สมัชชาคนจน และกลุ่มขบวนการเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ชุมนุมหน้าทำเนียบ ทวงนายกฯ กรณีแก้เขื่อนปากมูล หลังทำเงียบ ไม่ปฏิบัติตามมติอนุฯ ยุค มาร์ค จี้เปิดถาวร ขู่ยังเฉยจะปักหลักยาว
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00น. กลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจน และกลุ่มขบวนการเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) กว่า 200 คน รวมตัวชุมนุมเพื่อทวงถามความคืบหน้าต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีมติของอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ให้ทดลองเปิดเขื่อนปากมูลเป็นเวลา 5 ปี เพื่อคืนธรรมชาติให้แม่น้ำมูน และจ่ายเงินเยียวยาให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเขื่อน 3 อำเภอ คือ อ.โขงเจียม สิรินธร และพิบูลมังสาหาร ครอบครัวละ 310,000 บาท จากเดิมที่กำหนดในหลักการจากผลกระทบ 20 ปีเป็นเวลา 23 ปีเนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ดำเนินการใดให้คืบหน้า โดยกลุ่มชาวบ้านมีการตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราว และเต็นท์ที่พักปักหลักอยู่บริเวณด้านหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ
จากนั้น เวลา 13.00 น. นางสมปอง เวียงจันทร์ แกนนำกลุ่มชาวบ้านในฐานะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล นำกลุ่มชาวบ้านเคลื่อนขบวนไปยังสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อแถลงการณ์ โดยระบุว่าต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลที่เรื้อรังยาวนานมากว่า 20 ปี ให้รัฐบาลดำเนินการเปิดเขื่อนปากมูลอย่างถาวร ซึ่งจากการศึกษาของคณะกรรมการที่มีทั้งหน่วยงานภาครัฐและนักวิชาการระบุแล้วว่าการปิดเขื่อนปากมูลนั้นล้มเหลว เนื่องจากเป็นการทำลายระบบนิเวศของแม่น้ำมูล อีกทั้งชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีอาชีพหลักคือหาปลาหาสัตว์น้ำเป็นอาชีพหลัก ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เนื่องจากเขื่อนปิด และจากการศึกษาที่อนุญาตให้ทดลองเปิดเขื่อนได้ 4 เดือนนั้นก็ไม่ตรงฤดูหาปลาส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดเขื่อนมากว่า 20 ปี ตามมติของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อย่างไรก็ตาม นางสมปองเปิดเผยด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ที่หากต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาศึกษาอีก ชาวบ้านจะไม่ยอมรับ เพราะเท่ากับเป็นการยื้อเวลาของรัฐบาล จึงตกลงกันว่าหากในที่ประชุมรัฐบาลไม่ทำตามมติเดิมที่มี ชาวบ้านทั้งหมดจะปักหลักชุมนุมอย่างไม่มีกำหนดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยยังมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบอีกส่วนหนึ่งทยอยเดินทางเข้ามาสมทบ
วันนี้ (23 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00น. กลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจน และกลุ่มขบวนการเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) กว่า 200 คน รวมตัวชุมนุมเพื่อทวงถามความคืบหน้าต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีมติของอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ให้ทดลองเปิดเขื่อนปากมูลเป็นเวลา 5 ปี เพื่อคืนธรรมชาติให้แม่น้ำมูน และจ่ายเงินเยียวยาให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเขื่อน 3 อำเภอ คือ อ.โขงเจียม สิรินธร และพิบูลมังสาหาร ครอบครัวละ 310,000 บาท จากเดิมที่กำหนดในหลักการจากผลกระทบ 20 ปีเป็นเวลา 23 ปีเนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ดำเนินการใดให้คืบหน้า โดยกลุ่มชาวบ้านมีการตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราว และเต็นท์ที่พักปักหลักอยู่บริเวณด้านหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ
จากนั้น เวลา 13.00 น. นางสมปอง เวียงจันทร์ แกนนำกลุ่มชาวบ้านในฐานะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล นำกลุ่มชาวบ้านเคลื่อนขบวนไปยังสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อแถลงการณ์ โดยระบุว่าต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูลที่เรื้อรังยาวนานมากว่า 20 ปี ให้รัฐบาลดำเนินการเปิดเขื่อนปากมูลอย่างถาวร ซึ่งจากการศึกษาของคณะกรรมการที่มีทั้งหน่วยงานภาครัฐและนักวิชาการระบุแล้วว่าการปิดเขื่อนปากมูลนั้นล้มเหลว เนื่องจากเป็นการทำลายระบบนิเวศของแม่น้ำมูล อีกทั้งชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมีอาชีพหลักคือหาปลาหาสัตว์น้ำเป็นอาชีพหลัก ไม่สามารถประกอบอาชีพได้เนื่องจากเขื่อนปิด และจากการศึกษาที่อนุญาตให้ทดลองเปิดเขื่อนได้ 4 เดือนนั้นก็ไม่ตรงฤดูหาปลาส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินเยียวผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดเขื่อนมากว่า 20 ปี ตามมติของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อย่างไรก็ตาม นางสมปองเปิดเผยด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ที่หากต้องตั้งคณะกรรมการชุดใหม่มาศึกษาอีก ชาวบ้านจะไม่ยอมรับ เพราะเท่ากับเป็นการยื้อเวลาของรัฐบาล จึงตกลงกันว่าหากในที่ประชุมรัฐบาลไม่ทำตามมติเดิมที่มี ชาวบ้านทั้งหมดจะปักหลักชุมนุมอย่างไม่มีกำหนดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยยังมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบอีกส่วนหนึ่งทยอยเดินทางเข้ามาสมทบ
