โฆษกรัฐบาลเผย ครม.จัดงบ 3.6 พันล้านให้ กฟผ.ปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเขื่อนศรีนครินทร์-เห็นชอบโยกสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดูบริหารจัดการน้ำแทน ก.วิทย์
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.45 น. นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ บ้านเจ้าเณร ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เครื่องที่ 1-3 ในวงเงินลงทุนรวม 3,600 ล้านบาท โดยอนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี 2557 สำหรับโครงการฯจำนวน 319.36 ล้านบาทตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานรายงาน ครม.ว่า เขื่อนศรีนครินทร์ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 5 เครื่อง ที่มีกำลังผลิตทั้งหมด 720 เมกะวัตต์ โดยเครื่องที่ 1-3 มีกำลังผลิตเครื่องละ 120 เมกะวัตต์ ซึ่งมีอายุใช้งาน 31 ปี อุปกรณีมีการชำรุดทรุดโทรมหมดอายุการใช้งาน อะไหล่สำรองหายาก นับถึงปีที่ปรับปรุงมีอายุการใช้งาน 34 ปี ซึ่งถือว่าหมดอายุการใช้งานแล้ว สมควรแก่การปรับปรุงเปลี่ยนอุปกรณ์ เพื่อยืดอายุการใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพให้มีความพร้อม และความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษา โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ 2,400.08 และเงินบาท 1,199.92 ล้านบาท ที่มีกำหนดแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน 2561
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนการลงทุนของโครงการนั้น ในการวิเคราะห์ค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำดังกล่าว ใช้ราคาซื้อขายไฟฟ้าเฉลี่ยของ กฟผ. 2.319 บาทต่อหน่วย ตามมาตรฐานราคาซื้อขายไฟฟ้าเฉลี่ยของ กฟผ.อยู่ที่ 2.50 บาทต่อหน่วย หักด้วยค่าสายส่ง 0.181 บาทต่อหน่วย ได้ผลตอบแทนโครงการ ดังนี้ ผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ ร้อยละ 37.58 ผลตอบแทนด้านการเงิน ร้อยละ 30.30 ผลตอบแทนส่วนทุน ร้อยละ 52.62 มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐศาสตร์ 5,422.59 ล้านบาท
โดย ครม.มีมติอนุมัติการกู้เงินในประเทศปีงบประมาณ 2556 วงเงินรวม 13,000 ล้านบาทของ กฟผ. ซึ่งประกอบด้วย การกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการ จำนวน 10,000 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ Roll-over จำนวน 3,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ นอกจากนี้ ครม.มีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังเป็นประธาน โดยเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานระยะที่ 2 ในวงเงินลงทุน จำนวน 21,900 ล้านบาท อีกทั้งเห็นชอบให้อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน ประจำปี 2555 สำหรับโครงการฯ จำนวน 11.2 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ กฟผ.รับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ด้านนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เสนอให้ยกเลิกมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 55 ที่เห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นส่วนราชการเจ้าของโครงการบริหารจัดการน้ำ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นส่วนราชการเจ้าของโครงการแทน ทั้งนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาในร่างทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ…. โดยได้แก้ไขเพิ่มเติม ให้สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) เป็นส่วนราชการภายใน สปน. และเพิ่มอำนาจหน้าที่ของ สบอช. ให้ทำหน้าที่ส่วนราชการเจ้าของโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำตามที่ กบอ.กำหนด การบริหารการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบ และให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน กบอ.เป็นผู้ปฎิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีใน สปน. และค่าใช้จ่ายในส่วนของ กนอช. หรือ กบอ. ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของ สปน.
นายชลิตรัตน์กล่าวต่อว่า สำหรับร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุในการดำเนินโครงการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ให้มีการแก้ไขบทนิยามคำว่า “ส่วนราชการเจ้าของโครงการ” และ “รัฐมนตรี” เป็น “ส่วนราชการเจ้าของโครงการ” และคำว่า “รัฐมนตรี” ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “หัวหน้าส่วนราชการของโครงการ” รวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการกำกับโครงการและแก้ไขโดยตัดความที่ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวออกไป