“สุขุมพันธุ์” ชูใจหล่อมากทำงานไม่สร้างภาพ ประกาศเป็นรอยต่อที่ดี “ไม่ชน แต่ไม่ยอม” กล้าขวางรัฐบาลหากทำความเดือนร้อนคนกรุง “กรณ์” ห่วงเปลี่ยนผู้ว่าฯ งาน กทม.สะดุด อัดนโยบายหาเสียงเบอร์ 9 ทำได้เลยไม่ใช่อำนาจ กทม. “มาร์ค” เชียร์ผู้ว่าฯ ที่คนกรุงเป็นเจ้านาย ดีกว่าพรรคเดียวกับรัฐบาลที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้
วันนี้ (25 ม.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าราชการ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการปราศรัยที่ลานคนเมืองว่า มั่นใจในสิ่งที่ทำงานในฐานะผู้ว่าราชการ กทม.ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปด้วยดี เรื่องที่เคยสัญญาไว้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านได้ทำสำเร็จเกือบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น พื้นที่สีเขียว 5,000 ไร่ ติดตั้งซีซีทีวี 24,000 ตัว ส่วนตัวขยายบีทีเอส โดย 4 ปีที่ผ่านมาได้ยืนหยัดเคียงข้างพี่น้อง กทม.อย่างไม่ย่อท้อ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านไฟ ผ่านน้ำ กับชาวกรุงเทพฯ อย่างไม่ย่อท้อ
“สิ่งที่ภูมิใจ คือ ตอนน้ำท่วมเอารถไปช่วยขนขยะออกตั้งแต่ตี 5 เจอแม่ค้าหมูปิ้ง ตกใจบอกว่าทำไมมาตอนนี้ ไม่มาตอนสว่างแล้ว ผมเป็นของจริง ผมจะไม่มีวันสร้างภาพบนความทุกข์ของพี่น้องประชาชน ผมไปตอนตีห้าเพราะตั้งใจทำงาน ไม่ได้ตั้งใจสร้างภาพ ถ้าสร้างภาพผมจะบอกสื่อล่วงหน้า ถ่ายรูปส่งให้สื่อทุกคน แต่ผมไม่ทำ ทั้งนี้ ผมคือรอยต่อที่ดี และ ตั้งใจเป็นรอยต่อที่ดี ผมพร้อมร่วมมือทุกคน แต่เมื่อถึงจุดที่ผลประโยชน์ชาว กทม.เสียหาย ผมไม่เคยยอม ไม่เคยยอมแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่เคยชน แต่ไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว ใครมาบอกให้ผมเปิดประตูน้ำ 30 ซม. 50 ซม. ถ้าจะทำให้เกิดความเสียหายกับ กทม. ผมจะยกมือขึ้นขออนุญาตรัฐบาลครับผมยอมไม่ได้” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ถ้าไร้รอยต่อใครจะกล้า บางทีรอยต่อก็มีเสน่่ห์ เพราะรอยต่อดูแลพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งไร้รอยต่อหมายความว่า รัฐบาลสั่งให้หันขวาก็หันขวา รัฐบาลวันหน้าบอกว่าน้ำเหนือมาแล้วกรุงเทพฯ ควรเป็นฟลัดเวย์ ให้น้ำผ่านลงทะเลเร็วสุดเท่าที่ทำได้ กรุงเทพฯ ก็จะไม่เหลืออะไร สีลมไปหมด ตลาดหุ้น นิคมอุตสาหกรรมไปหมด บางทีรอยต่อก็มีประโยชน์
ทั้งนี้ งาน กทม.เป็นงานที่ต่อเนื่อง สลับซับซ้อน ถ้าเลือกตนเองเป็นผู้ว่าราชการ กทม.ก็จะสามารถเดินหน้าได้ทันที ประสบการณ์ 4 ปีที่ผ่านมาคุ้นเคยกับงาน ทำงานร่วมกับสภา กทม.อย่างใกล้ชิด โดยไม่มีใครแยกพรรคแยกพวก ซึ่งตนเองพร้อมทำงานกับรัฐบาล แต่ขณะเดียวกันถ้ารัฐบาลทำอะไรไม่ถูกไม่ควรเสียหาย กทม. ตนก็จะลุกขึ้น ยกมือทำไม่ได้ ตนจะเป็นรอยต่อที่ดี รอยต่อที่ดี ดีกว่าไร้รอยต่อ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เข้มเข้นเดิมพันสูง การแข่งขันจะออกมาหลายรูแบบ ทั้งนี้ขอให้อดทน ต่อสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขอให้อย่าหวั่นไหว ไม่ว่าผลโพลจะออกมาอย่างไร หรือกรณีมีการกล่าวหาแบบบ้าๆ บอๆ เหมือนที่ตนโดนมาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ก็ให้คิดว่าใจเรามันเราหล่อ อยากให้พี่น้องทุกท่านทำเหมือนตน อดทนกับสิ่งที่จะเกิด ยึดมั่นความถูกต้อง
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ กทม.กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยบริหารงานแบบมีรอยต่อ ซึ่งสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ นโยบายซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากรัฐบาลก่อนหน้า แต่ถ้ามองว่าประชาชนได้ประโยชน์ไม่ว่ารถเมล์ฟรี ไฟฟ้าฟรี รถไฟฟรี ก็ทำต่อเนื่องมา แถมเพิ่มความชัดเจนด้วยการบอกว่าอย่างรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชนไม่ใช่จากรัฐบาลประชาธิปัตย์หรือรัฐบาลก่อนหน้าไหน โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค ก็บริหารแบบไร้รอยต่อ เพิ่มงบประมาณต่อหัวจาก 1,600 เป็นเกือบ 3,000 โดยเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งกังวลว่าถ้าคน กทม.ไม่กาเบอร์ 16 โครงการดีๆ จะสะดุดรอยต่อหรือไม่ หรือเปลี่ยนผู้ว่าฯ จะมีการทำเรื่องดีๆ ที่ประชาธิปัตย์ทำไว้ต่อหรือไม่ เช่น อาหารกลางวันฟรี ซีซีทีวี
นายกรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการของรัฐบาลเพื่อไทยส่งผลกระทบต่อคนกรุงเทพฯ อย่าง โครงการรถคันแรก ซึ่งมีรถใน กทม.เพิ่ม 6 แสนคัน เอามาจอดเรียงกันจะยาว 2,400 กม. ซึ่งความยาวของถนน กทม. ณ วันนี้ 5,500 กม. หากมีรถ 6 แสนคัน ที่เพิ่มเข้ามาจะกิน พื้นที่ที่ใช้เป็นที่จอดรถของครึ่งหนึ่งเส้นทางทั้งหมด และถามว่าจะมีคนจนสักกี่รายที่เข้าโครงการนี้ เพราะคนจนก็ยังต้องใช้บริการรถเมล์อยู่ดี แถมยังต้องรอนานจากรถที่เพิ่มขึ้น
นายกรณ์กล่าวว่า ดูนโยบายหาเสียงที่ผ่านมาของผู้สมัครที่ระบุว่า รถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้เคยหาเสียงไว้ แต่จนถึงเวลานี้ผ่านการบริหารงานมา 1 ปี ครึ่งยังไม่สามารถทำได้ แถมเวลานี้ยังนำมาเป็นนโยบายหาเสียงผู้ว่าเบอร์ 9 ที่จะได้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่หาเสียงไม่ว่จะเป็น โครงการลดค่าเช่าให้พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดจตุจักร รถเมล์ฟรี สายไฟฟ้าลงใต้ดิน ซึ่งพูดเหมือนคนกรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านี้ เป็นภาระหน้าที่ที่อยู่ใต้การดูแลของรัฐบาลทั้งสิ้นไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของ กทม. ซึ่งหากอยากจะจัดรถเมล์ฟรี ก็สามารถดำเนินการได้โดยตรงเพราะขึ้นกับคมนาคมอยู่แล้ว หรือ อยากนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินก็ทำเลยสั่งองกค์การไฟฟ้า หรือ อยากลดค่าเช่าตลาดนัดจตุจักร ที่การรถไฟเป็นผู้บริหารตลาดก็สามารถทำได้เลย ไม่ต้องบอกว่าเป็นนโยบายหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังนายธรรมนูญ เทียนเงิน ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการ กทม. แต่หลังจากนั้นเกิดการปฏิวัติและไม่ให้มีการเลือกตั้งผู้่ว่าฯ กทม. โดยให้เหตุผลว่า ผู้ว่าฯ ต้องเป็นพรรคเดียวกับรัฐบาลเพื่อที่จะได้ทำงานได้ดี แต่ที่ผ่านมาก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าที่ไม่พัฒนาเพราะเป็นคนพรรคเดียวกับรัฐบาล มีการสั่งซ้ายหันขวาหันได้ ซึ่งไม่ใช่วิธีการพัฒนาเมืองที่ให้รัฐบาลเป็นเจ้านายผู้ว่าฯ แต่จะต้องให้คนเมืองเป็นเจ้านายผู้ว่าฯ ซึ่งประชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่เข้าไปแก้กฎหมายในสภาให้คนกรุงเทพฯ เลือกผู้ว่ากทม ซึ่งหากจะหาเสียงถ้าหาเสียงอยากให้คน กทม.เลือกผู้ว่าฯ ที่มาจากพรรคเดียวกับรัฐบาล ที่สั่งซ้ายหันขวาหันตามกันได้ เป็นเนื้อเดียวกัน ก็ไปหาเสียงเลือกตั้งแก้ กม. ให้รัฐบาลแต่งตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่ามาหาเสียงให้พี่น้องไขว้เขว
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมางานบริหารงาน กทม.ยากอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ กทม. ต้องถูกเล่นงานอย่างหนัก จากการเมืองที่อยากยึด กทม. ซึ่งมาช่วงปีสุดท้ายถูกเล่นงานอย่างหนักเล่นงานผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ แต่ก็ทำให้ตนเองมีเพื่อนไปต่อสู้กับกรมสอบสวนดคีพิเศษ นอกจากนี้ ที่ผ่านมากรุงเทพฯ เจอทั้งภัยเผา ภัยน้ำท่วม แต่ก็ไม่เคยมีเมืองไหนในโลกได้เมืองน่าท่องเที่ยว 3 ปีซ้อนอย่าง กทม.ภายใต้การบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์