“รสนา” หนุน กทม.มีรอยต่อ แนะผู้สมัครผู้ว่าฯ ชูนโยบาย “มหานครจัดการตนเอง”

“รสนา” หนุน กทม.มีรอยต่อเพื่อตอบสนองประชาชนได้ตรงเป้า ป้องกันรวมศูนย์อำนาจ ชี้ถ้าเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลจะมีการเมืองท้องถิ่นไปทำไม แนะผู้สมัครฯ ชูนโยบาย “มหานครจัดการตนเอง” ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด พร้อมระบุคนกรุงไม่เอาประชานิยม แต่ต้องการคนซื่อสัตย์ จริงใจ

วันที่ 24 ม.ค. น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพมหานคร นายรัชพล ไกรจิรโชติ กลุ่มคนรักษ์อนุสาวรีย์ และนายจารุตม์ จารุปราณ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.สมัยนายธรรมนูญ เทียนเงิน (ผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้งคนแรก) ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ภายใต้หัวข้อ “ผู้ว่าฯ กทม.ของประชาชน”

น.ส.รสนากล่าวถึงการหาเสียงโดยชูนโยบายไร้ร้อยต่อว่า การที่มีการเมืองท้องถิ่นก็เพื่อให้การเมืองท้องถิ่นตอบสนองประชาชน ถ้าไร้รอยต่อก็ไม่จำเป็นต้องมีการเมืองท้องถิ่น เหมือนกับการตัดเย็บเสื้อผ้าตามแต่ละบุคคลย่อมดีกว่าเสื้อโหล รอยต่อไม่ได้เป็นสิ่งน่ารังเกียจ ที่ผ่านมาผู้มีอำนาจส่วนใหญ่มองการบริหาร กทม.แต่ภาพใหญ่ เช่น ต้องตัดถนนสายนั้นสายนี้ แต่มองไม่เห็นคน มองคน กทม.เป็นเพียงผู้บริโภคหรือกาฝาก แต่จริงๆ แล้วคน กทม.มีการศึกษา มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ถ้าอยากบริหารให้ดีต้องดึงความร่วมมือจากประชาชนออกมาจริงๆ

น.ส.รสนากล่าวอีกว่า ตนขอเสนอไอเดียเลยให้ กทม.เป็นมหานครจัดการตัวเอง ชอบให้มีรอยต่อ แต่ต้องเนี้ยบเนียน แสดงถึงความสามารถในการจัดการ และที่มีการเมืองท้องถิ่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรวมศูนย์อำนาจ

สำหรับประชาชนที่เลือกผู้ว่าฯ เข้ามา ต้องจี้ให้เขามาตอบคำถามเราไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯ เป็นฝ่ายมาหา ต้องรวมตัวกันตื่นตัว ประชาชนเป็นตัวผลักออกไปเพื่อเปลี่ยนแปลง กทม. มีหลายๆ จังหวัดต้องการปกครองตนเอง แต่ดูแล้วกรุงเทพฯ มีโอกาสเป็นมหานครจัดการตนเองได้มากที่สุด

“ผู้สมัครฯ ต้องดึงคน กทม.เข้ามาแล้วประกาศเป็นมหานครจัดการตนเอง เพื่อเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ แล้วต้องทำจริงๆ ไม่ใช่แค่หาเสียง เวลาทำเรื่องใหญ่ๆ ก็ต้องประชามติ นี่คือประชาธิปไตยของท้องถิ่น ถ้าบริหารแบบไร้รอยต่อจะมีการเมืองท้องถิ่นทำไม” น.ส.รสนากล่าว

ส.ว.กทม.กล่าวด้วยว่า ผู้สมัครฯ กล้าประกาศหรือไม่ว่าต้องโปร่งใส เปิดเผยงบประมาณทุกอย่างว่าจะนำไปใช้อะไร คน กทม.ไม่ได้ต้องการประชานิยม แต่ต้องการคนซื่อสัตย์ จริงใจ และรับฟังประชาชน

นายจารุตม์กล่าวว่า อยากฝากเรื่องท่อระบายน้ำทั่ว กทม. ต้องมีการดำเนินแก้ไขก่อนอนุมัติให้ก่อสร้างตึกสูงและอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมโหฬาร เพราะที่ผ่านมาไม่ได้คำนึงถึงการระบายน้ำ ฉะนั้นพอฝนตกลงมาก็ท่วมแล้ว บ้านเมืองเราสร้างมาบนความไม่ถูกต้อง ตนเชื่อว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 18 คนไม่เคยรู้เรื่องนี้ แล้วเรื่องระบายน้ำนี่คือหัวใจของมหานคร แม้ กทม.เก่งเรื่องดึงน้ำออกแต่ก็ต้องรอหลายชั่วโมง เพราะท่อจากตึกสูงต่างๆ แคบและตัน

นายจารุตม์ยังกล่าวอีกว่า การเมืองในไทยวันนี้มหันตภัยที่ยิ่งใหญ่ คือ ระบบทุนสามานย์กำลังครอบงำทั้งประเทศ ฉะนั้น กทม.จะยอมหรือ ตนเชื่อว่าไม่มีใครยอม เราก็ต้องเลือกคนซึ่งสามารถสกัดกั้นตัวแทนคนสามานย์ให้ได้ไว้ก่อน ไม่ใช่ภาวะจำยอม แต่มันไม่มีตัวเลือก

นายรัชพลกล่าวว่า ปี 2554 ที่ปทุมธานี นนทบุรี ก็ไม่มีรอยต่อ แต่น้ำก็ท่วม ฉะนั้นอย่าพูดเลยว่ารอยต่อคือต้นเหตุของปัญหา ผู้ว่าฯ จะเป็นพรรคเดียวกับรัฐบาลหรือเปล่าไม่ใช่ประเด็น คน กทม.ไม่เคยเอาตรงนั้นมาตัดสิน แต่เราต้องการคนมาแก้ปัญหาให้มากกว่าไม่สำคัญว่ามาจากพรรคไหน แล้วใน กทม.ไม่ได้อยากได้ประชานิยม แต่ต้องการให้แก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน

นายรัชพลกล่าวต่อว่า ผู้ว่าฯ คนเดิมได้เปรียบ เพราะจัดการปัญหามา 4 ปี เพียงแต่ว่าผลงานที่ประจักษ์นั้น คน กทม.อาจยังรู้สึกไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็มีต้นทุนมีข้อมูล ถ้าหันมาดูปัญหา อย่าเพิ่งฝันถึงเรื่องเมกะโปรเจกต์ แต่ดูปัญหาชีวิตประจำวันก่อน ส่วนผู้สมัครคนอื่นๆ ที่ไม่มีข้อมูลก็ควรใช้ช่วงนี้ในการรับฟังความเห็นประชาชน เพื่อมาแก้ปัญหาให้เขา แต่นโยบายไร้รอยต่อไม่ใช่สิ่งที่คนใช้ตัดสินว่าจะเลือกใคร