อดีต ปธ.ศาล รธน.ชี้เลือกตั้งบริสุทธิ์ยาก เหตุผู้สมัคร-พรรคการเมืองตัวแปล

อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุการเลือกตั้งให้สุจริตทำได้ยาก เหตุตัวแปรสำคัญคือผู้สมัคร พรรคการเมืองที่มีส่วนได้เสีย ขณะเดียวกันควรเลี่ยงที่จะเลือกคนที่จะมีการนำธุรกิจการเมืองเข้ามาบริหารพรรค บริหารประเทศ เพราะส่งผลให้เกิดการถอนทุนภายหลัง

วันนี้ (25 ม.ค.) นายกระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “ความสำคัญของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย” ให้แก่นักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 4 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอนหนึ่งว่า การหาเสียงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ขณะนี้เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีผู้สมัครหลายคนลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคัก จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าการหาเสียงของผู้สมัครแต่ละคนเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ มีผู้สมัครคนใดหาเสียงเข้าข่ายหมิ่นเหม่ เพ้อเจ้อ หรือให้ร้ายผู้อื่นจงใจทำลายชื่อเสียงให้เข้าใจผิดในคะแนนหรือไม่ ทั้งนี้ ตนมองว่าการที่จะทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรมไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ เพราะตัวแปรสำคัญที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียง รวมไปถึงพรรคการเมืองด้วย

นายกระมลยังกล่าวถึงการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยว่า หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้งครั้งแรกวันที่ 15 พ.ย. 2476 จนกระทั่งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ประเทศไทยมีการเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 25 ครั้ง มีรัฐบาลถึง 60 ชุด ซึ่งการตั้งรัฐบาลของประเทศมักจะเป็นรัฐบาลแบบผสม โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้พรรคการเมืองเกิดความร่วมมือร่วมใจที่จะช่วยแก้ปัญหาของประเทศ แต่การมีรัฐบาลผสมไม่ได้ช่วยให้รัฐบาลบริหารประเทศครบวาระ 4 ปีได้เสมอไป บางรัฐบาลทำงานได้เพียง 1-2 ปีเกิดปัญหาก็ต้องยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะบางรัฐบาลคิดว่าหากยอมยุบสภาและมีการเลือกตั้งใหม่จะเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ส่วนตัวมองว่าแนวคิดนี้ไม่แน่นอนเสมอไป ดูได้จากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยอมตัดสินใจยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่เพราะคิดว่าจะได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนอีกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เพราะปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลเลย

นอกจากนี้ยังเห็นว่า การซื้อสิทธิขายเสียงยังเป็นปัญหาของประเทศไทยที่ไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปได้ การเลือกตั้งบางครั้งมีการแจกเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งสาเหตุมาจากวัฒนธรรมของคนในประเทศที่ถูกสืบทอดต่อกันมา การจะแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดควรจะเริ่มปลูกฝังจิตสำนึกตั้งแต่เด็กและเยาวชนให้มีจิตสำนึกและตระหนักถึงข้อดีข้อเสียของการซื้อสิทธิขายเสียง

อย่างไรก็ตาม การที่จะเลือกผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศนั้น ควรเลือกบุคคลที่มีบุคคลิกเป็นผู้นำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีความน่าเชื่อถือ มีนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนรวม ไม่ควรเลือกผู้นำที่ไม่ดี ไม่มีความน่าเชื่อถือ จ้องจะเข้ามาทำประโยชน์เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และควรเลือกพรรคการเมืองใหญ่ที่มีโอกาสตั้งรัฐบาลพรรคเดียว หรือร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นที่มีนโยบายส่งเสริมซึ่งกันและกันจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ธุรกิจการเมืองในการบริหารพรรคการเมืองและบริหารประเทศ อีกทั้งทำอย่างไรก็ได้ให้ธุรกิจการเมืองลดน้อยลง เพราะไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ตรงกันข้ามกลับทำให้ประเทศยิ่งแย่ลง เกิดการซื้อสิทธิขายเสียงมากขึ้น เนื่องจากมีการใช้เงินมาเป็นปัจจัยในการแข่งขันการเลือกตั้ง