ศอ.บต.เร่งสอบเหตุทำร้ายครู สร้างความมั่นใจให้ครูในพื้นที่

ยะลา - ศอ.บต.เรียกคณะ กก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิต และพยายามทำร้ายครู และบุคลากรทางการศึกษาเข้าหารือข้อสรุป เพื่อสร้างความมั่นใจให้ครูในพื้นที่ หลังพบว่ามีครูไทยพุทธจำนวนไม่น้อยประสงค์ขอย้ายออกนอกพื้นที่

วันนี้ (23 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิต และพยายามฆ่าครูสอนศาสนาอิสลาม และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาในภาพรวมของพื้นที่ที่เป็นปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และเกิดความหวาดกลัว ขาดความเชื่อมั่นในมาตรการป้องกันความปลอดภัยครูสอนศาสนาอิสลาม และประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหา อันจะเป็นการอำนวยความเป็นธรรมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของครูสอนศาสนา และบุคลากรทางการศึกษา โดยจะมาร่วมหาแนวทาง และแสวงหาข้อเท็จจริงของที่มา และสาเหตุของการเสียชีวิตว่า เป็นเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว หรือเหตุการณ์ความไม่สงบ และจะได้หามาตรการรักษาความปลอดภัย และได้รับรู้ยุทธการยุทธวิธีในการก่อเหตุเพื่อนำไปหาวิธีป้องกัน

เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมผู้กระทำผิดได้ ประเด็นที่สำคัญ คือ ต้องการที่จะให้คณะกรรมการฯ ชุดนี้ ซึ่งมีจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ สมาพันธ์ครู ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม มาศึกษาอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ก็จะได้หามาตรการเยียวยา ฟื้นฟู การให้ความเป็นธรรมด้วย

ซึ่งวันนี้ ทาง ศอ.บต.ได้เชิญแพทย์ กองพิสูจน์หลักฐานมาร่วมประชุม สิ่งที่เป็นปัญหา คือ ความรู้สึก ข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่จะนำไปพูดต่างๆ นานาเพราะจะทำให้เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาตรวจสอบ ในกรณีครูเสียชีวิต ครูสอนศาสนา และทุกกรณี โดยจะนำมาศึกษาทั้งหมด เพื่อให้คณะกรรมการมาหารูปแบบ โดยให้อิสระในการทำงาน โดยขอเวลาท่าน 2 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ขึ้นอีก

ด้านนายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้คาดว่าจะได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าการเสียชีวิตของครูมีสาเหตุจากอะไร ซึ่งเราจะได้กำหนดมาตรการว่า ถ้าสาเหตุมาจากสถานการณ์ก็จะได้มากำหนดยุทธศาสตร์ในการดูแลครูให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่วนอย่างอื่นก็เป็นเรื่องของกระบวนการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นข้อกังขาของครูว่า ช่วงที่ผ่านมา ครูเสียชีวิตมาก โดยเฉพาะครูไทยพุทธ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาย้ายครูไทยพุทธออกนอกพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเร่งแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน

เนื่องจากเด็กไม่มีคนสอน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้จะต้องมีการศึกษาเป็นหลัก ส่วนเรื่องสวัสดิการนั้นได้มาพูดคุย และติดตามเรื่องของเงินเสี่ยงภัย โดยทางสมาพันธ์ได้ขอเงินเสี่ยงภัยให้แก่ครูทุกสังกัด ไม่ว่าจะเป็นครูสอนศาสนา ครูเอกชน ครูอัตราจ้าง ให้ได้รับ 3,500 บาท เท่ากันทั้งหมด เพราะคนทุกคนในพื้นที่ทุกศาสนาไม่ว่าจะเป็นพุทธ มุสลิม คริสต์ อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ซึ่งทางสมาพันธ์เห็นว่า ทุกคนมีวิชาชีพครูเหมือนกัน อะไรที่จะเกื้อกูลได้ก็ควรเกื้อกูลกัน แต่ช่วงนี้ผลกระทบเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นครูไทยพุทธที่ต้องมาเสียชีวิต ซึ่งผลจากการประชุม การศึกษาข้อมูลร่วมกันก็จะทำให้นำไปปรับแผนยุทธศาสตร์ในการดูแลให้ความปลอดภัยครูให้ดียิ่งขึ้น

ส่วนตัวเลขครูขอย้ายออกนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ ตัวเลขจะอยู่ที่เขตพื้นที่ของแต่ละจังหวัด แต่เท่าที่ดีดูจะมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงจริงๆ โดยสภาพทุกคนเสี่ยงเหมือนกันหมด และอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มที่มีความกังวลโดยสภาพบริบทที่อยู่ในพื้นที่ที่ขอย้าย ซึ่งครูทุกคนเสี่ยงเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพุทธ มุสลิม บางคนย้ายในเขต บางคนย้ายข้ามเขต แต่วันนี้ ทางเราต้องการให้เอาความปลอดภัยของครูไทยพุทธไว้ก่อน ส่วนพี่น้องมุสลิมก็ต้องดูแลความปลอดภัยให้ด้วย

ซึ่งตัวเลขขอย้ายนั้นยังไม่ชัดเจน แต่คงไม่มากเท่าใด แต่ถ้าครูย้ายออก 1 คน ก็จะส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอนของเด็ก ซึ่งทาง สพฐ. รมต.ศึกษาฯ ก็ต้องแก้ปัญหาให้ชัดเจน เร็วๆ นี้ก็คงได้รับทราบคำตอบในการแก้ปัญหา ซึ่งในวันที่ 26 ธ.ค. นี้ ทาง รมต.ศึกษาฯ ก็จะลงพื้นที่มาร่วมประชุม ส่วนแนวความคิดกรณีการนำครู ตชด.มาสอนเด็กนั้น ตนมองว่า เมื่อครูไทยพุทธไม่กล้าลงไปสอน จะมีครู ตชด. หรือครูอาสาก็ได้ ใครก็ได้ที่เข้าไปสอน และให้เด็กมีความรู้ อย่าให้เกิดช่องว่าง ไม่ขัดข้อง สอนนักเรียนให้เป็นคนดีมีคุณธรรมของสังคมก็เพียงพอ นายบุญสมกล่าว