตั้ง
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในอดีต อย่าให้ผมพูดเลยยุคไหน 60 ล้าน ขอมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ช่วงหลัง 200-300 ล้านก็ต้องจ่าย เพราะว่าบ่อนในกรุงเทพฯ ผมเชื่อว่ามีจริงๆ บ่อนกลาง บ่อนเล็ก บ่อนใหญ่เป็นร้อยบ่อน เอาเฉพาะใหญ่กับกลาง ต้องมี 50-60 บ่อน ลงขันคนละ 5 ล้าน เพื่อให้คนนี้เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นักการเมืองรับ
จินดารัตน์- คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีก
สนธิ- นักการเมืองรับ บ่อนเฟื่องฟู เพราะฉะนั้นแล้วการซึ่งพรรคเพื่อไทยจับบ่อนชัช เตาปูน โดยเอา ปปง.ไปเล่นงาน เพราะเคยจับมาแล้ว เล่นงานถึงขนาดยึดทรัพย์เป็นการล้างแค้น แต่พรรคเพื่อไทยจะทำให้ดีต้องปิดบ่อนให้หมด ผมคิดว่าเขาไม่ปิด เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาฟาดชัชวาลย์ คงอุดมณ์ ไปแล้ว
จินดารัตน์- เป็นเกมการเมือง
สนธิ- เป็นเกมการเมืองทั้งนั้นตอนนี้
จินดารัตน์- เลวพอกัน
สนธิ- พอกันครับ แล้วจะให้ผมเลือกใคร ผมเล่าให้แอนฟัง มีร้านอาหาร 2 ร้าน ร้านหนึ่งขายแพง ดูถูกเหยียดหยามคน คนซื้อเดินเข้าไป อาหารก็แพง ด่าคนซื้อ อีกร้านขายถูกแต่สกปรกกินแล้วต้องตายแน่ ผมบอกไม่กินได้ไหม 2 ร้านนี้ ผมกลับบ้านกินข้าวไข่เจียวได้ไหม สิทธิของผมหรือเปล่า เดี๋ยวฟังหมอเหวงพูดเบรก 2 เดี๋ยวผมชี้ให้ดู นี่คือแนวคิดของคน แล้วผมจะอธิบายเรื่องการเมืองในยุคซึ่งคุณเติมศักดิ์มา
จินดารัตน์- อีกเรื่องที่คุณสนธิจะพูดคือ เรื่องกำนันเป๊าะ สงสัยตี๋น้อยของคุณสนธิอยากคุยเรื่องนี้ด้วย เก็บไว้ให้คุณเติมศักดิ์มาคุยด้วย
ข้อมูลเรื่องสุขภาพ วันนี้เราจะคุยนิดหนึ่งค่ะ มีข้อมูลใหม่จากนักวิทยาศาสตร์
สนธิ- ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จะหาว่าผมเนียน ผมไม่เนียนหรอก ผมกำลังจะขายเครื่องทำน้ำด่าง แล้วผมจะบอกท่านผู้ชมว่า ฟังผมพูดดีๆ มีคนไทยคนหนึ่งชื่อ ดร.สุมิตร มณีวรรณกุล แกจบการศึกษาปริญญาเอก สาขาชีววิทยา จากมหาวิทลัย Texas A&M ที่เมืองนอก แกอยู่เมืองนอก ทำงานเมืองนอก แกเขียนบทความมา แกมีประสบการณ์ทางด้านภาควิชาเซลล์และการพัฒนาชีววิทยา มหาวิทยาฮาเวิร์ดด้วยนะ แกเขียนบทความว่าร่างกายในสภาวะกรดและอาหาร ผมสรุปเลยแล้วกัน บทความของ ดร.สุมิตร แกเขียนลงในหนังสือการแพทย์ในต่างประเทศ แกบอกมนุษย์เราเหมือนกับที่อาจารย์ปานเทพพูดเลย มนุษย์เรามีความเป็นกรดในตัว เพราะการทานอาหารของเรา ทานเนื้อสัตว์ ทานโน้นทานนี่ แกบอกเมื่อทานไปแล้ว มันสะสมในร่างกายมันจะเจอพวกโรคเรื้อรัง โรคกระดูกพรุน โรคไต เบาหวาน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียไม่มีแรง
เขาบอกว่านี่เป็นผลจากการที่เราทานอาหารที่มีฤทธิ์มานานแล้วไม่รู้ตัว เขาบอกอาหารที่เป็นโรคแบบนี้ คืออาหารในปัจจุบันที่เราทานกัน เพราะว่าการเกษตรและอุตสาหกรรมมันปฏิวัติทำให้เกิดธัญพืช และน้ำตาลเข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งในการทานอาหารในมนุษย์ทำให้อาหารที่เราทานอยู่ทุกวันนี้เต็มไปด้วยธัญพืช น้ำตาล เนื้อสัตว์ และอาหารแปรรูปแทนผักผลไม้ มันก็เลยทำให้ร่างกายเรามีภาวะเป็นกรดตลอดเวลา และทำให้ไตทำงานหนัก พอเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการทำงานของไตมันจะลดน้อยลง เมื่อรวมหนึ่งอย่างเข้าไป ทำให้ปริมาณไตทำงานน้อยลง ทานอาหารที่มีภาวะกรดเยอะ ทำให้ปริมาณกรดที่สะสมอยู่ในร่างกายเรามีมากขึ้นๆ แล้วมันกลายเป็น สภาวะกรดในระดับต่ำที่มีอยู่ แต่ว่าเป็นอย่างเรื้อรัง ทรงๆอยู่ๆ อย่างเรื้อรังแล้วจะเกิดอะไรขึ้นรู้มั้ย ไอ้ภาวะกรดมันเกิดทำให้ 1.เราเป็นโรคกระดูกพรุน 2. โรคไตกระเพาะปัสสาวะ กระทั่งเกิดโอกาสนิ่ว อาการทางหัวใจ และหลอดเลือด เบาหวาน โรคอ้วน ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ไม่เต็มที่ ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพน้อยลง สภาวะดื้อต่อฮอร์โมน เพื่อความเจริญเติบโต ปวดเมื่อยข้อและกล้ามเนื้อ
แอนจำได้มั้ยผมเคยบอก คนอายุมากขึ้นแล้ว ก่อนผมจะทานน้ำด่าง ผมลุกขึ้นมาตอนเช้า เหมือนข้อจะหลุด มันต้องสักพักขยับเดินกว่าจะเข้าที่ พอผมทานน้ำด่างไป 3-4 เดือน หายไม่เป็น การอ่อนเพลียไม่มีแรง โรคลมชักเรื้อรังและโรคติดเชื้อราง่าย เพราะฉะนั้นแล้วเขาบอกว่า ที่สำคัญไอ้สภาวะเป็นกรดมันจะทำให้กระดูกเราซึ่งมีแคลเซียมอยู่ มันต้องเอาความเป็นด่างออกมา เพื่อไปต้านความเป็นกรดเข้าใจยัง
จินดารัตน์- ดึงมาจากกระดูก
สนธิ- ดึงจากกระดูก กระดูกของเรามันเลยเกิดภาวะการทำให้เกิดกระดูกพรุน เข้าใจหรือยัง
จินดารัตน์- เพื่อมาปรับสมดุลในร่างกาย
สนธิ- ทีนี้คนมันบอกว่า กินแคลเซียมเยอะๆ ไอ้นั้นมันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เพราะฉะนั้นแล้วมันทำให้เซลล์ไอ้โรคความเป็นกรด มันยับยั้งการทำงานของเซลล์ที่สร้างกระดูก และกระตุ้นเซลล์สำหรับสลายกระดูก
จินดารัตน์- นั้นหมายถึงว่า กินแคลเซียมเข้าไปก็ไม่ได้
สนธิ- ไม่ได้ช่วย นี่แหละคือทำให้คนเป็นโรคกระดูกพรุนมากขึ้น และนี่คือคำตอบ ไม่ใช่ผมพูดเอง ดร.สุมิตรพูดว่า ทำไมเราต้องทานน้ำด่าง และอาจารย์สมศักดิ์ ศ. น.พ.สมศักดิ์ วรคามิน อดีตอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขของคนไทยระบุเลยในหนังสือท่าน Water for live บอกว่า น้ำในอุดมคตินั้นต้องมีสภาพความเป็นด่าง มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และมีค่าโออาร์พีเป็นประจุลบ เพื่ออะไรรู้ไหม เพื่อต้านอนุมูลอิสระ และมีโมเลกุลขนาดเล็กเพื่อดูดซึมง่าย ซึ่งคำตอบนี้มันอยู่ในน้ำด่างของเราเอเอสทีวี นี่จะถามว่าขายน้ำด่างก็ต้องบอกว่า ขายจริง แต่เพื่อสุขภาพของเราจริงๆ และผมจะบอกข่าวดีอันนึง คนที่ต้องการซื้อเครื่องทำน้ำด่างเงินผ่อน
จินดารัตน์- มาแล้วหรอคะ
สนธิ- ภายในเดือนกุมภาฯ นี้อีก 2-3 อาทิตย์จบและ ตอนนี้เรามี 3 ธนาคาร กสิกรไทย กรุงไทย กรุงเทพ กำลังจะต่อด้วยซิตี้แบงก์ กรุงศรีอยุธยา และบัตรอิออน แต่ว่าขอรออีกนิดนึงอีกไม่เกิน 2-3 อาทิตย์ ใครต้องการซื้อโทรเข้าคอลเซ็นเตอร์ บอกที่อยู่เขาจะมีคนขี่มอเตอร์ไซค์เอาไป มีเครื่องรูดบัตรให้รูด ผ่อน 3 เดือน 6 เดือน 10 เดือน ดอกเบี้ยแล้วแต่ธนาคาร ถ้าใช้กสิกรไทยอยู่ก็อยู่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ถ้าใช้กรุงไทย 1-8 เปอร์เซ็นต์ ถ้าใช้กรุงเทพ 2.5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้เพราะฉะนั้นแล้วอีกไม่เกินสิ้นเดือนนี้ เริ่มมีนาคมใครที่ต้องการผ่อน 3 เดือน 6 เดือน 10 เดือนผ่อนได้หมด
จินดารัตน์- ถล่มทลายเลยสิคะ
สนธิ- ถล่มทลายเยอะมาก เพราะฉะนั้นแล้วผมจะเตือนนิดนึง ถ้าไม่อยากรอคิวนาน ตอนนี้เครื่องทำน้ำด่างล็อตสุดท้ายเหลืออยู่ไม่เกิน 200 เครื่อง รีบมาจอง เอาเงินสดมาจ่ายแล้วจะได้ไม่ต้องรอนาน เพราะในขณะนี้คิวทุกวันนี้ไปถึงพฤษภาฯ แล้ว ถ้ารอบัตรเครดิตเข้าไปอีกคิวต่อไปเรื่อยๆ
จินดารัตน์- นั้นหมายถึงว่า คนจะเอาเงินสดมาสั่งซื้อไว้ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวต้องไปต่อคิว
สนธิ- ยาวเลย มากันถล่มทลาย ถ้ารักสุขภาพ รักครอบครัว ไม่อยากให้เป็นโรคกระดูกพรุนในอนาคต หรือไม่อยากให้เป็นเบาหวาน รีบสั่งเครื่องเหล่านี้มาทาน เครื่องทำน้ำด่าง
จินดารัตน์- แอนเอาหนังสือของ ดร.สมศักดิ์ ไปให้สามีอ่าน สามีบอกว่าสุดยอดนะ มันเป็นการอธิบายความได้เลย
สนธิ- ของเราไม่ได้เกิดเหตุเพราะว่า อยากขายเครื่องทำน้ำด่าง ผมนี่ไม่ใช่จู่ๆ บ้าขึ้นมาจะกินน้ำด่างนะ มันเกิดจากอาจารย์ปานเทพ ไปศึกษาแล้วเห็นว่า อาจารย์แก่นฟ้า แกศึกษาเรื่องน้ำด่างมานานแล้ว และแกพัฒนาทานน้ำด่างจนกระทั่งแกรักษาโรคแกหาย แกเป็นไวรัสตับบี ล้างตับแล้วทานน้ำด่าง คือพวกสันติอโศกเขาจะทำน้ำด่างจากขี้เถ้า จากธรรมชาตินานแล้ว อาจารย์แก่นฟ้า แกเป็นนักวิศวะแกก็เสิร์ชไปมีเครื่องทำน้ำด่าง มีอยู่แล้วของเกาหลี ญี่ปุ่น แต่มันแพงโคตร เครื่องหนึ่ง 80,000 กว่าบาท แสนกว่าบาท แกไปเจอของยี่ห้อที่เราขาย ราคาขายประมาณ 35,000 บาท แล้วมีคุณสมบัติที่คุณภาพสูง ถ้าคุณภาพคุณสมบัติแบบเดียวกันที่เรามี ของเกาหลีต้องขายแสนกว่าบาท ญี่ปุ่นแสนกว่าบาท ของเรามีเพลท 8 เพลท ของเกาหลีต้องขายประมาณ 8-9 หมื่น แต่เครื่องนี้ขาย 35,000 บาท อาจารย์แก่นฟ้าเลยบอกว่าเครื่องนี้ดี แล้วแกบินไปดด้วยตัวเอง แกศึกษาอย่างละเอียด เราส่งไปให้ อาจารย์ ดร.สิทธิชัย โภคัยอุดม ดูถอดออกมาเลย แกบอกว่าเราทำเมืองไทยไม่ได้ เพราะว่ามันขาดชุดเพลทแพลตตินั่ม ซึ่งต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น จนในที่สุดเราตัดสินใจ ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าทานน้ำด่างแล้วดี เพราะพิสูจน์มาแล้ว อาจารย์แก่นฟ้า คนทางเครืออโศกทานแล้วสุขภาพดีหมดทุกเคนเลย รักษาโรคนี้ได้ ผมก็เลยตัดสินใจว่าเอาละ ต้องเอาเครื่องนี้เข้ามา แล้วก็พอดีแก้ปัญหาสุขภาพ ป้องกันสุขภาพที่ไม่ดีให้กับพันธมิตรฯ ได้ ในขณะเดียวกันมีกำไรเล็กน้อยที่เอากำไรนั้นมาช่วย ASTV มันสมเจือกันแอน ใครจะว่าผมขายเครื่องทำน้ำด่าง ผมช่วยไม่ได้ ผมขายจริงๆ แต่ผมไม่ได้ขายของเฮงซวย เพราะผมก็ทานด้วยตัวเอง
จินดารัตน์- มีหลายคนเขาบอกว่า เขามานั่งนึกว่าคุณสนธิคงไม่เอาต้นทุนทางสังคมทั้งชีวิตมาแลกกับเครื่องทำน้ำด่าง
สนธิ- ผมจะไม่เอาต้นทุนชีวิตผมไปเพียงเพื่อผมอยากขายเครื่องกรองน้ำด่าง แต่ผมว่ามันดีจริงๆ แล้วมันก็เจือสมกับกำไรที่ได้มา เพื่อมาช่วย ASTV ผมก็ทำสิ เพราะว่าเราเอากำไรจากเครื่องทำน้ำด่างมาสนับสนุน ASTV ให้พนักงานมีเงินเดือน ค่าใช้จ่าย เสร็จเรียบร้อยก็ทำให้ ASTV มีอิสระเสรีภาพสามารถจะพูดความจริงต่อไปได้ ใครจะว่าผมพูดมากเกินไป ผมช่วยไม่ได้ เพราะนี่คือชีวิตของพวกเรา ไม่มีใครมาช่วยเรา นอกจากพันธมิตรฯ มาช่วยบริจาคเงินเป็นรายเดือน คนที่มาว่าผมบอกว่ามัวแต่ขายเครื่องทำน้ำด่าง คนพวกนี้ไม่เคยช่วยอะไรเรา แอบโจมตีอีกต่างหาก หาว่าพูดเรื่องน้ำด่างมากจนเกินไป
จินดารัตน์- แถมมาไซโคคนของเราด้วยว่าไปเจอมา 6-7 พันเอง แอนเลยย้อนกลับไปว่า เขาแกะให้พี่ดูมั้ยว่ามีกี่เพลท แล้วมีอะไรบ้างอยู่ข้างใน เขาเลยเงียบไป
สนธิ- 6-7 พันน่าจะเป็นกล่องเฉยๆ นะแอน
จินดารัตน์- น้ำผ่านท่อเฉยๆ ต้องระมัดระวังนิดนึงนะคะ อย่างที่เรียนไปว่า คนที่รอจะผ่อนอีกสัก 2-3 อาทิตย์ เครื่องยังเหลืออยู่ประมาณ 200 เครื่อง อย่าให้พึ่งให้เลื่อนการผ่อนเพิ่มเลย เพราะถ้าเริ่มเมื่อไหร่แล้ว คุณซื้อตอนนั้นคุณรอคิวตายเลย โทรไปที่คอลเซนเตอร์ได้หรือไปที่ร้าน ASTV SHOP เอาเงินสดไปวางเลยเขาจะจัดคิวให้ทันทีเลย
จินดารัตน์- 02 633 5353 นะคะ เดี๋ยวเราพักกันก่อนนะคะ กลับมาช่วงหน้า ตี๋เล็กมาจะต้องจัดหนักหน่อย ให้กับแมลงสาบพักกันสักครู่ค่ะ
ช่วงที่ 2
จินดารัตน์- กลับมาอีกช่วงนึงรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ อาเฮียเติมศักดิ์มาแล้ว สวัสดีคะ
เติมศักดิ์- สวัสดีครับคุณผู้ชม
จินดารัตน์- อาเฮียเติมศักดิ์เริ่มมาที่เรื่องหนักๆ ทั้งนั้นเลย อยากคุยกับคุณสนธิเรื่องอะไรก่อน แล้วแต่คุณเติม
เติมศักดิ์- เห็นจะพูดเรื่องกำนันเป๊าะ มีคนถามมาอยากรู้เหมือนกัน มันจะไปอย่างไงต่อ ทั้งเรื่องอาการป่วย ทั้งเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งเรื่องการให้ที่พักพิง
สนธิ- ผมมองอย่างนี้คุณเติม ผมมองว่า ถามว่าคุณสนธยา คุณปลื้ม ในฐานะเป็นลูก เขาผิดไหมที่เขาต้องการช่วยพ่อเขา เขาไม่ผิด แต่ว่าคนที่ต้องคิดให้หนักคือ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คำถามมีอยู่ว่า ถ้านายสนธยา คุณปลื้ม ในฐานะที่เป็นลูกชายของกำนันเป๊าะ จะทำเรื่องเพื่อขอให้ทางกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรมเสนอเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ เขาก็อยากจะช่วย แต่ว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์กับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จะต้องคิดให้หนัก เพราะกำนันเป๊าะถูกศาลฎีกาพิพากษาว่า จ้างวานฆ่ากำนันยูร และคอร์รัปชั่นใช่ไหมแอน นี่ไม่ใช่เป็นข้อหาเล็กๆ และกำนันเป๊าะทันทีที่ศาลพิพากษาหนีทันที เพิ่งจะกลับมางวดนี้ โดนจับได้โดยบังเอิญ คำถามว่าด้วยเหตุผลตรงนี้ สมควรที่จะขอพระราชทานอภัยโทษให้ไหม นั้นข้อที่ 1. ข้อที่ 2.ยังไม่ได้ทันรับโทษอะไรเลย ยังไม่ได้อยู่ติดคุกสัก 2-3 ปี 3-4 ปีอย่างทันทีเลย กลับมาเข้าโรงพยาบาลแล้วขอทันที ผมถามกลับว่า และพ่อแม่ญาติพี่น้องของกำนันยูรที่เขาตายไปเขาจะรู้สึกอย่างไร จริงๆ แล้วคุณสนธยา คุณปลื้ม สวมหมวก 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นลูกชาย ใบหนึ่งเป็นรัฐมนตรี คำว่า รัฐมนตรี วุฒิภาวะทางปัญญาต้องสูงกว่าความเป็นลูกชาย เพราะว่า ชาติบ้านเมืองต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว นี่เรื่องพ่อ พ่อทนหน่อย อยู่ 1-2 ปี พยายามรักษาโรคภัยไข้เจ็บ จะหมั่นไปเยี่ยมบ่อยๆ พ่อต้องเข้าใจลูกยังไม่อยากขอพระราชทานอภัยโทษตอนนี้ มันไม่เหมาะสม ไม่สง่างาม ถ้าขอไปแล้วอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.สุชาติ แล้วก็ รมว.ยุติธรรม ประชา พรหมนอก เกิดบ้าจี้เสนอขึ้นไปในสำนักพระราชวัง คุณคิดดูซิว่า ข้างบนจะกระอักกระอ่วนใจอย่างไร จริงๆ ต้องยุติ จริงๆ เขาต้องบอกคุณสนธยาว่าอย่ายื่น ผมไม่ยื่นให้ มันต้องจบตรงนั้น
เติมศักดิ์- สร้างความระคายเคือง
สนธิ- ระคายเคืองแน่นอน ไม่ใช่กรณีขับรถชนคน ประมาท ไม่ใช่กรณีประมาท หรือไม่ใช่กรณีทะเลาะเบาะแว้งแล้วลั่นปืนด้วยความบรรลุแก่โทสะ แล้วศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ แม้กระทั่งกรณีแบบนั้นซึ่งไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับจ้างวานฆ่าคน นี่จ้างวานฆ่าคน แล้วยิงกำนันยูรในงานวันเกิดกำนันเป๊าะ คือเป็นการกระทำที่เลือดเย็น อำมหิตมาก ศาลชั้นต้น พิพากษาจำคุก ศาลอุทธรณ์ยืน ฎีกายืน แสดงว่า 3 ศาลเห็นพ้องต้องกัน ตรงนี้ไม่ควรทำ แล้วถ้าทำได้ จริงๆ แล้ววันนี้ สิ่งที่คนกำลังกลัวคือว่า เดี๋ยวนี้พอคนมีอำนาจวาสนา ดำเนินการทางการเมือง กุมจังหวัดนึงใด เอาจังหวัดนั้นเข้าไปร่วมรัฐบาล เอาจังหวัดสุพรรณบุรี บรรหารบุรีเข้าไปร่วม สมัยก่อนมีชิดชอบบุรี ชิดชอบนครเข้าไปร่วม คนพวกนี้เลยกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในจังหวัดนั้น ที่ไม่มีใครเข้ามาทำอะไรได้ พวกคุณปลื้มกำลังจะทำอย่างนี้ ต้องคิดให้ดีๆ ผมถึงบอกว่า เรื่องนี้ถ้าจะมีประเด็นเรื่องนี้คือตรงนี้แหละ
ส่วนไอ้เรี่องที่คนจะให้ที่พักพิงช่วยเหลือนั้น ผมคิดว่าถึงในที่สุดแล้ว ถ้าจำเป็นต้องเอาขึ้นศาล ถ้าเขาสารภาพผิดเขาสำนึกว่า เขาเมตตากรุณาเห็นแต่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เห็นแต่ความสงสารอย่างมากก็ลงโทษแต่รอลงอาญา ผมคิดว่าอย่างนี้ แต่ต้องดำเนินการ ถ้าไม่ดำเนินการไม่ได้ มันชัดเจนไง แม้กระทั่งคนที่นั่งรถมาด้วยต้องดำเนินการ
เติมศักดิ์- ช่วยเหลือ
สนธิ- ช่วยเหลือหมด พาดพึงไปถึงใครต้องเอาให้หมด เพราะว่าเดี๋ยวนี้หลักนิติรัฐมันแทบจะไม่เหลือแล้ว และยิ่งยืนขอพระราชทานอภัยโทษแล้วถ้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์เห็นบ้าจี้ไปด้วย เท่ากับรถบบการยุติธรรมเจ๊งฉิบหายวายป่วงหมดไม่มีเหลือ
จินดารัตน์- ถ้าอย่างกรณีกำนันเป๊าะ มันจะโยงไปถึงคนอื่นๆ ที่รอการขอพระราชทานอภัยโทษอะไรอยู่หรือเปล่า
สนธิ- นี่ไงมันเกี่ยวพันกันด้วย ตอนนี้เกมการเมืองทุกอย่าง มันถูกโยงกลับไปถึงการที่จะให้นิรโทษกรรมทักษิณ ชินวัตรไปหมดแล้ว แม้กระทั่งการที่อาจารย์ปานเทพ ไปคุยกับคุณเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ มีส่วนเกี่ยวพันกันด้วย ซึ่งเรื่องนี้สนุกมาก
เติมศักดิ์- ต่อเลยไหม
สนธิ- เติมศักดิ์ว่ามาเลย
เติมศักดิ์- อยากรู้ว่า และเชื่อว่าพี่น้องพันธมิตรฯ อยากรู้เรื่องนี้มันจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า พันธมิตรฯ เป็นเครื่องมือหรือเปล่า
สนธิ- มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น คือความที่เราคัดค้านกฎหมายปรองดองตอนนั้น ที่ระดมคนออกไปแล้วไปล้อมสภาฯ มันเป็นเหตุสืบเนื่องทำให้ทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องหยุด พ.ร.บ.นี้ และไม่กล้าที่จะเสนอเข้าไปอีก คือวันนี้พรรคเพื่อไทยคนในพรรคเพื่อไทยบางคน เริ่มรู้แล้วว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่ประชาธิปัตย์ แต่ก่อนยังเข้าใจว่า พันธมิตรฯ คือประชาธิปัตย์ วันนี้คือเขาเริ่มรู้แล้ว เขาเราไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ทีนี้คุณเจริญ จรรย์โกมล เป็นรองประธานสภาฯ เขารู้อยู่แล้วว่า มีร่าง 3 ร่างที่จะปรองดอง ที่จะนิรโทษกรรมทุกอย่าง ทีนี้เขามองว่า มันเกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ ด้วย เขาอยากจะรู้ว่าจุดยืนของพันธมิตรฯ อยู่ตรงไหนเขาเลยโทรศัพท์ติดต่อมาที่ อ.ปานเทพ อ.ปานเทพ มาถามผม เล่าให้ผมฟัง ผมบอกว่าไปซิ ผมอนุญาต อ.ปานเทพ ไปเอง บอกไปเถอะอาจารย์ แต่ถามคุณสุวัตรสักนิดในฐานะเขาเป็นทนายความ ผมบอกว่า ไปไม่เสียหายอะไร แต่เราไปแสดงจุดยืนของเราให้เขารู้ ซึ่งคุณเจริญ จรรย์โกมล พูดถูก เขาบอกว่า เนื่องจากการนิรโทษกรรมเกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ แต่เราไม่เคยรู้จุดยืนพันธมิตรฯ อยู่ตรงไหน เขาอยากรับทราบ อ.ปานเทพ ถึงไป ไปก็ไปเจอก่อแก้ว พิกุลทอง คุณวรชัย ส.ส.พรรคเพื่อไทย แล้วก็มีอีกหลายคนเข้าไปร่วม อ.ปานเทพ พูดจุดยืนชัดเจน บอกว่า ถ้าจะนิรโทษกรรม คนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคง พันธมิตรฯ ไม่ขัดข้อง แต่มวลชนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ความมั่นคง หากเป็นอารยขัดขืน คือ ไม่มีอาวุธ ไม่ได้ก่อความไม่สงบ ไม่เผาบ้านเผาเมือง ก็ปล่อยไปได้ รวมทั้งเสื้อแดง แต่ถ้าใครทำผิดก็ต้องดำเนินคดีอาญาแผ่นดินต่อไปไม่มีสิทธิ์ได้รับนิรโทษ เช่น ใครมีปืน ยิงคน พกอาวุธถูกจับ ใครถูกจับได้ว่าเผาบ้านเผาเมือง ดำเนินคดีไม่ยกเว้น นี่คือจุดยืนที่พันธมิตรฯ มีอยู่
ที่น่าสนใจคือ เขาถามว่า ยกเว้นแกนนำให้ถูกดำเนินคดี คำถามมีว่า พันธมิตรฯ มีแกนนำชัดเจน แกนนำมีทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 แต่ถามว่าเสื้อแดงมีใครยอมเป็นแกนนำหรือเปล่า จะเป็นจตุพร พรหมพันธุ์ ไหม จะเป็นณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไหม เป็นก่อแก้ว พิกุลทอง ไหม จะเป็นเหวง โตจิราการ ไหม จะเป็นธิดา ถาวรเศรษฐ ไหม จะเป็นวิภู แถลง ไหม เสื้อแดงแกนนำมี 10-20 คน แล้วคุณจะเลือกว่าใครเป็นแกนนำใครไม่เป็นแกนนำ ตอนนั้นกระโดดหนี แต่พันธมิตรฯไม่กระโดดหนี ถ้าคุณจะแยกแกนนำพันธมิตรฯไม่ขัดข้อง เพราะเราประกาศชัดเจน เหตุผลเพราะว่า เราชุมนุมทุกครั้งเราไม่เคยทำร้ายประเทศ ของเราอารยะขัดขืน ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ มีแต่พวกเขาที่ประชุมโดยไม่สงบ และมีอาวุธเต็มไปหมด เพราะฉะนั้นเราไม่ขัดข้อง เขาเลยติดอยู่ตรงนี้
ทีนี้ปัญหาใหญ่คือ ปัญหาภายใน เพราะว่าทักษิณ ชินวัตร ต้องการมัดเสื้อแดง จับเสื้อแดงเป็นตัวประกัน จะได้นิรโทษทีเดียวทั้งหมด แทนที่จะนิรโทษเฉพาะเสื้อแดงที่ร่วมชุมนุมแล้วไม่รู้เรื่อง แล้วพวกเสื้อแดงติดคุกมาตั้งนานไม่มีการดูแลกัน พวกเราดูแลกันตลอด ถึงเวลาขึ้นศาล เราไปหาเงินมาประกันตัว เพราะว่าเราไม่เคยโดนเรื่องเกี่ยวกับใช้อาวุธทำร้าย ถ้าเราโดนก็คือโดนข้อหากลั่นแกล้ง อย่างกรณีผู้ก่อการร้าย ซึ่งคุณเติมศักดิ์เป็นจำเลย ผมก็เป็นจำเลย
เติมศักดิ์- โดนยัดเยียดข้อหา
สนธิ- นี่คือฝีมือพรรคประชาธิปัตย์ อย่าโทษเพื่อไทย นี่คือฝีมือพรรคประชาธิปัตย์ ฝีมือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีนายเนวิน ชิดชอบ อยู่เบื้องหลังร่วมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดำเนินการมาตลอด มาถึงยุคนี้เลยเข้าทางพรรคเพื่อไทยเขานั่งเฉยๆ ปล่อยให้ทำต่อไป แล้วบอกเขาไม่เกี่ยว
คำถามมีอยู่ว่า ถ้าทักษิณ ชินวัตร หรือรัฐบาลชุดนี้สนในในมวลชนเสื้อแดง ก็ต้องดำเนินการร่างกฎหมายนิรโทษฯ เฉพาะมวลชนที่ไม่ได้ทำผิดคดีอาญา แต่ว่าฝ่าฝืน พ.ร.บ.แห่งความมั่นคง และ พ.ร.บ.ความฉุกเฉิน แต่ไม่ได้ทำผิดคดีอาญา แต่ต้องตกเป็นจำเลยเพราะว่าไปชุมนุม ซึ่งในกรณีนี้ก็หมายความว่า ส่วนพวกที่โดนคดีอาญาก็ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยจะไปเจรจาอัยการอย่างไรที่ให้ปรับคดีเพื่อไม่ให้แรง หรือถอนฟ้องออกมา ก็เป็นเรื่องของเขา แต่อย่าไปขู่กับทักษิณ
ทีนี้มีอะไรที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง คุณเติมศักดิ์ จำได้มั้ยวันที่พวกเสื้อแดงไปเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล 29 มกราคม ผมจะเอาคำพูดของหมอเหวงเอามาให้ดู 29 มกราฯ วันที่ 2 กุมภาฯ หมอเหวงพูด พูดยังไงรู้มั้ย พี่น้องจะเลือกอะไรดีครับ ข้างหน้าเรามี 2 ทางเลือกเท่านั้นเอง มีคนถามว่า อย่างนี้เสื้อแดงจะขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า เสื้อแดงจะตีพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า หรือจะโค่นล้มพรรคเพื่อไทยหรือเปล่า ผมบอก คุณถามคำถามนี้มันประหลาดนะ เพราะเบื้องหน้าของประเทศไทยมี 2 ทางเลือกเท่านั้นเองคือพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ คุณบ้าเปล่าคุณหมอเหวง
จินดารัตน์- ลองฟังเสียงหมอเหวงกัน ดูอารมณ์วันนั้น
( VTR หมอเหวง)
สนธิ- มองว่าประเทศไทยมี 2 ทางเลือกคือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ โกหก 3 ทางเลือก คือพวกเราซึ่งไม่เอาพรคคเพื่อไทย ทั้งไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอาพรรคการเมือง เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ต่างกันเลย แม้แต่นิดเดียวๆ คุณรู้ไหม วันนี้พวกเสื้อแดงที่มีปัญญาเริ่มรู้แล้ว ที่คิดเป็น เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง เพราะตัวเองเป็นเครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น มีคนหนึ่งเขาพูดว่าเลยว่า สมัยที่เหวงติดคุกอยู่ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประท้วงเช้า ประท้วงเย็น
จินดารัตน์- ให้ปล่อยตัว พอวันนี้เหวงเขามาเป็น ส.ส. ออกจากคุกแล้ว ธิดา ถาวรเศรษฐ์ เงียบ ส่วนพวกเสื้อแดงคุก ติดได้ติดไป เพราะฉะนั้นแล้วการ์ตูนไอ่เบื้อก ชัดเจน เรื่องควาย หมอตามาตรวจตาควาย ผมไม่รู้ยังมีเปล่านะ เราเคยออกอาทิตย์ที่แล้ว หมอตามาตรวจตาควาย บอกทำไมมันถึงปวดตาขนาดนี้ หมอตาบอกว่า ไม่มีอะไรโดนแหกตามากเกินไป
จินดารัตน์- หน้าแหกหมอไม่รับเย็บ
สนธิ- หมอไม่รับเย็บใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราก็ไม่อยากไปซ้ำเติม คนเสื้อแดงที่ไร้ปัญญา และนี่คือรากเหง้าของปัญหาของประเทศไทย เพราะว่าคนโง่ยังมีอยู่มาก และโง่ทั้ง 2 ฝ่ายนะ โง่ทั้งเสื้อแดง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ โง่ทั้ง 2 ฝ่ายเลย พวกสาวกประชาธิปัตย์ประเภทหลงงมงาย ก็ไง่ไม่ได้ต่างจากคนเสื้อแดงที่ถูกหลอกแหกตา แต่เราไม่ยอมถูกหลอก เพราะฉะนั้นจุดยืนเราชัดเจน ที่น่าสนใจอย่างวันนี้ คนเสื้อแดง คุณวรชัย เขาพูดกับคุณปานเทพ ปานเทพมาเล่าให้ฟัง เขาบอกผมเชื่อว่าพันธมิตร ไม่ใช่พวกพรรคประชาธิปัตย์
จินดารัตน์- อ่อ เหรอค่ะพูดอย่างนี้
สนธิ- เพิ่งรู้ เพิ่งทราบๆว่าพันธมิตรไม่ใช่พวกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเราไม่มีพรรคการเมือง เรายืนอยู่บนความถูกต้อง ทุกอย่างเพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดเลยว่า วันนี้ความแตกแยกในเสื้อแดง มหาศาล แล้วคนพวกนี้ยังมองประเทศไทย ในสายตาทางการเมืองแบบเดิม คือ ถ้าไม่เพื่อไทยก็พรรคประชาธิปัตย์จบ
จินดารัตน์- และความแตกแยก เขาพยายามปกปิดนะค่ะ ปิดไม่มิด
สนธิ - ปิดไม่มิด ปิดไม่ได้ มันจะปิดได้ยังไง คนที่อยู่ในคุกมันนับเวลา และมันก็มีคนทำเสื้อน่ะ ในที่สุดมึงก็ทิ้งกู
จินดารัตน์ - คือคนบางกลุ่มนี้ รู้สึกรักแกนนำเสื้อแดงบางคนที่อำมาตย์แล้วนี่นะ ลองกลับไปฟังกันหน่อยไหมค่ะว่าเขาคนนี้เคยพูดอะไรเอาไว้ นะค่ะ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
สนธิ- ย้ำให้ฟังหน่อย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไปดู ณัฐวุฒิพูดยังไง
( VTR ณัฐวุฒิ)
สนธิ- ผมรับผิดชอบไง รับผิดชอบโดยเป็นรัฐมนตรี นี่ไงคือผู้นำเสื้อแดง
จินดารัตน์- คือคนเสื้อแดงบางกลุ่ม เขายังมีความรู้สึกเขายังไม่อยากยอมรับความจริงตรงนี้นะคุณเติม อย่าพยายามหลอกตัวเองดีอยู่ว่า เขาไม่ได้ทอดทิ้ง แต่ต้องยอมรับความจริงว่า วันนี้เขาเป็นอำมาตย์แล้ว
เติมศักดิ์- ไม่ใช่ไพร่ แต่เป็นทาสของพรรคการเมือง ยึดติด
สนธิ- มันมี 2 พวกตอนนี้ คุณเติมต้องแยกให้ชัด พวกเสื้อแดงที่ยังเชื่อแกนนำอยู่คือ ทาส แต่พวกคนที่คิดว่า เราคิดว่าไม่มีปัญญา และอยู่ในสถานภาพที่สูงส่ง พวกนี้เป็นพวกขี้ข้า ตอนนี้มีอยู่ 2 ส่วน ขี้ข้าทักษิณ กับทาสเสื้อแดง ทาสแกนนำ
เติมศักดิ์- ขี้ข้าทักษิณกับทาสแกนนำ
สนธิ- ตอนนี้พวกเสื้อแดงเป็นแบบนั้น
เติมศักดิ์- มันจะนำไปสู่อะไร
สนธิ- ผมคิดว่าวันนึงพวกเสื้อแดง คงจะได้เห็นความจริงตาจะสว่าง แต่ผมไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาเร็วๆ นี้ หรือว่าต้องใช้อีกสักพักหนึ่ง แต่ถ้าตาสว่างแล้ว ผมคิดว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่พวกพรรคเพื่อไทยคิดว่า เขาสามารถที่จะจูงคนได้เหมือนเดิม ที่สำคัญคือเมื่อใดก็ตามที่พวกแกนนำ แกนนำวันนี้กิจกรรมก็ไม่มี ถ้ามีก็มีตังค์มา อย่างน้อยยังกระโดดโลดเต้นได้ วันนี้ตังค์ไม่จ่ายกิจกรรมไม่มีไอ้พวกติดคุกก็ติดไป ไอ้พวกเสวยสุขเป็นอำมาตย์ก็เป็นไป และหาทางใช้โวหารอันสวยหรู เพื่อแก้ต่างให้แก่ตัวเอง หรือว่าใช้ตรรกะหัวแม่ตีนอย่างที่หมอเหวง มาพูดเมื่อกี้ว่า มาว่าพรรคเพื่อไทยได้อย่างไง นี่เรามีทางเลือกเราไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เราก็ต้องประชาธิปตย์ และถามคำถามที่เสื้อแดงไม่ต้องตอบ บอกพี่น้องระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยจะเลือกใคร แน่นอนมึงต้องเลือกเพื่อไทย นี่คือตรรกะหัวแม่ตีน เหมือนกับไม่เลือกเราเขามาแน่ เหมือนกันกันเลยคุณเติมศักดิ์ ไอ้พวกนี้มันมีชุดประสาน และชุดความคิดที่คล้ายกันหมด
จินดารัตน์- พันธมิตรฯ กลุ่มใหญ่ๆ เลย เขาอึดอันกับคำนี้มาก ไอ้ประเภทไม่เลือกเราเขามาแน่
สนธิ- พอๆ กับหมอเหวงพูดเมื่องี้ไง ไม่เลือกเพื่อไทยแล้วจะเลือกประชาธิปัตย์หรอแค่นั้นเอง มันไม่พูดถึงเรื่องความถูกต้องเลยแม้แต่นิดเดียว คือมันมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย คือความถูกต้องของประเทศ มันไม่ใช่ไอ้พรรค 2 พรรคบ้าคือ พรรคที่โกงชาติกินบ้านกินเมือง ทรยศต่อชาติทั้งหมด ในกรณีของเขมรมันทรยศต่อชาติ มันขายชาติขายบ้านขายเมือง ในกรณีเรื่องของโครงการต่างๆ มันคอร์รัปชั่นกันทุกพรรค ทั้ง 2 พรรคทั้งประชาธิปัตย์ และทั้งเพื่อไทย ไอ้น้ำมันปาล์มขาดตลาดพรรคใคร
จินดารัตน์- แมลงสาบ
สนธิ- พรรคแมลงสาบ และวันนี้น้ำตาล ปาล์มขาดไหม แล้วทำไมเสือกขาดตอนนั้น ง่ายๆ
จินดารัตน์- อย่างนักวิชาการ
เติมศักดิ์- คือบ้านเมืองเราต้องการประชาชนที่ไม่ได้เป็นทาสพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองไม่ได้เห็นแก่ประโยชน์ของชาติ
สนธิ- ไม่เคยมีเห็นแก่ประโยชน์ของชาติ ผมถามคำนึง ถ้าพรุ่งนี้จับไอ้พวกนักการเมืองมาแก้ผ้าให้หมด ไอ้รายการทรัพย์สินที่พวกคุณแจ้งต่อ ป.ป.ช.ทุกคน เอามากางบนโต๊ะเลย คำถามแรกผมถามว่า ไอ้ที่ดินคุณอ้างว่ามีเท่านี้ คุณซื้อมาปีไหนคุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ บอกผมซิ แจงให้หน่อยได้มั้ย ถ้าคุณแจงได้ ผมจะถามต่อปีที่แล้วคุณเสียภาษีเท่าไหร่ แม่งหนีภาษีกันทุกคน ถ้ามันแจงได้ แต่ร้อยทั้งร้อยมันแจงไม่ได้ ป.ป.ช.นี่ก็ประหลาดกฎหมาย ป.ป.ช.ใครแจ้งทรัพย์สินอะไรก็รับไว้ รับทราบเฉยๆ มันต้องมีหน่วยงานไปตรวจสอบว่าคุณได้มาอย่างไร
พล.ต.ท.ชัช กุลดิลก แจ้งมามีอยู่พันกว่าล้าน ชีวิตการเป็นตำรวจตั้งแต่เป็น ร.ต.ต.จนเป็น พล.ต.ท.แล้วเกษียณอายุ คุณทำอะไรมีเงินพันกว่าบ้าน คุณตอบผมหน่อยได้มั้ย นี่ไม่ใช่เฉพาะชัช กุลดิลก นะ คุณไปไล่ทุกคนเลย ทุกพรรคการเมืองด้วย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย จู่ๆพอหมดจากการเป็นรัฐมนตรีงวดนี้มีเงินหลายสิบล้านแล้ว ร้องเพลงชาติเก่ง คนพวกนี้เป็นคนที่มีแผล เป็นเพียงแต่ว่ามันขาดคนไปเปิดแผลคนพวกนี้ให้ดู เราไม่มีอะไรกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว เรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องทำน้ำด่าง
เติมศักดิ์- คือประชาชนที่ไม่ยึดติดไม่เป็นทาสพรรคการเมืองมากขึ้น
สนธิ มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว สมัยก่อนเวลาเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ผมไม่เคยเห็นนะที่คนจะเริ่มออกมาพูด สมัยก่อนไม่มี ถ้าไม่พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องพรรคตรงข้าม เพราะสมัยก่อนถ้าไม่เลือกเราเขามาแน่นี่เฮจริงๆ เดี๋ยวนี้เริ่มมีบอก ทำไมกูต้องไปช่วย เหี้ยกับห่าทำไมกูต้องเอาด้วย แย่พอกัน
จินดารัตน์- เราโดนบังคับข่มขืนใจมาโดยตลอดเลยนะ
เติมศักดิ์- มีแฟนรายการถามผมมาว่า จริงหรือเปล่าถ้าไม่เลือกเราเขามาแน่ ผมบอกชอบใครก็เลือกคนนั้นแหล่ะ อย่าไปตกอยู่ในวาทะกรรม
สนธิ- ถ้ามันจะมาให้มันมาสิ
จินดารัตน์- มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว
เติมศักดิ์- คือเขาชอบผู้สมัครอิสระคนหนึ่แต่เขากลัวว่า ถ้าไม่เลือกเราเขามาแน่ ผมบอก ชอบใครก็เลือกคนนั้น
สนธิ- ถ้ามันจะมาก็มา
จินดารัตน์- เพราะอย่างน้อยที่สุดผู้สมัครอิสระเขาจะได้มีกำลังใจนะ ว่ามีคนเห็นเขา ครั้งต่อไปจะได้ขยันทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น และแอนเกลียดมากวลีนี้
สนธิ- มันเป็นวลีของการบีบบังคับจิตใจ ที่สำคัญคือพวกสาวกพรคประชาธิปัตย์ พยายามใช้ตรรกะหัวแม่ตีนที่ผมพูดตลอดเวลาว่า เรามาลืมความแตกต่างทะเลาะกันทิ้งมันไปก่อนดีกว่า ไม่เช่นนั้นพวกนั้นมาแน่ ผมอยากจะถามกลับระหว่างไอ้พวกนี้มันอยู่กับพวกคุณมาอยู่สำหรับผมแล้วไม่เห็นต่างอะไรกันเลย
ผมพูดไป 1 คอร์รัปชั่นเหมือนกัน 2 ไม่ได้ใช้หลักนิติรัฐ 3 กลั่นแกล้งผู้คนเหมือนกัน เพราะเราเป็นผู้ถูกกระทำ 4 ขายชาติเหมือนกันหมด
เติมศักดิ์- แม้แต่เรื่องคุณราตรีนะ ผมก็ได้ยินคนพูดว่าอย่าเพิ่งไปโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้เราต้องด่าพวกเผาเมืองก่อน
สนธิ- ทำไมจะต้องมีการด่าพวกเผาเมืองและจะต้องไม่ให้พูดถึงเรื่องการที่ประชาธิปัตย์เป็นเหตุให้ทำให้คุณวีระ และคุณราตรี ติดคุก
จินดารัตน์- เพราะว่าพรรคนี้ปล่อยเขาโดดเดี่ยว ทำให้เขาโดนจับ
สนธิ- ถูกต้องที่สุด
จินดารัตน์- ก่อนถึงเรื่องคุณราตรี ตอนนี้คนกำลังมองการเคลื่อนไหวของนักวิชาการแดง กลุ่มนักวิชาการแดงมีหลายแบบหลายกลุ่ม บางคนเป็นขี้ข้าหรือเป็นทาสหรือเป็นอะไร ท่าทีของเขาจะมีแรงกระเพื่อมทำให้เกิดความแตกแยกหนักขึ้นอีกไหมในกลุ่มเสื้อแดง
สนธิ- ผมคิดว่าเสื้อแดงขณะนี้ ปัญหาเสื้อแดงคือ ปัญหาของการซึ่งกลุ่มนักวิชาการแดงมีกำลังน้อย เสื้อแดงในที่สุดยังเป็นคนที่ถูกปลุกระดมแล้วจัดกระบวนทัพมา คนพวกนี้จะเป็นคนซึ่งไม่มีปัญญา ไม่เข้าใจอะไรมาก ตัวขับเคลื่อนคือกลุ่มแกนนำ ซึ่งมีเงินมีทอง จริงๆ เสื้อแดงที่มากันเป็นเพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลัง ถ้า ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่อยู่เบื้องหลังพวกเสื้อแดงไม่มาอย่างนี้
เพราะฉะนั้นจะเห็นชัด พวกที่มาชุมนุมหน้าทำเนียบวันนั้น เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็มีอยู่แค่ 1-2 พันคน เผอิญเขาไปเรียกร้องอะไรที่ทำให้สถานภาพของรัฐบาลไม่ดี ส.ส.เลยไม่สนับสนุน แต่ถ้าเป็นเรื่องราวที่กระเทือนรัฐบาลแล้ว ส.ส.เดือดร้อน จะกระซิบให้จัดเสื้อแดงออกมา เพราะฉะนั้นแล้วปัญหาใหญ่ ที่สุด ผมคิดว่านักวิชาการเสื้อแดง ในที่สุดจะโวยวาย แต่จะไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะยังมีคนเสื้อแดงที่ยังหลงในวาทะกรรมเดิม ที่บอกว่า ถ้าไม่เอาเราแล้วจะเอาประชาธิปัตย์หรอ หรืออีกนัยหนึ่ง คนไทยที่โง่ยังมีอยู่เยอะ ไม่ว่าเสื้อสีอะไรก็ตาม
เติมศักดิ์- เราต้องไม่ตกเป็นจำเลยทั้งเพื่อไทย ทั้งประชาธิปัตย์ พูดถึงเรื่องเสื้อแดง อยากพูดเรื่องมาตรา 112
สนธิ- ด้วยๆ คุณปานเทพพูดชัด บอกว่า เรื่องของคนที่ต้องคดีอาญา และต้องมาตรา 112 ต้องไม่อยู่ในข่ายนิรโทษกรรม จุดยืนเราเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว ปานเทพไปเพื่อแสดงจุดยืนให้เขารับรู้ว่า ถ้านิรโทษกรรมแล้วจะนิรโทษคนถูกคดีอาญาด้วย และนิรโทษคนซึ่งผิดมาตรา 112 เราไม่เอาเด็ดขาด
จินดารัตน์- มีคนพยายามโจมตีเอาเรื่องไปบิดว่าเราเกี้ยเซี๊ยะกัน
สนธิ- หนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่น บอกว่าแดงเหลืองจับมือกัน เป็นสไตล์ค่ายหัวล้าน สุทธิชัย หยุ่น หนังสือพิมพ์เครือเนชั่นมันเป็นหนังสือพิมพ์เครือที่เหมาะกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมันเป็นเครือตีจริง จุดยืนมันไม่มีเลยมันกลางตลอด กลางตรงไหนที่ให้มันทำเงินได้มันจะเอาหมด จริงๆ แล้วเนชั่นกับมติชนเกือบจะเหมือนกัน แต่เนชั่นมันพลางตัวได้เก่งกว่า
จินดารัตน์- เปรียบเสมือนพรรคเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์
สนธิ- คล้ายๆกัน
จินดารัตน์- พรรคนึงภาพดีนิดนึง แต่โกงเหมือนกัน
สนธิ- เหมือนกันหมดเลย โกงค่าสื่อมวลชนก็คล้ายกัน แปลกนะเติม แปลกจริงๆ ไม่เข้าใจ
เติมศักดิ์- ตกลงคือ การไปครั้งนี้ไปเพื่อไปแสดงจุดยืนที่ยังเหมือนเดิม
สนธิ- คือเขาถามว่า ในกรณีที่มี พ.ร.ก.แบบนี้ 3 ฉบับ เราคิดเห็นอย่างไร เราก็บอกจุดยืนเราไปอย่างนี้ แล้วอาจารย์ปานเทพก็เอาข้อเสนอของภรรยา
จินดารัตน์- คุณร่มเกล้า
สนธิ- คุณร่มเกล้า ก็โอเคมีเหตุผล คุณเติมรู้ใช่ไหมข้อเสนอเป็นอย่างไร มีเหตุผล แกเขียนคล้ายๆ พันธมิตร เหมือนกันคือ สรุปง่ายๆ ว่า คนที่ไม่เกี่ยวข้องจริงๆ แต่โดน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และโดน พ.ร.บ.ความมั่นคง น่าจะนิรโทษให้เขา แต่ต้องมีการแสวงหาความจริงด้วย ว่าความจริงที่แท้จริงมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนเริ่ม ใครเผาบ้านเผาเมือง ใครยิงใครตายกันแน่ เอาให้ชัดเจน
เติมศักดิ์- และต้องให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
สนธิ- ให้ชัดเจนเลยงานนี้
จินดารัตน์- มารับโทษก่อน
เติมศักดิ์- ไม่ได้เป็นการเกี๊ยะเซี๊ยะอะไร
จินดารัตน์- ไม่ได้คุยอะไร ยังไม่ได้ตกลงอะไร
สนธิ- บ้าไปเกี๊ยะเซี๊ยะอะไรกัน คุณปานเทพเขาจะกล้าไปเกี๊ยะเซี๊ยะกับใครที่ไหน โดยที่แกยังไม่ได้ให้ไปเกี๊ยะเซี๊ยะ และผมเป็นคนบอกให้ไปเล่าให้เขาฟังว่า จุดยืนเรามีตรงไหนบ้าง เท่านั้นเอง ไม่ได้มีข้อตกลงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
จินดารัตน์- พอพูดถึงมาตรา 112 ก็นึกถึงไปได้ถึงวันที่นายกฯ ของฝรั่งเศสมาพบนายกฯ ไทย เมื่อวันที่ 5 กุมภาฯ ที่ผ่านมา เขาพูดถึงกฎหมายอาญามาตรา 112 สักนิดไหมคะคุณสนธิ
สนธิ- ผมไม่ขัดข้องผมอยากพูดอยู่แล้ว ผมว่าไอ้บ้านั้นมันทะลึ่ง เสือกไม่เข้าเรื่อง คือมันเข้ามาแทรกแซงในเรื่องภายในของประเทศไทย พวกเราอย่าลืมว่า มาตรา 112 ตั้งอยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญบอกว่า สถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันอันสูงสุด ผู้ใดไม่สามารถจะจาบจ้วงได้ นั้นคือที่มามาตรา 112 ถูกไม่ถูก เมื่อมันชัดเจนอย่างนี้แล้ว มันเป็นมาตราที่มีรัฐธรรมนูญรองรับ ไอ้นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสมันทะลึ่งอะไรด้วย มึงมาเสือกอะไรเรื่องของเขา ใช่ไม่ใช่ ตามมารยาทสังเกตไหม นี่คือการวางยาของพวกฝ่ายซ้ายที่ต้องการจะล่มมาตรา 112 จะใช้เหตุการณ์ทางต่างประเทศ ผู้นำทางต่างประเทศและก็ยื่นคำพูดคำถามที่ให้ตอบ โอบามาโดนไปดอกนึงจำได้ไหม แต่โอบามามันฉลาด มันพูดไปอีกแบบ บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แต่สรุปพอจะให้ผ่านได้ แต่ไอ้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส มันสงสัยกำลังงงกับ Woman Touch อะไรของใครไม่รู้มั้ง มันเลยอยากจะเอาใจ หลุดปากออกมาเรื่องนี้
เติมศักดิ์- คำที่เขาใช้คือ ผู้ที่มีอำนาจไม่ควรใช้กฎหมายในการกีดกันเสรีภาพการแสดงออกทางความคิดเห็น ตามระบอบประชาธิปไตย
สนธิ- แต่ก่อนที่มันจะพูดคำนี้ มันพูดอะไรก่อนหน้านั้น
เติมศักดิ์- การแสดงออกทางการเมืองอยู่ภายใต้กฎหมาย
สนธิ- อุปมาอุปไมย ถุย! แล้วน้ำลายตกใส่หน้าแล้วเลียกลับ มันค้านกันรึเปล่า ต้องใช้กฎหมายนั้นต้องอยู่ภายใต้กฎหมายนี้แต่ในขณะเดียวกันผู้มีอำนาจไม่ควรใช้กฎหมายนี้ แล้วพูดทำไมตอนแรก แน่จริงต้องพูด กฎหมายนี้ไม่เหมาะสมที่จะมีอยู่ ต้องพูดแต่แรก แต่บอกว่ากฎหมายนี้ซึ่งให้ความถูกต้องรับรองกฎหมายนี้ แต่พูดอีกประโยคบอกว่า แต่ผู้มีอำนาจไม่ควรใช้กฎหมายนี้ เอ๊ะ! พูดจาแบบไหน
จินดารัตน์- สงสัยฟังผู้หญิงคนหนึ่งพูดแล้วกำลังงง สับสน
เติมศักดิ์- เลยถูกผู้หญิงอีกคน
จินดารัตน์- สวนกลับ พี่รสนา
เติมศักดิ์- ว่าคุณเข้ามายุ่มย่ามกับกฎหมายของเรา และเป็นการพูดที่ไร้มารยาททางการพูด
สนธิ- เสือกไม่เข้าเรื่อง
จินดารัตน์- เปรียบเทียบการละเมิดสิทธิในฝรั่งเศสเองด้วย
สนธิ- ขออนุญาตชี้แจง เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ชายคนหนึ่งหรือผู้หญิงคนหนึ่ง เขียนอีเมล์ด่าโอบามา ตำรวจจับได้เอาขึ้นศาล จำคุก 33 ปี อเมริกา ทำไมฝรั่งเศสไม่ประท้วง แล้วมาประท้วงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องฮิญาบ ที่คุณรสนาพูด อันนี้ด้วยความสัตย์จริง ฝรั่งเศสเป็นประเทศฆราวาส ไม่ให้มีการแสดงออกในการแต่งตัวหรือสัญลักษณ์ทางศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ ถ้าจะเอาประเด็นก็เอาประเด็นของคนที่ส่งอีเมล์ไปด่าโอบามาแล้วถูกจำคุก 33 ปี ทำไมเรื่องนี้ไม่ไปโวยวายอเมริกา
เติมศักดิ์- ทำไมไม่ไปบอกว่านั่นเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ การแสดงความเห็น
จินดารัตน์- เท่านั้นยังไม่พอ อียูก็มาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมกรณีสมยศ วิพากษ์วิจารณ์เราอย่างหนักหน่วง แสดงว่าเขาไม่มีความเข้าใจ
สนธิ- มันมีขบวนการอยู่ขบวนการหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการ แล้วคนซึ่งมีความสัมพันธ์กับต่างประเทศพอสมควรที่เป็นพวกฝ่ายซ้ายในทางวิชาการ หรือแม้กระทั่งคนบางคนที่อยู่ในรัฐบาลนี้ ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลชุดนี้ คนที่ชอบผูกหูกระต่าย คนพวกนี้จะมีสายสัมพันธ์กับอดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ รู้จักกับคนในวงการทูต รู้จักนักหนังสือพิมพ์ รู้จักนักเขียนอยู่เมืองนอก และรู้จักสมาชิกเคาน์ซิล ออฟ ฟอร์เรน รีเรชั่น ของอเมริกา พวกนี้คือพวกขวาจัด แล้วจะมีนักคิดนักเขียนเป็นชุด จะติดต่อ
ผมเคยตั้งทฤษฎีไว้แล้วไม่ผิด พวกขวาจัดอเมริกา พวกต้องการเข้ามาล่าอาณานิคมใหม่ทางทรัพยากร เห็นว่าประเทศไทย คนที่ขวาง สถาบันที่ขวางไม่ให้ทำคือ สถาบันกษัตริย์ เพราะฉะนั้นต้องล้มสถาบันกษัตริย์ให้ได้ วิธีล้มก็คือ ออกบทความ ที่ประชุมสัมมนา พูดบอกกษัตริย์ต้องไม่ดี ไม่ควรมีมาตรา 112 คือต้องการขจัดตรงนี้ออกไปเพื่อให้คนวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ ในที่สุดสถาบันกษัตริย์จะต้องล่มสลายเพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์ เลยเอา 112 มาเป็นตัวขวาง ประเด็นสำคัญของ 112 คือ เขาบอกว่าไม่มีการกระทำการใดที่เป็นการหมิ่นกษัตริย์ คำถามคือว่า เขาบอกชัดเจนแล้วหมิ่นทำไม หรือถ้าจะถามอย่างนักเลง คือ พระเจ้าอยู่หัว หนักอะไรตรงไหน ทั้ง ดร.อังดรัวร์ ทั้งหลายเนี้ย พระองค์ไปทำอะไรให้ ถึงเคียดแค้นกันนัก ประเด็นอยู่ตรงนี้เอง ขีดเส้นขีดไปเรียบร้อยแล้ว อย่านะ มึงเอาตีนไปแหย่และเหยียบเส้น เขาก็เอาไม้ตีมึง และมึงมาบอกว่า เส้นอันนี้ไม่ควรจะขีดเอาไว้ ก็นั่นมันอยู่ในรัฐธรรมนูญ ประชาชนทั้งประเทศเขาเห็นว่าสถาบันมหากษัตริย์ไม่ควรที่จะถูกละเมิด จาบจ้วง และสมยศ วันนั้นเราก็บอกแล้ว ว่าชัดเจนลงบทความที่จาบจ้วงอย่างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถจะพูดได้ อธิบายให้ฟังไม่ได้ แล้วสมยศเอง ก็เอาพยานตัวเอง ซึ่งเป็นคนจัดหน้า เพื่อมาให้การช่วงเหลือตัวเอง และพยานเสือกบอกว่าไอ่สมยศ สั่งให้ลงเรื่องนี้ ในทางกฎหมายก็ผิดละงานนี้ นายสมยศก็เลยต้องหลุดมาว่า จักรภพ เพ็ญแขเป็นคนเขียน แล้วไงละ อยู่ดีไม่ว่าดี แล้วหนังสือเป็นชื่อ วอยซ์ ออฟ ทักษิณ แล้วจะให้คิดยังไงละ เพราะฉะนั้นทักษิณคือตัวอันตรายของชาติบ้านเมือง เพราะว่าจู่ๆถ้าคนมาเขียน วอยซ์ ออฟ เติมศักดิ์ และเขียนเรื่องราว แล้วคุณเติมศักดิ์ มาเห็นคุณเติมศักดิ์ต้องโวยละ ต้องเปลี่ยนชื่อหนังสือนะ มาวอยซ์ ออฟ เติมศักดิ์ได้ไง ไอ่วอยซ์ ออฟ ทักษิณ มีมาตั้งนานแล้ว แสดงว่าทักษิณรับรู้ รู้เห็นเป็นใจ ถึงปล่อยให้เกิดขึ้น สนับสนุน เพราะฉะนั้นเป็นเกมส์การเมือง อียูมันก็มีการเชื่อมโยงกับพวกซีอาร์เอฟ ซีเอฟอาร์ โยงไปโยงมา ในที่สุดมันก็เอาเรื่อง 112 ของสมยศมาล่อ
จินดารัตน์-เพราะมันเคยมีบทความที่ ของยุโรปที่บอกว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เราเป็นอุปสรรค
สนธิ - มีแล้ว มีกรณีของผม โดน 112 แล้วศาลยกฟ้อง เพราะบอกไม่มีเจตนา ทำไมไม่พูดบ้างละ ทำไมอียู ไม่พูดบ้างละ ว่ากรณีคนโดน 112 ก็มีคนถูกยกฟ้องเหมือนกัน บอกว่า เขาไม่ผิดเพราะเขาไม่มีเจตนา มึงต้องพูด 2 ด้าน
จินดารัตน์ - นี่มันนิสัยเหมือนกันหมดนะค่ะ
สนธิ- เออ สันดานมันเหมือนกันหมด
จินดารัตน์- มันพูดความจริงครึ่งเดียว เข้าใจยังเติม
เติมศักดิ์- มันเป็นยุทธการโลกล้อมประเทศ
สนธิ- ยุทธการโลกล้อมประเทศ ไอ้ฝรั่งมันต้องการจะโค่นสถาบันกษัตริย์เรา แต่วิธีเดี่ยวที่จะโค่นได้ มันต้องกำจัด 112 ซะก่อน เพื่อให้คนวิพากษ์วิจารณ์ สถาบันกษัตริย์ให้เต็มที่ และในที่สุด เสาสถาบันกษัตริย์จะกร่อนลง และล้มลงในที่สุด และคราวนี้มันก็เข้ามาได้แล้ว
เติมศักดิ์ - ทำเป็นขบวนการ
สนธิ- ขบวนการ โถ่
จินดารัตน์- และมันทำไม่หยุดไม่หย่อน
สนธิ- มันทำไม่หยุดไม่หย่อน เพียงแต่ว่า สมัยหนึ่งเนี้ย รัฐบาลถ้ามันสู้เป็น มันต้องสู้ให้ถูกหลัก เรายังไม่เคยเจอรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั้งรัฐบาลชุดสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เคยลุกมาสู้เรื่องนี้อย่างจริงจังซะที ผมเชื่อว่าวันนี้ถ้ามีการทำประชามตินั้น ทั่วประเทศไทยเลยนะ ถามว่า เห็นด้วยไหมว่าเมืองไทยยังควรมีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ เห็นด้วยไหมว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย เห็นด้วยไหมที่ควรที่จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ไม่ให้มีการจาบจ้วง ผมเชื่อว่ากว่า 90% เห็นด้วยหมด ไอ่ประชามติ 90กว่าเปอร์เซ็นต์ ผมเชื่อพร้อมจะทำได้เลย แฟร์ๆเลย 90กว่าเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยที่สุด เป็นตัวยืนยันให้กับทั่วโลกรู้ว่าอย่ามาเสือก เคยมีรัฐบาลชุดไหนทำบ้างไหม ไม่มี ไม่ได้สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ประชาธิปัตย์ก็ไม่สนใจที่จะทำ ว่าแต่เรื่องสวยหรู พูดแต่เรื่องโน้นเรื่องนี้ ใช้คำพูดว่า ไอ้พรรคเพื่อไทยแน่นอน ปิดปากเงียบ อะไรจะเกิดให้มันเกิดไป ดี แอบสนับสนุนซะด้วยซ้ำ
เติมศักดิ์- อยู่ร่วมขบวนการอยู่แล้ว
สนธิ- เพราะมันอยู่ร่วมขบวนการเดียวกัน
จินดารัตน์- แต่ถ้าจะทำโพล ห้ามให้สำนักทำนะ
เติมศักดิ์ - โอโห
สนธิ- ผมมีความสมเพช สังเวช ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ มาก คือ ธรรมดาแล้ว มหาวิทยาลัยราชภัฏ เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ควรจะเกิดซะด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเป็นพื้นฐานแล้ว มันเป็นระดับถ้าพูดถึงในต่างประเทศเป็นระดับจูเนียร์คอลเลจ แต่ความที่ผู้บริหารมหาลัยกระสัน อยากจะมีตำแหน่งดัง อย่างจะเลื่อนตำแหน่ง อยากจะมีโน้นจะมีนี้ ก็เลยแข่งขันกัน คุณภาพการศึกษาของราชภัฏต่ำมาก แล้ว สุขุม เฉลยทรัพย์ เป็นภาพสะท้อนให้เห็นคุณภาพของอธิการบดีของมหาลัยราชภัฏ คนอื่นเขาอาจจะดีนะ แต่ผมเห็นเนื้อหาของ สุขุม เฉลยทรัพย์ แล้ว แต่สุขุม เฉลยทรัพย์ ผมว่าอย่าไปว่าเขาเลย เขารับใช้รัฐบาลทุกรัฐบาล ตราบใดที่รัฐบาลนั้นมีผลประโยชน์ยื่นให้เขา เขาพร้อมจะรับใช้ และผมจะบอกให้รู้ โพลต่างๆเวลาเลือกตั้ง ไม่ควรจะมีเลย เราไปเลียนแบบฝรั่ง ฝรั่งนี้มันมีแกลลอป โพล มันมี มันมีนิวยอร์คไทมส์โพลล์ มันมียูเอสเอ อิน เดอะ ทูเดย์ โพลล์ มันมีวอชิงตันโพสต์โพลล์ หลายโพลล์ เพราะฉะนั้นแล้วไม่มีโพลล์ใดโพลล์หนึ่งที่จะมาผูกขาดอันนี้ได้ แล้วฝรั่งมันมีจริยธรรมในการทำโพลล์ ไม่เหมือนสวยดุสิตโพลล์ เอแบคโพลล์ พวกนี้ผลประโยชน์ทั้งนั้น แล้วช่วงหลังๆ โพลล์พวกนี้ทำโดยไม่อ้างหลักวิชาการ จริงๆ แล้วการจะทำโพลล์อะไรก็ตาม ต้องระบุหลักวิชาการไปด้วยว่า โพลล์กรณีที่คุณทำแบบนี้คุณสำรวจคนดี่คน จังหวัดไหนบ้าง ผู้ชาย ผู้หญิงกี่คน อายุเท่านี้กี่คน การศึกษาปริญญาตรีกี่คน ต่ำกว่าปริญญาตรีกี่คน มันต้องประกอบกับโพลล์เพื่อให้คนดู โพลล์ถ้าสมมติว่าที่ชุมนุมพันธมิตรฯ เราทำโพลล์ ASTV เราถามคำเดียวว่า คิดว่าทักษิณดีหรือไม่ดี 100% ตอบว่าเลว เพราะเราถามพันธมิตรฯ เหมือนกัน สำนักโพลล์บางแห่ง เติม มันจ้างคนประจำไว้เลย 500 คน นี่เรื่องจริง ตั้งอยู่ตรงเหนือบ้าง อีสานบ้าง กินเงินเดือนทุกเดือน รอคำถามที่ส่งไปแล้วตอบกลับมา มันถึงเร็วไง สำนักโพลล์อยู่แถวๆหัวหมาก
โพลล์สำคัญเพราะว่าคนไทยส่วนใหญ่ด้อยปัญญา ขอให้สำนักพิมพ์ตีพิมพ์ว่า เอแบคโพลล์ ดุสิตโพลล์ ระบุคนนี้นำ กระแสกลบ ออกทางทีวี หนังสือพิมพ์ พูด มันเป็นการปั่นกระแส ภาษาอังกฤษเรียก สปิน พอปั่นแล้วกระแสก็เกิดพอเกิดมันก็เลยแห่ไปตามทิศทาง
จินดารัตน์- นับวันโพลล์มันยิ่งอัปยศลงทุกวัน
สนธิ- ที่สำคัญพวกที่อัปยศมันทำโดยสถาบันการศึกษา ระดับอุดมศึกษา มันเลวมาก มันทำให้เราคิดว่าไอ้เด็กที่เรียนสถาบันนั้นถ้ามันมีผู้บริหารที่เลวๆที่กล้าทำโพลล์แล้วมันจะได้การศึกษาที่เลวๆไปด้วยหรือเปล่า ตรงนี้น่าคิด
เติมศักดิ์- ถึงขนาดทำให้มานิตย์ สุขสมจิต ลาออก
สนธิ- นี่สุดยอดนะ แล้วพรรคเพื่อไทยก็มาด่าคุณมานิตย์ สุขสมจิต แกรับไม่ไหวจริงๆ เพราะว่าสุขุม เฉลยทรัพย์ ไม่ได้เป็นนักการศึกษาไปแล้ว เป็นนักการเมือง ที่แอบแฝงอยู่ภายใต้เสื้อนักการศึกษา ถ้าเป็นผมตั้งข้อสงสัยกับเด็กที่จบจากสวนดุสิต ไม่รู้ สตาฟเราหลายคนเป็ฯเด็กที่ตบราชภัฏมา เดี๋ยวพูดไปก็กระเทือนใจกัน ยุคก่อนๆยังถูไถได้อยู่ เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว
เติมศักดิ์- แต่แนวโน้มที่เอาสถาบันการศึกษาไปรับใช้ฝ่ายการเมือง เป็นแนวโน้มที่น่ากลัว
สนธิ- มันทำมาตลอดนะไม่ใช่เพิ่งทำ แล้วสถาบันการศึกษาที่เป็นเครื่องมือได้ง่ายที่สุดคือมหาวิทยาลัยราชภัฏ
จินดารัตน์- ทีสำคัญคือมันไม่มีความละอายใจเลย
สนธิ- เพราะว่าเด็กที่เรียนราชภัฏเป็นเด็กไม่มีสิทธิไม่มีเสียง ราชภัฆคือมหาวิทยาลัยรองสุดท้ายจากรามคำแหงที่เด็กจะไปสมัครเรียนหลังจากพลาดมหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยเอกชนหลายๆแห่ง เพราะฉะนั้นแล้วเด็กพวกนี้เป็นเด็กซึ่งมาจากทุกที่ อธิการบดี อาจารย์ รองอธิการบดี คนพวกนี้ก็จะเป็นคนซึ่งไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีหลักการ มีอยู่เหมือนกันแต่ส่วนน้อย แต่ส่วนใหญ่พร้อมจะทำเพื่อผลประโยชน์หมด รัฐให้ผลประโยชน์อะไรก็เอา ไม่มีความเป็นอิสระในเรื่องทางวิชาการแม้แต่นิดเดียว พร้อมจะรับใช้ เพราะฉะนั้นจะสังเกตว่า ทำไมให้ราชภัฏทำเวทีเสวนา เพราะว่าสั่งได้ แล้วให้ตังค์ด้วย เพราะฉะนั้นราชภัฏคือมหาวิทยาลัยการศึกษาที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง ไม่เฉพาะพรรคเพื่อไทย อีกหน่อยใครขึ้นมาก็เรียกใช้ราชภัฏ ไม่อายกันเลย
ผมจะเล่าเบื้องหลังให้ฟัง ผมมีรุ่นน้องที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรที่ใหญ่มาก ผมถามว่า ชื่อชัย ถามจริงๆ ชัยมีวิธีการรับเด็กที่จบที่ต่างๆ อย่างไร พี่ผมเอามหาวิทยาลัยรัฐเป็นเกณฑ์ตั้ง คำว่ามหาวิทยาลัยรัฐเท่ากันหมดไหม ไม่เท่ากันหมด หลักๆคือ จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร เชียงใหม่มีบ้าง ขอนแก่นมีบ้าง สงขลา ถ้าเอกชนขึ้นอยู่กับที่ไหน ผมตั้งเอาไว้มี ม.กรุงเทพ ม.รังสิต 2 แห่งนี้ผมจะลบ 0.25 จากเกณฑ์มาตรฐาน 1 ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชนที่คุณภาพแย่ลงลบประมาณ 0.5 ต่ำก็มี ราชภัฏ ผมลบ 1 เท่ากับเด็กราชภัฏได้ 3 เข้าองค์กรนั้นเท่ากับได้ 2
ผมจะบอกให้รู้ ผมพูดด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้ดูถูกราชภัฏ แต่ผมรู้ว่าคุณภาพราชภัฏเป็นแบบนี้เพราะอาจารย์ราชภัฏส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ แต่เขาไม่บอกกัน เขารู้กันภายใน ปรากฏว่า คนทำงานแบงก์ เดี๋ยวนี้พนักงานแบงก์เริ่มรับมหาวิทยาลัยเอกชน แต่เปอร์เซ็นต์คนจบราชภัฏแทบหาไม่ได้เลยในแบงก์ ไม่ม.กรุงเทพ ม.รังสิต หรือไม่ก็หอการค้า นี่เรื่องจริง
เติมศักดิ์- ต้องปรับโครงสร้าง
คลิกอ่านต่อ