นายกรัฐมนตรีเป็นประธานจัดงานวันครู เผยจะร่วมกันพัฒนาครูพร้อมก้าวสู่อาเซียน พร้อมสนับสนุนสวัสดิการครู โดยเฉพาะครูต่างจังหวัดอย่างเหมาะสม พร้อมขอบคุณครู 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่เสียสละ ด้านประธานกรรมการคุรุสภายื่นข้อเสนอ 8 ข้อ หวังยกระดับมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริมคุณภาพชีวิตครูให้ดีขึ้น
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่หอประชุมคุรุสภา เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการจัดงานวันครู เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระแม่แห่งแผ่นดิน ผู้ทรงเป็นครู ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม 2555 และเพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และยกย่องเชิดชูเกียรติคุณครูและวิชาชีพครูให้ประจักษ์ทั่วไป
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นความภูมิใจสูงสุดที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานวันครูอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งถือเป็นปีที่ 2 เป็นความยินดีที่ได้มาพบกับคุณครูที่ยิ่งใหญ่ทุกท่าน ที่มาประสิทธิประสาทวิชาให้แก่เยาวชนไทย ซึ่งการจัดงานวันครูปีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระแม่แห่งแผ่นดิน ผู้ทรงเป็นต้นแบบและเป็นครูทั้งแผ่นดิน จึงเป็นโอกาสพิเศษที่ทุกฝ่ายจะได้ร่วมจัดงานในครั้งนี้ และในวันที่ 16 มกราคมของทุกปีเราถือว่าเป็นวันครู เพื่อให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงความกตัญญูกตเวทิตาต่อคุณครู เพราะครูเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้วงการการศึกษาทำให้เยาวชนได้พบทางสว่างแห่งปัญญา คุณครูเปรียบเสมือนคุณพ่อคุณแม่คนที่สอง ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะใช้เวลาอยู่กับคุณครูมากกว่าเวลาที่อยู่ที่บ้านด้วยซ้ำ จึงถือว่าท่านเป็นผู้เสียสละถ่ายในการทอดวิชาความรู้ และภูมิปัญญาที่สั่งสมมา เพื่อบ่มเพราะนิสัยให้ลูกศิษย์เป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีของคุณพ่อคุณแม่ และเป็นคนดีของประเทศชาติ เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองสู่ประเทศต่อไป ตนเชื่อว่าหากไม่มีครู ไม่มีการศึกษาโลกของเราคงไม่สามารถพัฒนาและเจริญเติบโตขึ้นมาจนเป็นวันนี้
“สมัยเด็กๆ ดิฉันจำได้ว่าทุกคนคงจะมีครูในดวงใจ ดิฉันก็มีครูในดวงใจเช่นกัน ถือว่าสมัยวัยเด็กครูเป็นผู้มีอิทธิพลต่อความคิดและการปลูกฝังจิตสำนึกตั้งแต่เด็ก ดังนั้นพฤติกรรมต่างๆ นอกจากลูกศิษย์จะได้เรียนรู้จากครอบครัวแล้ว การเรียนรู้จากคุณครู ความรัก ความอบอุ่น และความรู้ที่คุณครูมีให้เป็นจุดเริ่มต้นของเด็กทุกคน ดิฉันเองนึกถึงสมัยเมื่อก่อนที่มีโอกาสได้ร่ำเรียนประสิทธิ์ประสาทวิชา ซึ่งเมื่อตอนที่เรียนอาจจะไม่รู้สึก แต่วันนี้รู้สึกถึงคำสั่งสอนที่คุณครู ที่ผู้ใหญ่ที่มีความปรารถนาดีนั้นได้สั่งสอนมา ก็ได้ถูกจดจำและถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันจนทุกวันนี้” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า วันนี้โลกเปลี่ยนไป มีการพัฒนาการมากมาย ซึ่งเรื่องการศึกษาได้ทำอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จากภาวะต่างๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการสื่อสารต่างๆ มีการเปลี่ยนรูปแบบไปมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และสามารถรองรับกับโลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ตนถือว่าเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญในการร่วมกันพัฒนาและสร้างภูมิคุ้มกันในการเรียนการสอน ตนอยากเห็นความรู้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสายสามัญหรือสายอาชีวะ และความรู้นี้ต้องเป็นความรู้ที่ถ่ายทอดและตรงกับงาน เพื่อให้ลูกศิษย์ที่จบมามีงานทำประกอบอาชีพ และเป็นผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศและสังคมต่อไป นอกจากนี้อยากเห็นการปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีและช่วยกันประคับประคองบ่มเพราะเด็กและเยาวชน ให้ได้เรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ พร้อมกับความเข้าใจและถึงการรู้จักรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม เมตตาธรรม และการสนับสนุนให้เห็นความคิดต่างแต่อยู่ในทางที่สอดคล้องและเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและยืนยันว่าเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆเป็นสิ่งจำเป็น รัฐบาลพร้อมที่จะบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนากลไก หลักสูตรการศึกษาต่างๆ ให้สอดคล้อง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การดูแลคุณครูเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกำลังใจจากครูทุกท่านทั่วประเทศ ตนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้จะมีงบประมาณ มีเทคโนโลยี และเนื้อหาในการศึกษา แต่ผู้ที่จะนำเนื้อหาเหล่านั้นไปถ่ายทอดกับเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญกว่า เราจะร่วมกันในการพัฒนาคุณครู โดยโจทย์แรกคือการเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ครูเป็นผู้รับบาทหนักและเสียสละ ความรู้ที่คุณครูสั่งสมให้เด็กๆมีค่ามากว่าใดๆ ทั้งสิ้น
“ขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนดูแลสวัสดิการของครู และจะช่วยดูแลเรื่องการดำรงชีวิตให้ครูสามารถอยู่ได้อย่างมีเกียรติและมีสวัสดิการที่เหมาะสม โดยเฉพาะครูที่อยู่ต่างจังหวัด ขอยืนยันว่าจะให้การดูแลให้ความเป็นธรรมอย่างเหมาะสม และขอถือโอกาสเนื่องในวันครูขอบคุณคุณครูทุกท่านทั่วไประเทศ โดยเฉพาะครูในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะของคนไทยทุกคนขอให้กำลังใจ และขอขอบคุณในความเสียสละของครูและครอบครัวที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในการดูแลลูกศิษย์ ไม่ว่าท่าจะอยู่ที่ไหน เราต้องบอกว่าเราซาบซึ้งใจที่ทุกท่านมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการเติบโตของประเทศ หากเราไม่มีครูที่พร่ำสอนเราคงไม่มีลูกศิษย์และเยาวชนที่เติบโตแข็งแรงมาทุกวันนี้ และอนาคตการผลิตบุคคลากรเป็นเรื่องสำคัญและเป็นนโยบายใหญ่ของรัฐบาลที่จะร่วมกันบูรณาการให้เยาวชนเติบโตเป็นเยาวชนที่มีคุณภาพสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ และให้การศึกษาไทยสามารถก้าวทัดเทียมนานาประเทศได้อย่างสง่างามและภาคภูมิใจ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้คารวะคุณครูผู้สอนประจำชั้นในวัยเรียน ประกอบด้วย คุณครูอรศรี มนตรี ครูผู้สอนระดับอนุบาลศึกษา คุณครูกาญจนา นันทขว้าง ครูผู้สอนระดับประถมศึกษา และคุณครูสุภาพ วัฒนวิกย์กรรม์ คุณครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษา พร้อมกับมอบของที่ระลึก และพูดคุยด้วยความสนิทสนมเป็นกันเอง ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น
จากนั้นนายดิเรก พรสีมา ประธานกรรมการคุรุสภา กล่าวข้อเสนอเพื่อพัฒนาคุณภาพวิชาชีพครูในการดำเนินการเร่งด่วน 8 ข้อ ต่อนายกรัฐมนตรี ว่า 1. กำหนดนโยบายให้สถาบันผลิตครู ผลิตครู ทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ครู ด้วยการกำหนดโควตานักศึกษาครูและงบประมาณสนับสนุนการผลิตครูแก่สถาบันผลิตครูแต่ละแห่งตามจำนวนโควตาที่ได้รับ 2. พัฒนาศักยภาพสถาบันผลิตครูของไทยให้มีศักยภาพทัดเทียมศักยภาพของสถาบันผลิตครูในประเทศชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการศึกษาต่อต่างประเทศ แก่บุคลากรที่ประสงค์จะเป็นคณาจารย์ และการจ้างคณาจารย์ชาวต่างประเทศมาทำการสอนและวิจัยประจำสถาบันผลิตครูไทย 3. กำหนดนโยบายให้สถานศึกษาทุกแห่งและทุกประเภทมีครูครบทุกห้องและชั้นเรียนด้วยการกำหนดจำนวนนักเรียนหรือนักศึกษาต่อห้อง สำหรับแต่ละประเภทของการจัดการศึกษา ให้เหมาะสมกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ
4. ให้ผู้ประกอบการวิชาชีพครูและบุคคลากรทางการศึกษาทุกสังกัดและทุกประเภทได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนผู้ประกอบวิชาชีพครูทั้งในประเทศและในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้เข้าร่วมประชุมสัมมนา สังเกตการณ์เรียนการสอนของครูที่สอนเก่ง หรือจัดทำแผนการเรียนการสอนร่วมกัน 5. จัดให้มีมาตรฐานขั้นต่ำของสื่อการเรียนรู้ ครุภัณฑ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกทางการเรียนการสอนในทุกสขาวิชาและทุกระดับการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ด้วยการตรากฎหมายกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของสื่อครุภัณฑ์ 6. ผลักดันให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกสังกัดทั้งภาครัฐละเอกชนมีวิทยฐานะ ได้รับเงินค่าวิทยฐานะ และเงินค่าวิชาชีพ ด้วยการปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีการเลื่อนวิทยฐานะ โดยพิจารณาจากผลงานที่ตรงตามภารกิจหลักของบุคคลากรทางการศึกษา และจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการผลักดันดังกล่าว
7. ปรับปรุงบัญชีเงินเดือนข้าราชการครูให้สูงขึ้น และให้มีจำนวนขั้นเงินเดือนน้อยลง โดยการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยบัญชีเงินเดือนข้าราชการครู ให้เป็นบัญชีบุคคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ และ8.ให้ครูและบุคคลากรทางการศึกษาทุกสังกัดมีสิทธิสมัครหรือลาออกจากการเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการโดยสมัครใจ
มีรายงานว่า นายโอภาส กลับแป้น รองประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ได้เป็นตัวแทนยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อเรียกร้องให้นายกฯ เร่งรัดการดำเนินการแต่งตั้งประธานคุรุสภาและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการคุรุสภาโดยเร็ว เนื่องจากคณะกรรมการคุรุสภาชุดที่ 2 ได้หมดวาระลงไปเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา และได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการคุรุสภา ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ทำให้เกิดความเสียหายต่อคุรุสภา คือ การกำหนดมาตรฐานวิชาชีพครู การบริหารงานของคุรุสภาเกิดความล่าช้า และทำให้ภาพลักษณ์ของคุรุสภาและผู้ประกอบวิชาชีพครูเสียหายเนื่องจากมีผู้ไม่ประสงค์ดีให้ข่าวในด้านลบต่อคุรุสภา