“ประยุทธ์” ตั้งกองทุนช่วยทหารพิการจากชายแดน มอบ 2 พันบาทต่อเดือนให้ครอบครัว ขอให้ภูมิใจในการทำหน้าที่ปิดทองหลังพระ ระบุแก้ปัญหาชายแดนต้องใจนิ่งๆ เตือนใช้ความรู้สึกแก้ปัญหา จะแพ้ทุกอย่าง
ที่แหล่งชุนนุมทหารโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วันนี้ (29 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือกำลังพลที่ปลดทุพพลภาพตั้งแต่ปี 2547 และครอบครัวกำลังพลที่มาดูแลกำลังพลกองทัพบกซึ่งบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในราชการสนาม เช่น ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชายแดนด้านอื่นๆ โดยมีผู้บัญชาการกองพล ผู้บังคับการกรม ผู้บังคับกองพัน เข้ามาร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อช่วยเหลือกำลังพล โดยจัดตั้งเป็นมูลนิธิสวัสดิการกองทัพบก โดยกองทัพบกจะมอบเงินให้ครอบครัวกำลังพล 2,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเบื้องต้นจะดำเนินการในระยะเวลา 6 เดือน เนื่องจากมีเงินอยู่ในกองทุนเพียง 1 ล้านบาท ขณะนี้ยังมีความต้องการเงินจากผู้มีจิตศรัทธาเข้ากองทุน โดยสามารถบริจาคได้ที่กองสิทธิกำลังพล กรมกำลังพลทหารบก หมายเลขโทรศัพท์ 0-2297-8151
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนได้นำโครงการที่จะช่วยเหลือกำลังพลที่ปลดทุพพลภาพไปแล้วมาทบทวนเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพราะทราบดีว่าวันนี้ค่าครองชีพสูง ตนจึงต้องหางบประมาณมาจำนวนหนึ่งเพื่อจัดการเรื่องสวัสดิการช่วยเหลือคนเหล่านี้ จึงมีความจำเป็นต้องย้อนไปปี 2547 เพราะมีการสู้รบและสูญเสียมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการรบชายแดนฝั่งตะวันตกและตะวันออก เราเป็นห่วงครอบครัวผู้สูญเสียจะลำบาก อีกทั้งเงินที่ได้รับไปบางส่วนยังติดขัดกับระเบียบที่ระบุชัดเจนว่าผู้ใดที่ปลดประจำการไปแล้วเมื่อรับเงินช่วยเหลือก็จบกันไป จึงเป็นห่วงว่าจะอยู่กันอย่างไร โดยเราก็มีเงินอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งเป็นขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ของกระทรวงกลาโหมอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมาย ใครที่ได้รับการสูญเสียเมื่อปี 2547 เป็นต้นมาและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ให้ไปติดต่อกับผู้บังคับหน่วยต้นสังกัดในปัจจุบัน เพื่อที่หน่วยจะดำเนินการช่วยเหลือต่อไป ทั้งนี้อยากให้ผู้บังคับหน่วยไปทำบัญชีขึ้นมารวบรวมรายชื่อกำลังพลและส่งมาที่กองทัพบก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า แม้ว่ากองทัพบกจะตอบแทนแต่เทียบไม่ได้กับที่ทุกคนสูญเสีย แต่อยากให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป แม้เราจะไม่สมบูรณ์แต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็งเป็นหลักและแบบอย่างให้แก่ลูกหลานว่าเป็นผู้ที่เสียสละ อะไรที่ไม่ดีตนขอรับแต่เพียงผู้เดียวในฐานะที่เป็น ผบ.ทบ. อะไรที่ดีก็ให้เป็นของกองทัพบก ตนไม่อยากใช้คำว่าเสียใจ แต่ขอใช้คำว่าภูมิใจกับทุกคน ซึ่งถือเป็นเกียรติของตนที่ได้มายืนตรงนี้ เพราะทุกคนทำงานตามคำสั่งและหน้าที่ของกองทัพบกโดยไม่มีข้อบิดพลิ้วไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะไปพื้นที่ชายแดนซึ่งไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับอะไร แต่ก็ต้องไปการที่ต้องบาดเจ็บสูญเสียถือเป็นชะตาชีวิตของท่านที่ต้องเผชิญ หลายคนก็โชคดีที่ไม่เกิดขึ้นอย่างนั้น
“ขอเป็นกำลังใจ สิ่งที่ผมทำให้เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นการเสริมที่ท่านได้รับจากองค์การทหารผ่านศึกอยู่แล้ว ถึงแม้จะต้องใช้เงินมากพอสมควรแต่ต้องพยายามจัดหามาให้ได้ ส่วนหนึ่งมาจากประชาชนที่บริจาคมา เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประชาชนเข้าใจ เห็นอกเห็นใจในการทำงานของทหารอยู่ เพราะเราเป็นผู้เสียสละปิดดทองหลังองค์พระปฏิมา และเป็นเหรียญด้านหลัง ซึ่งเหรียญมีสองด้าน เราเป็นด้านหลัง ถ้าเหรียญมีด้านเดียวก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เราเป็นเหรียญด้านหลังที่ทำให้เหรียญมีค่าและใช้การได้ ขอให้ทุกคนภูมิใจเหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งว่า ให้ทุกคนติดทองหลังองค์พระปฏิมา เพราะส่วนใหญ่คนติดทองข้างหน้า เราติดข้างหลังก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครเห็นก็ไม่เป็นไร เราเห็นตัวของเราเอง ใครจะว่าอย่างไรก็ตามเรารู้ตัวของเราเองว่าทำดีหรือไม่ดี ผิดหรือไม่ผิด ไม่ต้องให้ใครมาว่าเรา ขอให้ทุกคนรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรี แม้ว่าจะไม่ได้รับราชการแล้วแต่ท่านก็คือกองทัพ ยังเป็นครอบครัวของกองทัพบกอยู่เสมอ”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ขอให้เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทุกคนรักษามาในอดีตกับสิ่งที่ท่านต้องสูญเสีย เราจะรักษาไว้ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม ขอสัญญาว่าจะนำพากองทัพไปในสิ่งที่ท่านได้รักษาไว้ การสู้รบในวันนี้ไม่ใช่ใช้แต่กำลังอย่างเดียวแต่ต้องสู้ด้วยสติปัญหา กฎหมาย หลักการ และไม่ใช่การสู้รบที่น่าหฤหรรมากนะ เพราะจะรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอาวุธมีความรุนแรง ที่ผ่านมายังไม่เท่าไหร่ยังสูญเสียขนาดนี้ เพราะฉะนั้นไม่มีใครอยากเห็นการบาดเจ็บสูญเสียอย่างนี้อีก เว้นแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมีหนทางอื่นที่พูดคุยเจรจาได้ก็ต้องว่ากันไป แต่เราต้องรักษาอธิปไตยแผ่นดินไทยตามกติกา กฎหมายที่กำหนดไว้ทุกประการ เรื่องอะไรก็ตามที่จะเกิดในวันนี้หรือในอนาคตทั้งภาคใต้ ชายแดนอื่นๆ ก็จะต้องเกิดขึ้น เพราะทั่วโลกก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นทำใจให้นิ่งๆ และค่อยๆ แก้ปัญหา หากใช้ความรู้สึกในการแก้ปัญหาจะทำอะไรไม่ได้ ก้าวซ้ายขวาก็ไม่ได้ ในที่สุดก็พ่ายแพ้ทุกอย่าง
