“ชำนิ” แจง ส.ส.ปชป.หักเงินเดือนเข้าพรรค กกต.ยันไม่ผิด ซัด “ปู” ยืมมือ “เหลิม” เล่นงาน

ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.แจงโต้ดีเอสไอมั่วเล่นงานเหตุ ส.ส.หักเงินเดือนบริจาคให้พรรค ดักนายกฯ โยนบาป “เป็ดเหลิม” ไม่ได้ ชี้ไม่เข้าข่ายคดีพิเศษต้องรับผิดชอบ แนะรีบถอด ตอกใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือคุกคาม บี้ “ธาริต” รับปากเลื่อนคดีเป็นช่วงปิดประชุม เหตุภารกิจแยะ ยก กกต.เคยแจ้งไม่ผิด แต่ดีเอสไอไม่สนยัดข้อหาบริจาคเกิน 2 หมื่นให้ ทั้งที่ กก.บริหารพรรคกำหนดอยู่แล้ว

วันนี้ (15 ม.ค.) ตัวแทน 44 ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกกล่าวหาจากดีเอสไอกรณีบริจาคเงินให้พรรคโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย นำโดยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่า การดำเนินการของพรรคต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กรณีที่ออกหนังสือเรียก ส.ส.44 คนของพรรคไปให้ปากคำเพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีกรณีบริจาคเงิน 2 หมื่นบาทให้พรรคโดยไม่จ่ายเป็นเช็คหรือตั๋วแลกเงินนั้น เป็นคดีที่ดำเนินการโดยดีเอสไอนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษในการประชุมวันที่ 10 ต.ค. 55 และมีมติอนุมัติให้การกระทำผิดดังกล่าวเป็นความผิดในคดีพิเศษ โดยอ้างเหตุเกิดจากปี 2550-2555 ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานตามกฎหมาย จึงต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วยแม้ว่าจะมีการมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแทนก็ตาม แต่ก็ยังไม่พ้นความรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่ดี เพราะคดีนี้ไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษที่คณะกรรมการจะรับไว้เพื่อให้ดีเอสไอดำเนินการ

นายชำนิกล่าวด้วยว่า ส.ส.ทั้ง 44 คนเตรียมที่จะทำหนังสือร้องเรียนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้พิจารณาถอนเรื่องดังกล่าวออกจากการเป็นคดีพิเศษเนื่องจากไม่เข้าองค์ประกอบของกฎหมาย และควรปล่อยให้ กกต.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีหน้าที่โดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ โดยพรรคยังเห็นว่าพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีจงใจที่จะใช้อำนาจรัฐผ่านดีเอสไอเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อคุกคามพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากมีการแจ้งข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ขอให้มีการเลื่อนการพิจารณาคดีนี้ออกไปเป็นช่วงปิดสมัยประชุม ซึ่งอธิบดีดีเอสไอก็รับปาก แต่กลับมีการออกหนังสือเรียก ส.ส.44 คนไปให้ปากคำอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยเรียกตน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และนางอัญชลี วานิช เทพบุตร ไปให้ปากคำและเซ็นต์รับรองเอกสารแล้วก็น่าจะเพียงพอต่อการพิจารณาคดี

“ดังนั้น ส.ส.ทั้ง 44 คนจึงเตรียมทำหนังสือขอเลื่อนการให้ปากคำดังกล่าวออกไปจนกว่าจะปิดสมัยประชุม เพื่อให้สอดคล้องกับที่นายอภิสิทธิ์ได้แจ้งไว้กับนายธาริตด้วย ประกอบกับในช่วงเปิดสมัยประชุม ส.ส.มีภารกิจทั้งในสภา และการลงพื้นที่จึงไม่สะดวกที่จะไปให้ปากคำกับดีเอสไอซึ่งต้องใช้ระยะเวลานาน และชัดเจนว่ามีเจตนาที่จะใช้อำนาจรัฐคุกคามคู่แข่งทางการเมือง” นายชำนิกล่าว

นายชำนิอธิบายถึงกรณีพรรคได้หักเงินสมาชิกพรรคที่เป็น ส.ส.และสมาชิกสภาท้องถิ่น รวมถึงผู้บริหารพรรคเพื่อเป็นค่าบำรุงพรรคไม่ใช่เงินบริจาคเป็นรายบุคคลทั่วไปนั้น เป็นการหักค่าตอบแทนจากเงินประจำตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามที่กรรมการบริหารพรรคกำหนดไม่ใช่การบริจาคทั่วไปของสมาชิกพรรคหรือบุคคลภายนอกที่ต้องออกเป็นเช็คหรือตั๋วแลกเงินแต่เป็นเงินค่าบำรุงพรรคแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของพรรค และสมาชิกพรรคถือเป็นความงดงามทางการเมืองเป็นเกียรติภูมิของสมาชิกพรรคที่ให้มีการหักเงินเดือนจากตำแหน่งทางการเมือง แต่กรณีที่ดีเอสไอเอามาเป็นประเด็นคือการบริจาค 2 หมื่นหรือเกินกว่า 2 หมื่นขึ้นไป

“สมาชิกมีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรายงานต่อ กกต.อย่างโปร่งใสตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยไม่เคยถูกท้วงติงว่าเป็นความผิด จึงเห็นว่าการนำเรื่องนี้มาเป็นคดีพิเศษเป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระ ทั้งที่ กกต.ก็ยืนยันว่าไม่มีความผิดแล้ว แต่ดีเอสไอยังยืนยันที่จะดำเนินคดีให้เป็นความผิด ด้วยการเอาเข้าที่ประชุมพิจารณาอนุมัติให้เป็นคดีพิเศษ ภายในสัปดาห์นี้พรรคจะทำหนังสือเรียกร้องไปยังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีให้ถอนคดีนี้ออกจากคดีพิเศษปล่อยให้ กกต.ดำเนินการตามอำนาจที่มีอยู่ เพราะไม่ใช่อำนาจของนายกฯที่จะคุกคามฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของตัวเอง เพราะแม้จะมอบให้ ร.ต.อ.เฉลิมทำหน้าที่แทนแต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของนายกฯโดยตรงตามกฎหมาย ดังนั้นความรับผิดชอบต้องไล่เรียงตามลำดับลงมา” นายชำนิกล่าว