นายกรัฐมนตรีเรียก “กิตติรัตน์-ประสาร” ถกด่วนรับมือค่าเงินบาทแข็ง แนะประชาชนอย่าตระหนก ยังไม่มีสัญญาณอันตราย ระบุไทยมีทางออกหลายทาง เบื้องต้นให้คลัง-สภาพัฒน์ บูรณาการแผนการแนะนำต่างๆ ไว้เป็นทางเลือกให้เอกชน ก่อนนัดผู้ส่งออกหารือเร็วๆ นี้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี รมว.คลัง และ นายนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าหารือว่า เป็นการหารือเพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็พยายามติดตามสถานการณ์ต่างๆในแต่ละภูมิภาค เนื่องจากมาตรการต่างๆ ที่สหรัฐฯ และญี่ปุ่นออกมานั้นไทยก็เป็นห่วงในเรื่องของผลกระทบ ซึ่งในข้อเท็จจริงขณะนี้ก็มีแนวโน้มที่เงินบาทของเราแข็งตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการหารือกันว่าให้ทุกหน่วยงานทั้งกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปบูรณาการแผนการแนะนำต่างๆ
“ความจริงไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก เพราะเรามีทางออกอีกหลายทาง และการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนก็ยังเป็นช่องว่างที่เรายังคงต้องทำเพิ่ม การหารือเช้าวันเดียวกันนี้ (23 ม.ค.) ก็เป็นการติดตามสถานการณ์ตามปกติ แต่เราอยากให้มีการเตรียมทางเลือกไว้หลายๆทางเพื่อเป็นทางเลือกให้กับภาคเอกชน กลุ่มผู้ส่งออก ธุรกิจเอสเอ็มอี มีทางเลือกหลายๆทาง อย่างน้อยจะได้มีมีความคล่องตัวและสามารถกระจายช่องทางต่างๆ ได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ธปท.มีการรายงานสถานการณ์ค่าบาทหรือไม่ว่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ไม่มาก แต่อนาคตข้างหน้าคงไม่มีใครตอบได้ แต่มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์ต่างๆ คงต้องดูในเรื่องของผลกระทบมากกว่า ขณะเดียวกันจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้อยู่ในสัญญานอันตราย แต่เราเองก็หารือกันว่าเราเองก็ควรจะมีแนวทางในการที่จะเสนอทางเลือกไว้ ทั้งเรื่องการลงทุนบ้าง หรือการวางแผนต่าง ๆสำหรับภาคเอกชน แต่ทั้งหมดขอร้องว่าอย่าเพิ่งตกใจ เพราะรัฐบาลจะมีวิธีการและนำเสนอให้ทราบอีกครั้ง
ส่วนภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบอะไรหรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ก็ต้องดูแต่คงมีผลกระทบไม่มากนัก แต่เราเองก็ต้องไปศึกษาผลกระทบต่างๆ ของผู้ส่งออกด้วยเพราะไม่ต้องการให้สถานการณ์ต่างๆ ไปซ้ำเติมการส่งออก เนื่องจากเท่าที่ติดตามทิศทางขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนจากกลุ่มผู้ส่งออก วันนี้เป็นเพียงการติดตามสถานการณ์ภายในแต่ก็จะมีการนัดหารือกับกลุ่มผู้ส่งออกในเร็วๆ นี้เพื่อพูดคุยและเตรียมการในการปรับตัว สำหรับความผันผวนและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปศึกษา เบื้องต้นได้รับรายงานว่ายังไม่มีผลกระทบมาก