“ชวนนท์” แจงแทน “สุเทพ” โยน ตร.แนะให้รวมสัญญาสร้างโรงพักทั่วประเทศ หวั่นแยกขัดระเบียบ สตช. ยันไร้ฮั้ว เหตุประมูลราคาต่างกันมาก ตอกดีเอสไอตั้งธงฟันมั่วบริษัทที่รับประมูลเล็ก ทั้งที่ผลงานมากมาย ชี้เบิกเงินไปพัฒนาโครงการ รับเงินหมุนเวียน-สัญญามีปัญหา อัด รบ.นิ่งไม่สน อัด “เฉลิม” เมาไวน์ โยงพ่อตา “ห้อย” เฉย ดัก “ธาริต” ทำเพื่อการเมืองไม่จบแน่ จวกไม่กล้าเรียกคน “ดามาพงศ์” สอบ จี้ “ปู” เลือกล้างผิด ปชช.แบบ ปชป. หรือทำเพื่อพี่ชาย ไม่สนไฟลุกประเทศ
วันนี้ (6 ก.พ.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เรื่องการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศไม่เสร็จตามสัญญาว่า ข้อกล่าวหาของนายธาริตมีการเปลี่ยนไปมา โดยครั้งแรกอ้างว่ามีการรวมสัญญาทั่วประเทศมาจัดซื้อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยคำสั่งของนายสุเทพ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากหากมีการดำเนินการทำสัญญาแยก 9 ภาคเพื่อเคาะการประมูล 9 ครั้งอาจเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีการนำสัญญาดังกล่าวมารวมกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดปกติแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม หากมีการประมูลรายภาคอาจเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากกว่าและทั้งหมดก็เป็นความเห็นของฝ่ายปฏิบัติทั้งสิ้น ไม่ใช่สิ่งที่นายสุเทพไปกำหนด
ส่วนที่มีการอ้างว่ามีการฮั้วการประมูลนั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือไม่มีการฮั้วแต่อย่างใด เพราะราคากลางที่ตั้งไว้ 6,388 ล้านบาทนั้น บริษัท พีซีซี ดิเวลลอปเมนท์ แอนด์คอนสตรั๊กชั่น ที่ได้รับชัยชนะในการประมูล 5,848 ล้านบาท มีการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท ในขณะที่บริษัท สามประสิทธิ์ ซึ่งเสนอราคาเป็นอันดับสองประมูลต่ำกว่าราคากลางเพียง 293 ล้านบาท กรณีนี้จึงไม่มีการฮั้วเพราะการเสนอราคาต่างกันมาก ดังนั้นหากมีการฮั้วก็ต้องเรียกว่าฮั้วแตก เพราะหากฮั้วจริงตัวเลขจะไม่ต่างกันมากขนาดนี้ แต่นายธาริตก็มีการเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากเดิมที่ระบุว่ามีการฮั้ว โดยเบี่ยงเบนว่าเป็นการตั้งใจประมูลราคาต่ำเพื่อทิ้งงาน และอ้างว่าบริษัทดังกล่าวไม่เคยรับงานใหญ่ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะบริษัท พีซีซี มีบริษัทลูกจำนวนมาก หรือเรียกได้ว่ามีธุรกิจก่อสร้างแบบครบวงจรจึงสามารถประมูลต่ำกว่าราคากลางได้ เพราะซื้อวัสดุจากบริษัทในเครือข่ายทางธุรกิจ และยังเคยรับงานใหญ่มาแล้วหลายโครงการ อาทิ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ทียูโดมของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย กองทัพบก รวมถึงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้วหลายโครงการ จึงเป็นบริษัทที่รับงานราชการมาอย่างต่อเนื่อง และเคยประมูลงานภาครัฐมามากมาย ดังนั้นการพยายามโยงว่ามีความผิดปกติจึงไม่เป็นความจริง
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีการอ้างว่าเงินที่เบิกส่วนหนึ่งหายไปไหนนั้น ทางบริษัทได้ชี้แจงแล้วว่าไม่ได้หายแต่ใช้ในการพัฒนาก่อสร้างโครงการ ซึ่งแฟลตตำรวจก็ส่งมอบไปแล้ว 80% แต่ถ้าจะมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียนก็เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยโครงการบ้านเอื้ออาทรแล้ว เพราะไม่สามารถชำระเงินให้ซัปพลายเออร์ได้จนมีข่าวว่าติดแบล็กลิสต์จากบรรดาซัปพลายเออร์ แต่สุดท้ายก็แก้ปัญหาได้ด้วยการหมุนเงิน จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดนี้ที่ต้องบริหารสัญญาให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เพราะมีเวลาบริหารเกือบสองปี ต้องตั้งคำถามว่าทำไมไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ทั้งนี้ยืนยันว่าการประมูลไม่มีขั้นตอนใดที่ผิดกฎหมาย แต่ปัญหาเกิดจากการบริหารให้เป็นไปตามสัญญา
สำหรับกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พยายามชี้นำว่าบริษัทที่ประมูลได้เป็นบริษัทเดียวกับพ่อตาของนายเนวิน ชิดชอบ ชื่อ เชียงใหม่ คอนสตรัคชั่น ทั้งที่เป็นคนละบริษัท 100% อยากถามว่าในช่วงที่ให้สัมภาษณ์เมาไวน์อยู่หรือเปล่า และท้าให้นายธาริตเดินหน้าเรื่องนี้ให้เต็มที่ โดยเชื่อว่านายสุเทพจะเอาผิดต่อนายธาริตอีกคดีหนึ่งแน่นอน เพราะนายธาริตพยายามทุกวิถีทางที่จะเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพื่อดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ โดยมี ร.ต.อ.เฉลิมเข้ามาผสมโรงด้วย ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ หวังดิสเครดิตเฉพาะช่วงการเลือกตั้งแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป แต่ตนจะไม่ยอมให้เรื่องนี้หายคนที่กลั่นแกล้งฝ่ายค้านจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่านายธาริต เรียกอดีต ผบ.ตร.เฉพาะในส่วนที่อยู่รัฐบาลประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยไม่เชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาให้ปากคำ จึงอยากถามว่ากลัวคนตระกูลดามาพงศ์มากนักหรือ และยังไม่มีการเชิญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบันมาชี้แจงด้วย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อถึงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของคณะกรรมอิสระเพื่อส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ หรือ คอนธ. ที่มีนายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธานว่า เชื่อว่าสุดท้ายแล้วทั้งแกนนำ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าว ทำให้รัฐบาลไม่กล้ารับข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้มีการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่รวมคดีอาญาและคดีทุจริต เพราะมีการใช้ถ้อยคำทางนิติศาสตร์ในร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างคลุมเครือ จึงอยากเห็นท่าทีที่ชัดเจนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีประเทศไทย ว่าจะจุดไฟในแผ่นดินขึ้นมาอีกครั้ง หรือเลือกปรองดองรับข้อเสนอพรรคประชาธิปัตย์นิรโทษกรรมเฉพาะคนเสื้อแดงที่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยไม่รวมคดีอาญาและคดีทุจริต ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเครื่องวัดภาวะผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ว่าจะเลือกสร้างปัญหาให้กับประเทศหรือจะดับปัญหาก่อนที่จะเกิดความวุ่นวายตามแนวทางปรองดองของพรรคประชาธิปัตย์