xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.จ่อตั้งกระทู้จี้จุดยืน “ปึ้ง” รักษาดินแดน ซัด ครม.เยียวยาค่าแรง 300 ไม่ตรงจุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
โฆษก ครม.เงา เผยที่ประชุมกังวลสู้คดีพระวิหารจ่อตั้งกระทู้ถาม “สุรพงษ์” จี้จุดยืนรักษาดินแดน ห่วงขึ้นค่าแรง 300 เตือนกระทบย้ายฐานการผลิตไปสู่จังหวัดที่ขนส่งดีกว่า ยันมาตรการเยียวยายังไม่ตรงจุด “สรรเสริญ” ซัดทำเหมือนเล่นขายของ แนะเลิกต่ออายุร้านถูกใจเอางบคืนคลัง

วันนี้ (9 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ครม.เงาพรรคว่า ครม.เงายังกังวลใจเกี่ยวกับท่าทีรัฐบาลในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารด้วย โดยล่าสุดกัมพูชากล่าวหาไทยว่าเป็นผู้ละเมิดอธิปไตยกัมพูชาจนเกิดการปะทะกัน แต่รัฐบาลกลับไม่ชี้แจงใดๆ จึงอยากให้รัฐบาลแสดงท่าทีคัดค้านในเรื่องนี้ เพราะไทยไม่เคยละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา มีแต่ปกป้องสิทธิและอธิปไตยของกัมพูชาจากการที่กัมพูชายิงใส่ประเทศไทยเท่านั้น จึงจะมีการต้งกระทู้สดถามในสภาและเรียกร้องให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการรักษาอธิปไตยของชาติด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อการสู้คดีในศาลโลก

นายอรรถวิชช์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงสามร้อยทั่วประเทศเป็นมาตรการที่ ครม.เงาพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าการขึ้นค่าแรงในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วคือขึ้น 40% ในเดือนเมษายน 2555 โดยปรับเพิ่มในส่วนที่ค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ถึง 300 บาท ทำให้ในปีที่แล้วยังมีสภาพการแข่งขันในแต่ละจังหวัดทำให้ค่าแรงไม่เท่ากันทั้งประเทศ จึงยังมีความได้เปรียบในเรื่องเชิงภูมิศาสตร์เป็นจุดแข็ง เช่น ใกล้แหล่งผลิต แต่เมื่อปรับค่าแรงเท่ากันหมดก็จะสูญเสียจุดแข็งบางส่วน เช่น เรื่องของการขนส่ง จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ พร้อมยกตัวอย่างจังหวัดระยอง ที่ก่อนหน้านี้ค่าแรงอยู่ที่ 264 บาท ปีนี้เป็น 300 บาท เมื่อเทียบกับพะเยาก็ขึ้นจาก 159 เป็น 222 ก่อนจะเป็น 300 บาท เท่ากับต่อไปนี้จะไม่ตั้งโรงงานที่พะเยาแต่จะไปตั้งโรงงานที่มีระบบการขนส่งที่ดีกว่าแทน ซึ่งจะส่งผลต่อการย้ายฐานการผลิตข้ามจังหวัด หรือข้ามประเทศ

นายอรรถวิชช์กล่าวว่า ส่วนมาตรการของ ครม.ทั้ง 17 มาตรการนั้น 6 มาตราใหม่ 11 มาตราการเป็นเรื่องเก่า แต่ทั้งหมดไม่ได้เยียวยาอย่างตรงจุดให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี นอกจากนี้ ครม.เงาขอให้ทบทวนข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรม เพราะเป็นการเยียวยาส่วนต่างที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพราะนโยบาย 300 บาท จึงอยากให้นำมาทบทวนดูอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเอกชน

ด้านนายสรรเสริญ สมะลาภา รมช.คลังเงา ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มาตรการของรัฐบาลไม่ตรงจุดและไม่พอต่อการแก้ปัญหา เพราะมาตรการเก่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุดและไม่ได้ผลรวม 11 มาตรการ ส่วนมาตรการใหม่อีก 6 มาตรการที่เพิ่งออกมานั้นก็ไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแท้จริง มีเพียงสองเรื่องเท่านั้นที่เป็นการชดเชยรายได้ให้ธุรกิจเอสเอ็มอี คือ การนำส่วนต่างค่าแรงมาคูณ 1.5 เท่าเป็นค่าใช้จ่ายในการหักภาษี ซึ่งทอนตัวเลขออกมาแล้วได้นิดเดียว เช่น จ่ายเพิ่ม 100 จะหักภาษีได้ 30 บาทเท่านั้น ส่วนเรื่องที่สองคือการงดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 1.5 แสนต่อปีเป็น 3 แสนต่อปี คำนวณแล้วจะกลับมาถึงภาคธุรกิจเพียง 110 บาทต่อวันทำงานเท่านั้นที่จะนำมาชดเชยค่าจ้างแรงงานที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าส่วนต่างที่ได้รับกลับคืนจากมาตรการของรัฐ จึงถือว่าเปนมาตรการแบบลูบหน้าปะจมูกเหมือนเด็กเล่นขายของ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดและไม่เพียงพอ อีกทั้งเอสเอ็มอีที่จะได้ประโยชน์คือเอสเอ็มอีที่มีกำไรเท่านั้น ส่วนเอสเอ็มอีที่ไม่มีกำไรจะใช้มาตรการรัฐเข้าไปดูแลไม่ได้ เพราะไม่มีเงินไปเสียภาษีอยู่แล้วจึงไม่ได้ประโยชน์จากการชดเชยของรัฐบาลซึ่งก็ต้องเลิกกิจการไป

นายสรรเสริญกล่าวถึงการอนุมัติต่ออายุโครงการร้านถูกใจของ ครม.โดยลำดับเหตุการณ์ว่า เดิมอนุมัติ 6 เดือน ต่ออายุไป 3 เดือน ล่าสุดเพิ่มอีก 3 เดือน เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้ใช้ไม่หมด จึงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเหตุผลที่ไม่เหมาะสม เพราะสาเหตุที่งบใช้ไม่หมดเพราะโครงการไม่เป็นที่นิยมจึงขอให้ทบทวนยกเลิกการต่ออายุเพื่อเอางบที่เหลือคืนคลังกลับสู่ประชาชน ครั้งแรกที่ต่ออายุเหลืองบประมาณกว่าครึ่ง และที่ต่ออีกสามเดือนคิดว่าคงเหลืออีกกว่าครึ่งของงบประมาณจากทั้งหมด 1,300 ล้านบาท ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลชี้แจงด้วยว่าตัวเลขที่ใช้ไปกับโครงการนี้เป็นจำนวนเท่าไหร่แล้ว และมีการประเมินผลด้วยว่าโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น