พักเบรกหยุดยาวกันไป แตพลพรรค “เพื่อแม้ว” ก็ยังงมหาไผ่ได้เปรียบที่สุดไม่เจอเสียที สำหรับแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ว่าจะขยับตัวทางไหนก็เหมือนจะติดกับดักคนอื่น-ติดขาตัวเองไปเสียหมด
สาเหตุที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ราบรื่นสะดวกโยธินอย่างใจหวัง เพราะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หวังจะทำให้ “น.ช.แม้ว” พ้นผิดจากคดีความต่างๆ หาใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
โดยคร่าวๆแบ่งออกเป็น 3 แนวทางดังนี้ 1.การทำประชามติ เพื่อขอฉันทานุมัติจากประชาชน ฟอกให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ดูดีมีราศีมากขึ้น แต่ “เพื่อไทย” ติดอยู่กับโจทย์ใหญ่ที่ระบุไว้ว่าการทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งประเทศ ลำพังคะแนนปาตี้ลิสต์ของ “เพื่อไทย+พรรคร่วมรัฐบาล” ยังไมเพียงพอ เลยไม่กล้าที่จะเสี่ยง
2.การแก้ไขรายมาตราตามข้อเสนอของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนจะง่ายสุด เพราะทำเหมือนกับที่ “ประชาธิปัตย์” เคยทำมาแล้ว ทว่าการแก้ไขรายมาตราจะยากสุดตรงที่แก้มาตรา 309 เพราะจะถูกกระแสสังคมตีกลับทันทีว่าเป็นการทำเพื่อ “ทักษิณ”
3.การโหวตลงมติวาระ 3 ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ทันที ตามข้อเสนอของพวก “แดงไดโนเสาร์” ที่ออกมาเสนอเอาไว้ แต่ติดอยู่ที่ว่าอาจจะขัดคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งอาจจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้อง “แท้ง” ไปเสียก่อน ดีไม่ดีอาจจะถูกยุบพรรคอีกรอบที่สามก็เป็นได้
ทั้ง 3 รูปแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่เชื่อได้เลยว่ายังไงเสียบรรดา “ขี้ข้าทักษิณ” จะต้องเดินหน้ารูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อสนองตอบความต้องการของ “นายใหญ่”
ย้อนโฟกัสกลับไปที่การชุมนุมใหญ่ของ “คนเสื้อแดง” เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ “จตุพร พรหมพันธ์” แกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยดุเดือดเลือดพล่านเหมือนยังอารมณ์ค้างอยู่ หลังอกหักพลาดเก้าอี้ “รัฐมนตรี”
“จตุพร” แสดงอาการขึงขังไม่เอาด้วยกับการทำ “ประชามติ” พร้อมยังไม่ต้องการให้ 11 ล้านเสียง ของ “ประชาธิปัตย์” มาช่วยลงคะแนน
“ถามรัฐบาลเอาเสียงมาจากไหน หากลงประชามติจะแพ้เป็นครั้งที่สอง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเขียนไว้ในหนังสือว่า “จะไม่ทำสงครามที่ไม่มีโอกาสชนะ” แต่การลงประชามติเป็นสงครามที่เราแพ้ ไม่ควรเดินเข้าไป” เป็นเสียงเตือนของ “จตุพร”
พร้อมทั้งเกทับว่า “ถามหัวใจคนเสื้อแดง เดินหน้าโหวตวาระ 3 ให้จบสิ้นไปเลย ขอเสียงให้ได้ยินถึงทำเนียบรัฐบาล โหวตวาระ 3 เราชนะ ลงประชามติเราแพ้ จะไปเลือกทางแพ้ก็บ้าแล้ว ลงประชามติดูเป็นสิ่งสวย ไม่ผ่านก็ถูกยื่นให้ศาลตีความต่อ ผ่านก็ตาย ไม่ผ่านก็ตาย แต่โหวตวาระ 3 ประชาชนไม่ได้แพ้ แต่ชนะร่วมกับรัฐบาล”
อาการ “ห้าวเป้ง” ของ “ตุ๊ดตู่” หากมองผิวเผินเหมือนจะดุเดือด-จริงจัง-ไม่ยอมใคร แต่หากมองให้ลึกถึง “ก้นหัวใจ” แล้วจะพบว่า สิ่งที่ “ตุ๊ดตู่” ต้องการไม่มีอะไรเลย นอกเสียจากต้องการสร้างแรงต่อรองใหม่กับ “ทักษิณ” ด้วยการสร้างเงื่อนไขขึ้น
เพราะ “ตุ๊ดตู่” คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าตรงที่สามารถควบคุมมวลชน “คนเสื้อแดง” ให้ซ้ายหัน-ขวาหัน ได้ เมื่อต้องการสิ่งใด “ตุ๊ดตู่” ก็จะทำตัวเหมือน “เด็ก” ต้องการขนมออกอาการ “เหวี่ยง” ให้ “ผู้ใหญ่” สงสาร จนต้องซื้อขนมให้กินอยู่ร่ำไป
“ทักษิณ” แม้จะถูกหลอกมาหลายครั้ง แต่มาครั้งนี้ก็ “ฉลาด” ขึ้นมาหน่อย ออกมาตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“บางคนบอกโหวตวาระ 3 ไปเลยไม่ต้องสนใจ โดยเฉพาะคุณจตุพร ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ แต่ไม่ผ่าน เพราะพอมีคำสั่งศาล พวกไม่กล้าโหวต เสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสองสภาคือ 326 คน แม้ฝ่ายรัฐบาลมี 300 คน แต่ก็ไม่ถึง โอกาสไม่ถึงสูง ก็ตกไป หรือว่าศาลรัฐธรรมนูญบอกฟังคำสั่งศาล ก็หาเรื่อง วาระ 3 โหวตได้ แต่ไม่ได้รัฐธรรมนูญ”
พร้อมเกทับ “จตุพร” กลับว่า “ถามว่าถ้าโหวตได้รัฐธรรมนูญด้วย ประชามติได้ไหม ถ้าออกมาเกิน 24.3 ล้านคน แต่หลายคนกลัวจะมาไม่ถึง และออกมาไม่ถึงครึ่ง ผมไม่หนักใจ 24.3 ล้านคน ผมว่าหมูมาก ประชาชนจะออกมาเยอะ เขามองว่าเป็นการชี้ชะตาประเทศ จะปล่อยให้แช่แข็ง ก็ไม่ต้องแก้ไข หากอยากแก้อำนาจให้ถูกต้องไม่ต้องเอียงกระเท่เร่อย่างนี้”
ฟันธงได้เลยว่านี่คือ “ละคร” ฉากหนึ่งของ “แกนนำคนเสื้อแดง” ที่ใช้ต่อรองเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ด้วยการหลอก “คนเสื้อแดง” ให้หลงเชื่อ-หลงคึกคะนอง-หลงตัวเอง ไปวันๆ
เมื่อฉากหนึ่งของ “ละคร” โรงใหญ่จบลง “จตุพร” มีเคลียร์กับ “ทักษิณ” อย่างแน่นอน โดยมีเรื่องผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง ส่วนตัวหารก็แล้วแต่ “แกนนำคนเสื้อแดง” คนไหนต้องการอะไรเพิ่มเติม
แต่โดยส่วนตัวของ “จตุพร” สิ่งต่อรองคงหนีไม่พ้นตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ที่แม้ “ทักษิณ” จะเอาเหตุผลที่อยู่เหนือเหตุผลมากล่าวอ้างให้ “จตุพร” ยอมถอยมาแล้ว แต่ “จตุพร” คงไม่แยแสสักนิด เพียงเพื่อต้องการให้ตัวเองได้ตามที่หวังเป็นพอ
หลังจากนี้อยู่ที่ “ทักษิณ” ว่าจะแกล้งโง่-ยอมโง่ ให้ “แกนนำคนเสื้อแดง” อีกหรือไม่ แต่เท่าที่รู้คือ “โง่” กันทั้งสองฝ่าย เพราะมัวแต่หลอกใช้กันไปหลอกใช้กันมา
สาเหตุที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ราบรื่นสะดวกโยธินอย่างใจหวัง เพราะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หวังจะทำให้ “น.ช.แม้ว” พ้นผิดจากคดีความต่างๆ หาใช่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง
โดยคร่าวๆแบ่งออกเป็น 3 แนวทางดังนี้ 1.การทำประชามติ เพื่อขอฉันทานุมัติจากประชาชน ฟอกให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ดูดีมีราศีมากขึ้น แต่ “เพื่อไทย” ติดอยู่กับโจทย์ใหญ่ที่ระบุไว้ว่าการทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งประเทศ ลำพังคะแนนปาตี้ลิสต์ของ “เพื่อไทย+พรรคร่วมรัฐบาล” ยังไมเพียงพอ เลยไม่กล้าที่จะเสี่ยง
2.การแก้ไขรายมาตราตามข้อเสนอของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนจะง่ายสุด เพราะทำเหมือนกับที่ “ประชาธิปัตย์” เคยทำมาแล้ว ทว่าการแก้ไขรายมาตราจะยากสุดตรงที่แก้มาตรา 309 เพราะจะถูกกระแสสังคมตีกลับทันทีว่าเป็นการทำเพื่อ “ทักษิณ”
3.การโหวตลงมติวาระ 3 ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ทันที ตามข้อเสนอของพวก “แดงไดโนเสาร์” ที่ออกมาเสนอเอาไว้ แต่ติดอยู่ที่ว่าอาจจะขัดคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งอาจจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้อง “แท้ง” ไปเสียก่อน ดีไม่ดีอาจจะถูกยุบพรรคอีกรอบที่สามก็เป็นได้
ทั้ง 3 รูปแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่เชื่อได้เลยว่ายังไงเสียบรรดา “ขี้ข้าทักษิณ” จะต้องเดินหน้ารูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อสนองตอบความต้องการของ “นายใหญ่”
ย้อนโฟกัสกลับไปที่การชุมนุมใหญ่ของ “คนเสื้อแดง” เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ “จตุพร พรหมพันธ์” แกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยดุเดือดเลือดพล่านเหมือนยังอารมณ์ค้างอยู่ หลังอกหักพลาดเก้าอี้ “รัฐมนตรี”
“จตุพร” แสดงอาการขึงขังไม่เอาด้วยกับการทำ “ประชามติ” พร้อมยังไม่ต้องการให้ 11 ล้านเสียง ของ “ประชาธิปัตย์” มาช่วยลงคะแนน
“ถามรัฐบาลเอาเสียงมาจากไหน หากลงประชามติจะแพ้เป็นครั้งที่สอง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเขียนไว้ในหนังสือว่า “จะไม่ทำสงครามที่ไม่มีโอกาสชนะ” แต่การลงประชามติเป็นสงครามที่เราแพ้ ไม่ควรเดินเข้าไป” เป็นเสียงเตือนของ “จตุพร”
พร้อมทั้งเกทับว่า “ถามหัวใจคนเสื้อแดง เดินหน้าโหวตวาระ 3 ให้จบสิ้นไปเลย ขอเสียงให้ได้ยินถึงทำเนียบรัฐบาล โหวตวาระ 3 เราชนะ ลงประชามติเราแพ้ จะไปเลือกทางแพ้ก็บ้าแล้ว ลงประชามติดูเป็นสิ่งสวย ไม่ผ่านก็ถูกยื่นให้ศาลตีความต่อ ผ่านก็ตาย ไม่ผ่านก็ตาย แต่โหวตวาระ 3 ประชาชนไม่ได้แพ้ แต่ชนะร่วมกับรัฐบาล”
อาการ “ห้าวเป้ง” ของ “ตุ๊ดตู่” หากมองผิวเผินเหมือนจะดุเดือด-จริงจัง-ไม่ยอมใคร แต่หากมองให้ลึกถึง “ก้นหัวใจ” แล้วจะพบว่า สิ่งที่ “ตุ๊ดตู่” ต้องการไม่มีอะไรเลย นอกเสียจากต้องการสร้างแรงต่อรองใหม่กับ “ทักษิณ” ด้วยการสร้างเงื่อนไขขึ้น
เพราะ “ตุ๊ดตู่” คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าตรงที่สามารถควบคุมมวลชน “คนเสื้อแดง” ให้ซ้ายหัน-ขวาหัน ได้ เมื่อต้องการสิ่งใด “ตุ๊ดตู่” ก็จะทำตัวเหมือน “เด็ก” ต้องการขนมออกอาการ “เหวี่ยง” ให้ “ผู้ใหญ่” สงสาร จนต้องซื้อขนมให้กินอยู่ร่ำไป
“ทักษิณ” แม้จะถูกหลอกมาหลายครั้ง แต่มาครั้งนี้ก็ “ฉลาด” ขึ้นมาหน่อย ออกมาตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“บางคนบอกโหวตวาระ 3 ไปเลยไม่ต้องสนใจ โดยเฉพาะคุณจตุพร ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ แต่ไม่ผ่าน เพราะพอมีคำสั่งศาล พวกไม่กล้าโหวต เสียงไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสองสภาคือ 326 คน แม้ฝ่ายรัฐบาลมี 300 คน แต่ก็ไม่ถึง โอกาสไม่ถึงสูง ก็ตกไป หรือว่าศาลรัฐธรรมนูญบอกฟังคำสั่งศาล ก็หาเรื่อง วาระ 3 โหวตได้ แต่ไม่ได้รัฐธรรมนูญ”
พร้อมเกทับ “จตุพร” กลับว่า “ถามว่าถ้าโหวตได้รัฐธรรมนูญด้วย ประชามติได้ไหม ถ้าออกมาเกิน 24.3 ล้านคน แต่หลายคนกลัวจะมาไม่ถึง และออกมาไม่ถึงครึ่ง ผมไม่หนักใจ 24.3 ล้านคน ผมว่าหมูมาก ประชาชนจะออกมาเยอะ เขามองว่าเป็นการชี้ชะตาประเทศ จะปล่อยให้แช่แข็ง ก็ไม่ต้องแก้ไข หากอยากแก้อำนาจให้ถูกต้องไม่ต้องเอียงกระเท่เร่อย่างนี้”
ฟันธงได้เลยว่านี่คือ “ละคร” ฉากหนึ่งของ “แกนนำคนเสื้อแดง” ที่ใช้ต่อรองเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว ด้วยการหลอก “คนเสื้อแดง” ให้หลงเชื่อ-หลงคึกคะนอง-หลงตัวเอง ไปวันๆ
เมื่อฉากหนึ่งของ “ละคร” โรงใหญ่จบลง “จตุพร” มีเคลียร์กับ “ทักษิณ” อย่างแน่นอน โดยมีเรื่องผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง ส่วนตัวหารก็แล้วแต่ “แกนนำคนเสื้อแดง” คนไหนต้องการอะไรเพิ่มเติม
แต่โดยส่วนตัวของ “จตุพร” สิ่งต่อรองคงหนีไม่พ้นตำแหน่ง “รัฐมนตรี” ที่แม้ “ทักษิณ” จะเอาเหตุผลที่อยู่เหนือเหตุผลมากล่าวอ้างให้ “จตุพร” ยอมถอยมาแล้ว แต่ “จตุพร” คงไม่แยแสสักนิด เพียงเพื่อต้องการให้ตัวเองได้ตามที่หวังเป็นพอ
หลังจากนี้อยู่ที่ “ทักษิณ” ว่าจะแกล้งโง่-ยอมโง่ ให้ “แกนนำคนเสื้อแดง” อีกหรือไม่ แต่เท่าที่รู้คือ “โง่” กันทั้งสองฝ่าย เพราะมัวแต่หลอกใช้กันไปหลอกใช้กันมา