ASTVผู้จัดการ - ตำรวจไทยแช่แข็งกรุงเทพฯ สั่งกั้นลวดหนามล้อมม็อบ เสธ.อ้าย ชุมนุมลานพระรูปฯ วันพรุ่งนี้ สวนจิตรลดา ตรึงแน่น 1.5 กม.พร้อมตำรวจปิดล้อมหน้าวัง พบปิดถนนสายหลักทำถนนสายรองรถติดระนาว เปิดเส้นทางสัญจรเข้าสู่พื้นที่ชุมนุมเฉพาะถนนศรีอยุธยา ฝั่งวัดเบญจมบพิตร และแยกหอประชุมทหารบก ถนนราชสีมา
วันนี้ (23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการออนไลน์ ลงพื้นที่สำรวจการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ลานพระบรมรูปทรงม้า และอาคารรัฐสภา หลังจากที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่เขตพระนคร เขตดุสิต และเขตป้องปราบศัตรูพ่าย และก่อตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธาน ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) มีตำรวจ 1.8 หมื่นนายเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อย รับมือการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย เป็นแกนนำ ในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) เวลา 9.00 น.
โดยเริ่มต้นจากถนนสุโขทัย ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักจากสะพานกรุงธน เลี้ยวซ้ายไปทางถนนขาว ต่อเนื่องแยกวังศุโขทัย พบว่า การจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากตามปกติถนนสายนี้จะเป็นเส้นทางเบี่ยงจากรถที่มาจากแยกบางพลัด มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในทางกลับกัน ถนนราชวิถีจะเป็นเส้นทางตรงจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าสะพานกรุงธน เมื่อมีการปิดการจราจรจากแยกราชวิถี ตัดกับถนนพระราม 5 ถึงแยกการเรือน ทำให้รถที่มาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต้องเลี้ยวขวาไปทางถนนพระราม 5 ถนนสวรรคโลก ก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสุโขทัย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสามเสนบริเวณแยกวชิระ และเลี้ยวขวาเข้าสะพานกรุงธนอีกครั้งที่แยกซังฮี้ เมื่อตัดกับรถกระแสทางตรงถนนสามเสน จากสี่แยกศรีย่าน ทำให้มีปริมาณรถสะสมมากขึ้น
ส่วนถนนพิชัย ได้ปิดการจราจรจากแยกขัตติยานี เยื้องพรรคชาติไทยพัฒนา ลงมาถึงถนนราชวิถี ทางเข้ารัฐสภา บริเวณประตูปราสาทเทวฤทธิ์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดปราบจลาจล พร้อมกับแท่งแบริเออร์คอยตรวจตรายานพาหนะและบุคคลเข้า-ออก ขณะเดียวกัน ได้มีรถยนต์จากบริษัทเอกชน ที่รับว่าจ้างติดตั้งกล้องวงจรปิดจากกรุงเทพมหานคร และกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) ได้เข้ามาซ่อมบำรุงกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ซึ่งสภาพถนนพิชัย ถนนราชวิถี และถนนอู่ทองในนั้นโล่งสนิท มีเพียงรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่รัฐสภาสัญจรไปมา และมีรถจักรยานยนต์รับจ้างวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารประปราย
ขณะที่ถนนพระราม 5 จากแยกราชวิถี ถึงแยกวัดเบญจมบพิตร พบว่า บริเวณสะพานข้ามคูน้ำ ทางเข้าพระตำหนักสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ฝั่งตะวันตก ตรงข้ามสวนสัตว์ดุสิต ได้มีกำลังตำรวจพร้อมโล่ประมาณ 100 นาย ตรึงกำลังด้านหน้า ป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป นอกจากนี้ ตำรวจยังได้กั้นรั้วลวดหนามรอบพระตำหนักสวนจิตรลดา ยาวประมาณ 1.5 กม. จากความยาวรอบพระราชวังวัง ประมาณ 3.5 กม.จากประตูฝั่งตรงข้ามสวนสัตว์ดุสิต ยาวตลอดฝั่งตรงข้ามสนามม้านางเลิ้ง สุดตรงแยกตัดกับทางรถไฟ แต่ถนนพระราม 5 ในช่วงดังกล่าวยังสัญจรไปมาตามปกติ ทั้งนี้ บริเวณสวนสัตว์ดุสิต และวัดเบญจมบพิตร เป็นสถานที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีรถตู้สีขาวติดไซเรนนับพันคันจอดอยู่ภายในสถานที่ทั้งสองแห่ง และมีตำรวจสลับกันปฏิบัติหน้าที่ และพักผ่อนรอสับเปลี่ยนเวร
เมื่อมาถึงถนนพิษณุโลก บริเวณแยกพาณิชยการ ก็พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรึงกำลังพร้อมแท่นแบริเออร์และรั้วลวดหนาม บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปภายใน โดยกำหนดพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาล ได้แก่ ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกพาณิชยการ ถึงแยกวังแดง ถนนราชดำเนินนอก บริเวณแยกมัฆวานรังสรรค์ ถึงแยกมิสกวัน และถนนลูกหลวง ตั้งแต่เชิงสะพานวิศุกรรมนฤมาณ (ติดกับสำนักงานคุรุสภา) ถึงสะพานเทวกรรมรังรักษ์ ถนนนครสวรรค์ จะถูกห้ามไม่ให้ประชาชนสัญจรไปมา ทั้งนี้ รถที่มาจากแยกยมราชเมื่อมาถึงแยกพาณิชยการ จะถูกบังคับให้เลี้ยวขวาไปทางถนนพระราม 5 เพื่อไปออกถนนศรีอยุธยา และถนนสุโขทัย
สำหรับทางเข้าสถานที่ชุมนุม บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จะสามารถเข้าไปด้านในได้เฉพาะถนนศรีอยุธยา ซึ่งมีอยู่ 2 ฝั่ง ได้แก่ ฝั่งแยกวัดเบญจมบพิตร ถนนพระราม 5 สำหรับรถที่มาจากแยกศรีอยุธยา และฝั่งแยกหอประชุมทหารบก ถนนราชสีมา สำหรับรถที่มาจากแยกสี่เสาเทเวศร์ อย่างไรก็ตาม ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังเป็นระยะ โดยเฉพาะด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล วังปารุสกวัน นอกจากนี้ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ตำรวจได้มีการตั้งแผงเหล็กบริเวณด้านหน้าสวนอัมพร ซึ่งภายในเป็นที่พักของกำลังตำรวจอีกจุดหนึ่ง และแท่งแบริเออร์บริเวณหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมกั้นรั้วลวดหนาม และติดตั้งป้ายฟิวเจอร์บอร์ดสีขาว พ่นสีสเปรย์สีแดง ระบุคำว่า “เขตพระราชฐาน” โดยบริเวณดังกล่าว กลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายได้ติดตั้งเวทีปราศรัยและหลังคาโค้งขนาดใหญ่ โดยกำหนดพื้นที่ชุมนุมตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนินนอก สิ้นสุดที่แยกมิสกวัน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังพร้อมกับแท่นแบริเออร์และรั้วลวดหนาม ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกางเต็นท์เป็นโรงครัวบริเวณหน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ
มีรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ถึงประชาชนและสื่อมวลชน ระบุว่า “เนื่องจากมีการชุมนุม โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า สนง.ตำรวจแห่งชาติ 23 พ.ย.2555” นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลยังได้ใช้เครื่องขยายเสียง แจกจ่ายใบปลิว ระบุว่า “เนื่องจากในวันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2555 จะมีการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า รัฐบาลได้ประกาศใช้มาตรการตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พุทธศักราช 2551 ในพื้นที่เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ในช่วงระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งมุ่งเน้นดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน
ทางตำรวจนครบาลได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ารักษาความปลอดภัย ทั้งในพื้นที่ชุมนุมและบริเวณโดยรอบแล้วอย่างเต็มที่ ในการชุมนุมจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมากและอาจจะเกิดความรุนแรง ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนเก็บ หรือเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของท่าน เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งอยู่ในที่ไม่ปลอดภัยนำไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย” พร้อมกันนี้ ด้านหลังใบปลิวได้ระบุข้อความในรัฐธรรมนูญ ระบุว่า การชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 “บุคคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้เว้นแต่อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก”