xs
xsm
sm
md
lg

“จารุพงศ์” ชี้พิทักษ์สยาม ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงใช้เลข 9 สื่อ อ้างใช้ พ.ร.บ.มั่นคง กลัวซ้ำรอย 7 ต.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(แฟ้มภาพ)
หน.พท.รับสั่งทีมตามม็อบ “เสธ.อ้าย” แต่ปัดขวางร่วม เชื่อมาไม่ถึงล้าน ชี้มิบังควรใช้เลข 9 เป็นฤกษ์ จวก “บุญเลิศ” ต้องรู้ที่ต่ำที่สูง คุยสาวกแดงอย่าเพิ่งป่วน แต่ไม่รู้จะมีอุบัติเหตุการเมือง อ้างไม่ต่างจากปี 49-51 แค่เปลี่ยนหัวไล่ รบ. เผย ตร.หวั่นโดนแบบสลาย พธม. ร้องใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ปัดใช้ อส.-อพปร.ร่วมบู๊ แต่เช็กกำลังเตรียมพร้อม สั่งดูแลไฟฟ้า-ประปา ก.วิทย์ดูสื่อสาร แนะควรสู้ในสภาแบบ ปชต. พร้อมแจง “ปู” ดอดพบ “แม้ว”-ทุจริต ก.คมนาคม ลั่นไม่เปิดแผลให้แทง ผิดจริงขึ้นอยู่ที่พรรค

วันนี้ (16 พ.ย.) ทำเนียบรัฐบาล นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 24-25 พ.ย.ว่ากระทรวงมหาดไทยตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ เน้นการข่าว การติดต่อประสานทุกอำเภอ ทุกจังหวัด เพื่อรับทราบความเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้มีนโยบายปิดกั้นการชุมนุม ส่วนจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมจะมีมากน้อยแค่ไหนยังไม่กล้าประเมิน เนื่องจากตัวเลขยังไม่นิ่ง ถ้าประเมินไปโอกาสผิดพลาดมีมากจะประเมินได้ในช่วงใกล้เคียงกับผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมา แต่ถึงกระนั้นก็ดูแลเต็มที่ไม่ประมาท แต่ไม่มีทางถึงล้านตามที่แกนนำประกาศไว้ ไม่มีทาง เพราะที่ผ่านมาจากประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีเวทีไหน จะระดมคนได้ถึงล้าน ถ้าจะมีคนเป็นล้านก็มีอยู่ครั้งเดียว คือวันที่ 9 มิ.ย. 49 งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จะสามารถหาได้มายิ่งใหญ่กว่านั้นหรือ ไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ส่วนการใช้ฤกษ์เวลา 09.01 น.เป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะประชาชนทั่วไปทราบดี เป็นรหัสเรียกขานของพระองค์ท่านในการติดต่อสื่อสารทางวิทยุว่าจะเสด็จที่ไหนอย่างไร การที่ใช้เลขตัวนี้ ทำไมไม่ใช้เลข 9 เป็นการจงใจสื่อ โดยมารยาทไม่ควร พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยามต้องรู้จักที่ต่ำที่สูงพอสมควร

เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.เกรงหรือไม่จะเกิดการประทะกัน นายจารุพงศ์กล่าวว่า ได้มีการประสานแล้วทางฝ่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ให้เข้ามาใกล้พื้นที่ของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในจังหวัดใครจังหวัดมัน อย่าเข้ามากรุงเทพฯ ที่จะก่อให้เกิดการปะทะกันที่อาจจะเกิดความไม่สงบได้ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรเพื่อรับมือกับปัญหารอบด้าน ทั้งการชุมนุมและการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจารุพงศ์กล่าวว่า ต้องทำเต็มศักยภาพที่มีอยู่ เชื่อว่ารัฐบาลมีประสิทธิและศักยภาพ และนายกฯก็มีความมั่นใจ ส่วนอุบัติเหตุในระหว่างการชุมนุมนุมไม่มีใครคาดการณ์ได้ แต่หากเกิดขึ้นก็มีการเตรียมพร้อมมันก็ลดและบรรเทาสิ่งต่างๆ ลงไปได้ ทั้งความเสียหายและปัญหาที่จะลุกลาม ส่วนการที่โกตี๋บอกว่าหากเกิดอุบัติเหตุก็พร้อมมาชุมนุม กทม.ทันทีนั้น ตนขอให้อยู่ที่ตั้งก่อน แสดงความเห็นตามกรอบรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ซ้ำรอยความรุนแรงปี 49 นายจารุพงศ์กล่าวว่า ตนได้พูดหลายครั้งแล้วว่าการเกิดปรากฏการณ์นี้มันไม่ผิดแปลกแตกต่างจากปี 49 หรือ 51 เลย เปรียบเหมือนเหล้าเก่าและอยู่ในขวดเก่า ไม่ได้เปลี่ยนขวดใหม่ สลากก็สลากเบอร์เดิม เป็นเพียงว่าหัวจุกก๊อกเหล้า ที่หัวจุกก๊อกมันเปื่อย แค่ไปเปลี่ยนจุกก๊อกใหม่เท่านั้นเอง เราต้องใช้เวลาถึง 6 ปีเทกออฟประเทศให้มันเจริญขึ้นมา และนายกฯกำลังสร้างอนาคตประเทศ

ส่วนการประกาศใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงในราชอาณาจักรนั้น นายจารุพงศ์กล่าวว่า เป็นขั้นตอนที่ต้องปฎิบัติ เพราะตำรวจที่จะเข้ามาปฏิบัติงานก็ต้องมีความมั่นใจว่ามีกฎหมายรองรับ เมื่อมีกฎหมายอยู่แล้วหากไม่ประกาศหรือไม่ขอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ตำรวจที่มาก็เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์คล้ายวันที่ 7 ต.ค. 51 ส่วนที่ ส.ส.พท.บางคนไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้น นายจารุพงศ์กล่าวว่า ความคิดเห็นมีแตกต่างกัน ก็ว่ากันไป แต่ในที่สุดแล้วก็เป็นข้อเสนอของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งถือเป็นผู้ปฏิบัติ ซึ่ง ครม.จะพิจารณาในวันที่ 20 พ.ย. และการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไม่ได้เป็นการเปิดช่องให้นำกำลังส่วนอื่นมาเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจทำงานตามปกติ แต่กฎหมายเมื่อมีการประกาศยกระดับขั้น ก็จะประกาศยกระดับต่อไป

เมื่อถามว่าจะมีการเสริมอาสาสมัคร กองอาสารักษาดินแดน (อส.) กับอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพปร.) มาหรือไม่ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ยังไม่คิดให้เข้ามาช่วย แต่ได้สั่งให้เช็กกำลังหมดแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทราบยอดของจังหวัด และอำเภอ ทั้งนี้หากมีภารกิจหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นการจะให้ อส.กับ อปพร.มาช่วยดูแลในพื้นที่ของตัวเองที่เป็นสถานที่ราชการ เป็นการเสริมกำลังในส่วนของตำรวจภูธร ไม่มีแนวคิดให้เข้ามาควบคุมการชุมนุมของเสธ.อ้าย แต่หากมาจริงก็มาส่วนน้อยเพื่อดูแลกระทรวงมหาดไทย หรือสถานที่ราชการต่างๆ เพราะกระทรวงก็เคยเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายจึงไม่อยากให้เกิดขึ้น และอยากให้ดูแลรัฐวิสาหกิจ ไฟฟ้า ประปา ทั้งภูมิภาคและนครหลวงเนื่องจากเป็นสาธารณูปโภคสำคัญ ส่วนการสื่อสาร เป็นหน้าที่ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ รัฐบาลเดินตามระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ทำอะไรผิดรัฐธรรมนูญหลังจากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 มาจากประชาชนที่เป็นผู้ชี้ขาด มาบอกให้รัฐบาลออกไป แช่แข็งประเทศไทย ถ้ารับไม่ได้ให้ไปว่ากันในวันที่ 25-28 พ.ย.ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจถอดถอน ให้เป็นภารกิจฝ่ายค้าน ไม่ควรมากดดันในลักษณะนี้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า มีการประชุมระดับพรรคไปครั้งหนึ่งแล้วในคณะยุทธศาสตร์ ส่วนที่มีข่าวว่าจะซักฟอก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในประเด็นการพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ก็สุดแท้แต่จะพูดกัน เราก็พร้อมจะชี้แจง ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าจะมีการอภิปรายความไม่ชอบมาพากลในกระทรวงคมนาคมในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมนั้น โดยหน้าที่ไม่เปิดให้คนอื่นเข้ามาแทงแผลอย่างนี้ได้ มันคงไม่ใช่ เป็นภารกิจหน้าที่ที่ต่างคนต่างมี พรรคฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ชี้แนะว่าอะไรบกพร่องผิดพลาด ทางรัฐบาลมีหน้าที่ทำความเข้าใจให้ชัดเจน หากมีข้อบกพร่องผิดพลาดจริงๆ ก็จะต้องแก้ไข ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ตัวเองมีอยู่คิดไปอย่างนั้นมากกว่า และนี่ก็คือสิ่งที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตย เป็นกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วก็ทำตามกฎเกณฑ์ ถ้าทุกฝ่ายเคารพกฎเกณฑ์แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้มาตามระบอบประชาธิปไตย 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลย เมื่อถามว่าหากอภิปรายแล้วพบรัฐมนตรีผิดจริง ในส่วนพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร นายจารุพงศ์กล่าวว่า นายกฯ ก็บอกไปแล้วในที่ประชุม หากใครมีเรื่องคอร์รัปชัน ใครมีส่วนรับผิดชอบก็ต้องได้รับการพิจารณา


กำลังโหลดความคิดเห็น