xs
xsm
sm
md
lg

“แดง-รัฐบาล” ขบเหลี่ยมหลอกต้มมวลชนไปวันๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จตุพร พรหมพันธ์
รายงานการเมือง

ระยะหลังอาจถูกตั้งคำถามบ่อย ต่อแนวทางการช่วยเหลือแนวร่วมเสื้อแดง ที่ยังต้องโทษถูกคุมขังจากเหตุชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2552-2553 ไม่เพียงฝ่ายตรงข้ามที่คอยขยายผล เปิดแผลอย่างต่อเนื่อง แม้แต่คนกันเอง ก็เริ่มตั้งคำถาม โยงไปถึงความจริงใจเช่นกัน

ว่าเมื่อไหร่แนวร่วมคนเสื้อแดง จะได้รับอิสรภาพเสียที!!

เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ มีแนวร่วมถูกคุมขัง 22 คน หากนับรวมถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปถึงเรือนจำต่างๆ ในต่างจังหวัด นับแล้ว ยังเหลือเสื้อแดงนับ 100 คน ที่ยังถูกคุมขัง โดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรม วันไหน จะได้รับอิสรภาพ

ผิดกับแกนนำเสื้อแดง หลายคน ที่แม้จะเคยถูกคุมขังทางการเมือง และดูข้อหา อัตราโทษบางคน ก็ไม่ได้แตกต่างจากแนวร่วมรากหญ้า ซ้ำยังหนักกว่าด้วย แต่กลับมีการประสานงาน ช่วยเหลือกันจนได้รับอิสรภาพ ต่างจากแนวร่วมรากหญ้าอย่างเห็นได้ชัดเจน และบ่อยครั้งคนกันเองก็สัพยอกกันแรงๆ

"แม้แต่พวกเรายังมี2มาตรฐาน" วันนี้แกนนำแดงแปลงกายเป็นอำมาตย์ไปแล้วกระนั้นหรือ

แกนนำเสื้อแดงหัวแถวหลายคนตั้งแต่ ธิดา ถาวรเศรษฐ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธ์ ออกมาอ้างว่า ทีมทนายและรัฐบาล โดยกระทรวงยุติธรรม หาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการประกันตัว เพราะเป็นดุลพินิจของกระบวนการยุติธรรม

"เราทำอะไรไม่ได้ แต่ไม่ได้ลืม ไม่ได้ทอดทิ้ง"

เป็นคำที่ได้ยินคุ้นหู แต่เมื่อดูจากการกระทำเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ญาติมิตรพี่น้องที่ถูกต้องขัง จับกุม ย่อมมีคำตอบอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้ คารม พลพรกลาง ทนายความเสื้อแดง ที่เข้าไปดูคดีของแนวร่วมหลายคดี ก็บอกว่ามีหลายกรณีน่าสงสารมาก เช่น บางคนสภาพจิตใจเริ่มไม่ปกติ บางคนบางครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด

อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทั้งคำก่นด่า บ่นว่า จากคนกันเอง จึงนำมาสู่การให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าครั้งก่อน ที่อาศัยเพียง วาทกรรม

15 มกราคม 2556 ธิดา ถาวรเศรษฐ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ ก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดงไปจัดกิจกรรมหน้าเรือนจำชั่วคราวหลักสี่พร้อมกับผู้ต้องขัง พูดคุยปลอบโยน ร่วมรับประทานอาหาร มอบเครื่องออกกำลังกาย และหลังจัดพิธีกรรมปลอบขวัญแล้วเสร็จ แกนนำเสื้อแดงได้ประกาศเจตนารมณ์ เสนอแนวทางช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมผลักดันพ.ร.ก.นิรโทษกรรม นำไปสู่การขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจ 4 มาตรา

มาตรา 1 พระราชกำหนดนี้เรียกว่า พระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาอันถึงที่สุด และผู้ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการ เมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2550 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2554

มาตรา 2 พระราชกำหนดนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา 3 บรรดาผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการ เมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2550 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2554 ไม่ว่าจะได้รับโทษจำคุกจากคำพิพากษาอันถึงที่สุด หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีซึ่งยังไม่ถึงที่สุด ให้ถือว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด และให้พ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

ความในวรรคก่อนไม่รวมถึงบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงเวลาดังกล่าว

มาตรา 4 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกำหนดนี้

แม้โดยเนื้อหา คนเสื้อแดง กล่าวยืนยันว่า นิรโทษกรรมให้กับผู้มาร่วมชุมนุมทางการเมือง โดยประชาชนทั้ง 2 สีเสื้อ ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง ได้ประโยชน์หมด ยกเว้นแกนนำ ที่จะไม่ได้รับประโยชน์ไปด้วย

ถึงกระนั้นก็ถูกตั้งคำถามจาก ฝ่ายตรงข้ามและนักกฎหมายอยู่ดี เริ่มจากว่า เหตุใดพรก.นิรโทษกรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และความต้องการให้ช่วยเหลือผู้ต้องโทษทางการเมืองจริง เหตุใดจึงมีเพียง 4 มาตราและถ้อยคำนั้นก็สั้นเกินไป

โดยเฉพาะในมาตรา 3 คำว่า "ผู้สั่งการ" แท้จริงแล้ว หมายถึงใคร และต้องตีความหมายว่าอย่างไร และทำไมถึงไม่เขียนนิยามแนบท้าย อธิบาย นัยของคำว่า "ผู้สั่งการ" ให้ชัดว่าต้องเป็นอย่างไร หมายรวมลักษณะใด 1-2-3-4 จึงเป็นข้อสงสงสัย ของนักกฎหมาย และถ้าจะยึดว่าผู้สั่งการ ต้องหมายถึงคนที่สั่งการให้แนวร่วมทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ใช่หรือไม่

ถ้าเป็นอย่างนั้น แกนนำผู้ชุมนุมที่อยู่บนเวที จะต้องถูกตีความว่าเป็น ผู้ร่วมชุมนุมหรือผู้สั่งการ ???

ก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในแกนนำเสื้อแดง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ก็ยิ่งทำให้เป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยไปกันใหญ่ “ข้อกล่าวหาที่บอกว่าพวกผมสั่งการ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าพวกผมสั่งการจริงก็มีความผิดตามกฎหมาย แต่ถ้าพิสูจน์ว่าไม่ได้สั่งการก็ไม่ผิด เหมือนกับเหตุชุมนุมทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ โดยตำแหน่งคือผู้สั่งการ ถ้าพิสูจน์ว่าผิดสั่งการ ก็ผิด แต่ถ้าพิสูจน์ว่าไม่ผิด เขาก็มีโอกาสต่อสู้ตามกฎหมาย ที่เขียนไว้อย่างนี้เพื่อยกเว้นให้ตัวหลักๆ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่อย่างนั้นที่ผ่านมาก็มีแต่การกล่าวหาไป กล่าวหามา จึงต้องให้เรื่องทั้งหมดไปพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม”

เช่นเดียวกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สงสัยว่า เรื่องนี้เป็นการวางยาของแกนนำเสื้อแดงหรือไม่ เพราะอาจทำให้แกนนำเสื้อแดงรอดพ้นหมด แต่คนที่จะโดนจริงๆ คือนักโทษหลบหนีคดี "ทักษิณ ชินวัตร"

ไม่เท่านั้น ชินวัฒน์ หาบุญพาด อีกหนึ่งแกนนำเสื้อแดง บอกชัดว่า "ตู่(นายจตุพร) เต้น(นายณัฐวุฒิ) พล.ต.จำลอง ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันสมควรได้รับการนิรโทษไปพร้อมกัน …"

นอกจากความคลุมเครือทางถ้อยคำที่ต้องนำไปสู่การตีความ และยิ่งอาจเกี่ยวพันไปถึง นายใหญ่แห่งเพื่อไทยด้วย จึงไม่แปลกใจ เมื่อผู้สื่อข่าวไปถามความเห็น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะทำหน้าเหยเก พลางส่ายหน้า บอกปัดไม่รู้เรื่องด้วยในพรก.ฉบับที่เสื้อแดง เตรียมนำเสนอมา

ยิ่งไปกว่านั้น คนในรัฐบาล ในครม.อย่างวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ตั้งธงเหมือนไม่เอาด้วย โดยอ้างไปถึง รัฐธรรมนูญมาตรา184 ระบุไปถึง การออกพรก.ต้องเป็นความจำเป็นเร่งด่วน อย่างการเกิดภัยพิบัติ ดังนั้นเรื่องนี้อาจไม่เข้าข่าย

กลายเป็นว่า เบอร์ 1 ในครม.และรัฐมนตรีสายเจ๊ ประสานเสียง ไม่เอาด้วย!!

แต่ก็ยังมีอีกมุมที่มีการ พิเคราะห์กันว่า คนเสื้อแดง ได้มองวางเกมไว้หลายช็อต ตั้งแต่ การนำเสนอเป็นพระราชกำหนด เพราะเป็นเรื่องที่เร่งด่วน ดำเนินการได้ทันที อาศัยเพียงนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมครม.ประทับตรารับรองเท่านั้น กฎหมายก็จะมีผลบังคับใช้ทันที จึงเสนอเป็นพรก.มากกว่าที่จะใช้ช่องทางสภาฯ เสนอเป็นพระราชบัญญัติ(พรบ.) ที่กว่าจะให้ส.ส. สว. อภิปราย จนโหวตออกมาเป็นกฎหมายต้องใช้เวลานาน ซึ่งไม่รวดเร็วทันใจ เอาแค่ฝ่าด่านฝ่ายค้าน ที่ตั้งป้อมไม่เอาด้วยแล้ว ก็ไม่รู้ว่าหากใช้ช่องทางนี้จะสำเร็จได้อย่างที่หวังหรือไม่

แต่ในแกนนำเสื้อแดงและทีมที่ปรึกษากฎหมาย ที่มีความเชี่ยวชาญไปไม่น้อยกว่าทีมของพรรคเพื่อไทยหรือของรัฐบาล มองข้ามช็อต รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ผลแห่งการผลักดัน อาจไม่ประสบความสำเร็จแต่แรก แต่ก็ต้องทำ เพื่อลดกระแสกดดันจากแนวร่วมเสื้อแดง และยังเป็นการแสดงถึงความจริงใจว่า ถึงแม้จะได้ดีก็ไม่ได้ลืมเพื่อน จนผลักดันออกเป็นพรก.

และเพื่อไม่ให้เกิดเสียงต้าน จากฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)จึงเขียนให้ครอบคลุมต่อแนวร่วมทั้งสองสีเสื้อ โดยยกเว้นแกนนำ เป็นการซื้อใจมวลชนอีกฝั่ง และพิสูจน์ใจแกนนำอีกฝั่ง ได้เช่นกัน จึงหยิบยกเป็นข้ออ้างที่สวยหรู ที่พุ่งตรงไปยังทั้ง รัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามว่า

พรก.เป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่ความปรองดองในอนาคต ในทำนองให้อภัยๆ กันแล้วมาร่วมสรรสร้างกันใหม่

ไม่เท่านี้ พรก.นิรโทษกรรม หากเกิดสำเร็จจริง รัฐบาลเอาด้วย แกนนำเสื้อแดง ก็จะมีข้ออ้าง ตีขลุมเป็นผลงานไปคุยโวต่อแนวร่วมได้อีกทางหนึ่ง หากไม่เป็นเช่นนั้นก็จะนำไปอ้างต่อแนวร่วมได้เช่นกันว่า ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว แต่ติดที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ไม่รับไปพิจารณา ก็จะกลายเป็นการโยนบาปไปให้ รัฐบาลอีกทางหนึ่ง

กลายเป็นว่าเรื่องนี้เป็นการ เดินเกมเชิงบีบบังคับของแกนนำคนเสื้อแดง ส่งสัญญาณไปถึง นารีปูกรรเชียง ไปในตัวเหมือนกัน ในมุมไม่สำเร็จ คำถามที่เคยพุ่งตรงมายังแกนนำเสื้อแดงเกี่ยวกับความจริงใจของแกนนำเสื้อแดง ก็จะมี รัฐบาล มาเป็น "ตัวขวาง" ในเรื่องต่างๆ ด้วย

กลายเป็นคนกันเอง หักเหลี่ยมเฉือนคมกันเอง

ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ จนยากจะควบคุมของคนเสื้อแดง เสนาบดีตึกชิน-พี่น้องชินวัตร เริ่มจับจ้อง แดงชักโตเกินไปจนแทบจะคุมไม่อยู่ แดงวันนี้ที่มีฐานมวลชนหนุนหลัง ไม่ใช่เหมือนเมื่อก่อนที่ เถ้าแก่ จะสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้ ตำแหน่ง โควตารัฐมนตรีที่คงเดิม และตำแหน่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฝ่ายเสื้อแดง

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ลงรอย แกนนำสายชิน-คนเสื้อแดง เพียงแต่ไม่มีใครกล้าออกมา พูดดังๆ ให้ได้ยิน เพราะยังต้องอาศัยพึ่งกันและกันต่อไป แต่รอยแผลได้เกิดขึ้นแล้ว

ฝ่ายสีแดงจะว่าไปแล้วก็รู้ถึงสายตาผิดปกติที่ถูกจับจ้อง นอกจากโควตารัฐมนตรีจากเดิมที่ต้องได้เพิ่ม ตำแหน่งการเมืองก็ลดทอน ถูกตัดแทบไม่เหลือ ไม่นานมานี้ยังมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างหนัก ฝ่ายแดงเห็นควรโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ทันที

แต่นายกฯและพี่ชาย ไม่ได้มองอย่างนั้น กลายเป็นเหมือน ฟางเส้นสุดท้าย ก่อให้เกิดชนวนร้าวยากต่อการเยียวยา ระหว่าง ‘เสื้อแดง-พี่น้องชินวัตร’

พรก.นิรโทษกรรมความต้องการเดิม เพียงแค่ต้องการให้ความช่วยเหลือแนวร่วมผู้ชุมนุมทั้ง 2 สีเสื้อ ไปๆ มาๆ กลายเป็นเรื่องของคนกันเอง

จากความไม่ลงรอยและสะสมมาหลายๆ เรื่อง นำมาสู่การสั่งสอนผ่านพรก.นิรโทษกรรม โดยอาศัยความอ่อนไหว เกี่ยวกับการช่วยเหลือแนวร่วมที่เป็นทั้ง เบี้ย ฐานเสียง กองกำลัง ดึงมาเป็นเดิมพันในชะตากรรมว่าด้วยเรื่องอิสรภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น