ระนอง - กองกำลังเทพสตรีจับขบวนการลักลอบนำรถยนต์ออกนอกประเทศ ได้ของกลางรถยนต์ 2 คัน และเรือหางยาว 2 ลำ ผู้ต้องหาชาวไทย 4 คน ผู้ต้องหาชาวพม่าอีกจำนวน 3 คน ขณะกำลังเคลื่อนย้ายรถโดยบรรทุกด้วยเรือหางยาวข้ามแม่น้ำกระบุรี จ.ระนอง
เมื่อเวลา 00.00 น. วันนี้ (29 ต.ค.) พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี จ.ระนอง ได้รับรายงานจาก พ.ต.ธนพันธ์ ศุภประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการด้านการข่าวว่าสามารถจับกุมเรือหางยาว ขณะกำลังบรรทุกรถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน ข้ามประเทศกลางแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า พร้อมผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 4 คน และชาวพม่าอีกจำนวน 3 คน
หลังรับแจ้ง ได้ลงเรือเร็วพร้อมด้วยชุดสืบสวน และปราบปรามกรมศุลกากร เข้าตรวจสอบกลางลำน้ำกระบุรี พบเรือหางยาวจำนวน 2 ลำ ผูกมัดด้วยเชือก และไม้กระดานแผ่นเข้าด้วยกัน ด้านบนบรรทุกรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน น้ำหนักรวมกันเกือบสามตันอยู่บนเรือหางยาว ตรวจสอบรถคันแรกเป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อฟอร์ด สีบรอนซ์เงิน ติดสติกเกอร์ไทเกอร์อยู่ท้ายกระบะ หมายเลขทะเบียน บน 3563 ชุมพร และรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สี่ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน สร 6854 กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 4 คน ชาวพม่าอีกจำนวน 3 คน รวม 7 คน
สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ประกอบด้วย 1.นายพัฒนศักดิ์ พวงอินทร์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง รับเป็นคนขับเรือ 2.นายธีระศักดิ์ พวงอินทร์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง 3.นาย สุนทร พวงอินทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง 4.นายชัยเดช ชัยรัตน์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 ม.2 ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง จ.ระนอง 5.นายโชข่าย ชาวพม่า อายุ 24 ปี อยู่บ้านมะลิวัลย์ จ.เกาะสอง 6.นายซู ชาวพม่า อายุ 28 ปี อยู่บ้านมะลิวัลย์ จ.เกาะสอง และ 7.นายซอนาย ชิด ชาวพม่า อายุ 32 ปี ชาวเมาะละมัย
จากการสอบถามนายพัฒนศักดิ์ พวงอินทร์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นเพียงผู้ขับเรือรับจ้างไปส่งยังปากคลองมะลิวัลย์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตำบลทรายแดง อำเภอเมืองระนอง ได้ค่าจ้างเป็นเงินคันละ 3,000 บาท จึงชักชวนน้องและหลานช่วยกันนำรถบรรทุกเรือหางยาว ในขณะช่วงน้ำทะเลขึ้น ส่วนชาวพม่าลูกจ้างจะได้ค่าแรงคนละ 500 บาท
นายซอนาย ชิด ชาวพม่า เมืองเมาะละมัย อายุ 32 ปี รับสารภาพว่ารถยนต์ฟอร์ดเป็นของตน โดยตนเป็นลูกจ้างกรีดยางอยู่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร และได้ดาวน์รถมาในราคา 70,000 บาท ผ่อนรายเดือนๆ ละ 6,200 บาท จำนวน 1 ปี เพื่อที่จะส่งไปใช้ที่เมืองมะลิวัลย์ บ้านภรรยา เสียค่าใช้จ่ายในการส่งข้ามประเทศคันละ 20,000 บาท โดยที่ตนไม่ทราบว่าผิดกฎหมายเพราะรถยนต์ซื้อมาอย่างถูกต้อง
พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาทราบว่าทางจังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่า จะเปิดรับการจดทะเบียนรถยนต์ในช่วงต้นมกราคมปีหน้า ดังนั้น ทำให้ขณะนี้จึงมีคำสั่งซื้อจากฝั่งประเทศพม่าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับห้วงที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า มีการลักลอบนำรถยนต์ส่งไปประเทศพม่าผ่านทางบ้านมะลิวัลย์เป็นจำนวนมาก
ในส่วนของกองกำลังเทพสตรี ได้ส่งกำลังมาซุ่มเฝ้าทางบก แต่ขบวนการที่ลักลอบนำรถยนต์ออกนอกประเทศทราบการเคลื่อนไหวของเราตลอด ทำให้ยากต่อการจับกุม คลาดแคล้วไปหลายครั้ง สำหรับคืนนี้นับว่าโชคดีที่สามารถจับกุมได้ จุดลงเรือคือพื้นที่ตำบลทรายแดง ซึ่งได้ส่งชุดปฏิบัติการด้านการข่าวเข้ามาลาดตระเวนทางน้ำ และสามารถจับกุมได้ทันท่วงที ในส่วนของจังหวัดระนองบริเวณแนวพรมแดนไทย-พม่าที่มีแม่น้ำกระบุรีกั้นจาก อ.กระบุรี ถึง อ.เมืองระนอง ระยะทางยาวประมาณ 64 กม. ทำให้การลักลอบสามารถทำได้ง่ายตลอดแนวพรมแดน
ขณะที่นายปานเทพ ช่วงสมบูรณ์ หัวหน้าชุดสืบสวนปราบปรามระนอง กรมศุลกากร กล่าวว่า ในการร่วมจับกุมครั้งนี้ได้จับตามมาตรา 27 และ 27 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากรฉบับที่ 9 พ.ศ.2482 คือ ยึดของกลางพาหนะรถยนต์ที่นำพาออกนอกประเทศ โดยจะมีการตรวจสอบรถยนต์ไปยังหกหน่วยงาน และทำบันทึกส่งด่านศุลกากรระนอง ส่วนผู้ต้องหาชาวไทยจะส่ง สภ.เมืองระนองดำเนินคดี และชาวพม่า ซึ่งเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนองมารับตัวเพื่อไปทำประวัติ ก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 00.00 น. วันนี้ (29 ต.ค.) พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี จ.ระนอง ได้รับรายงานจาก พ.ต.ธนพันธ์ ศุภประเสริฐ หัวหน้าชุดปฏิบัติการด้านการข่าวว่าสามารถจับกุมเรือหางยาว ขณะกำลังบรรทุกรถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน ข้ามประเทศกลางแม่น้ำกระบุรี ซึ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า พร้อมผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 4 คน และชาวพม่าอีกจำนวน 3 คน
หลังรับแจ้ง ได้ลงเรือเร็วพร้อมด้วยชุดสืบสวน และปราบปรามกรมศุลกากร เข้าตรวจสอบกลางลำน้ำกระบุรี พบเรือหางยาวจำนวน 2 ลำ ผูกมัดด้วยเชือก และไม้กระดานแผ่นเข้าด้วยกัน ด้านบนบรรทุกรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน น้ำหนักรวมกันเกือบสามตันอยู่บนเรือหางยาว ตรวจสอบรถคันแรกเป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อฟอร์ด สีบรอนซ์เงิน ติดสติกเกอร์ไทเกอร์อยู่ท้ายกระบะ หมายเลขทะเบียน บน 3563 ชุมพร และรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สี่ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน สร 6854 กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ต้องหาชาวไทยจำนวน 4 คน ชาวพม่าอีกจำนวน 3 คน รวม 7 คน
สำหรับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ประกอบด้วย 1.นายพัฒนศักดิ์ พวงอินทร์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง รับเป็นคนขับเรือ 2.นายธีระศักดิ์ พวงอินทร์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง 3.นาย สุนทร พวงอินทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 158/2 ม.4 ต.บางแก้ว อ.ละอุ่น จ.ระนอง 4.นายชัยเดช ชัยรัตน์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 ม.2 ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง จ.ระนอง 5.นายโชข่าย ชาวพม่า อายุ 24 ปี อยู่บ้านมะลิวัลย์ จ.เกาะสอง 6.นายซู ชาวพม่า อายุ 28 ปี อยู่บ้านมะลิวัลย์ จ.เกาะสอง และ 7.นายซอนาย ชิด ชาวพม่า อายุ 32 ปี ชาวเมาะละมัย
จากการสอบถามนายพัฒนศักดิ์ พวงอินทร์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นเพียงผู้ขับเรือรับจ้างไปส่งยังปากคลองมะลิวัลย์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตำบลทรายแดง อำเภอเมืองระนอง ได้ค่าจ้างเป็นเงินคันละ 3,000 บาท จึงชักชวนน้องและหลานช่วยกันนำรถบรรทุกเรือหางยาว ในขณะช่วงน้ำทะเลขึ้น ส่วนชาวพม่าลูกจ้างจะได้ค่าแรงคนละ 500 บาท
นายซอนาย ชิด ชาวพม่า เมืองเมาะละมัย อายุ 32 ปี รับสารภาพว่ารถยนต์ฟอร์ดเป็นของตน โดยตนเป็นลูกจ้างกรีดยางอยู่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร และได้ดาวน์รถมาในราคา 70,000 บาท ผ่อนรายเดือนๆ ละ 6,200 บาท จำนวน 1 ปี เพื่อที่จะส่งไปใช้ที่เมืองมะลิวัลย์ บ้านภรรยา เสียค่าใช้จ่ายในการส่งข้ามประเทศคันละ 20,000 บาท โดยที่ตนไม่ทราบว่าผิดกฎหมายเพราะรถยนต์ซื้อมาอย่างถูกต้อง
พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร.25) กองกำลังเทพสตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาทราบว่าทางจังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่า จะเปิดรับการจดทะเบียนรถยนต์ในช่วงต้นมกราคมปีหน้า ดังนั้น ทำให้ขณะนี้จึงมีคำสั่งซื้อจากฝั่งประเทศพม่าเป็นจำนวนมาก ประกอบกับห้วงที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า มีการลักลอบนำรถยนต์ส่งไปประเทศพม่าผ่านทางบ้านมะลิวัลย์เป็นจำนวนมาก
ในส่วนของกองกำลังเทพสตรี ได้ส่งกำลังมาซุ่มเฝ้าทางบก แต่ขบวนการที่ลักลอบนำรถยนต์ออกนอกประเทศทราบการเคลื่อนไหวของเราตลอด ทำให้ยากต่อการจับกุม คลาดแคล้วไปหลายครั้ง สำหรับคืนนี้นับว่าโชคดีที่สามารถจับกุมได้ จุดลงเรือคือพื้นที่ตำบลทรายแดง ซึ่งได้ส่งชุดปฏิบัติการด้านการข่าวเข้ามาลาดตระเวนทางน้ำ และสามารถจับกุมได้ทันท่วงที ในส่วนของจังหวัดระนองบริเวณแนวพรมแดนไทย-พม่าที่มีแม่น้ำกระบุรีกั้นจาก อ.กระบุรี ถึง อ.เมืองระนอง ระยะทางยาวประมาณ 64 กม. ทำให้การลักลอบสามารถทำได้ง่ายตลอดแนวพรมแดน
ขณะที่นายปานเทพ ช่วงสมบูรณ์ หัวหน้าชุดสืบสวนปราบปรามระนอง กรมศุลกากร กล่าวว่า ในการร่วมจับกุมครั้งนี้ได้จับตามมาตรา 27 และ 27 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติ ศุลกากรฉบับที่ 9 พ.ศ.2482 คือ ยึดของกลางพาหนะรถยนต์ที่นำพาออกนอกประเทศ โดยจะมีการตรวจสอบรถยนต์ไปยังหกหน่วยงาน และทำบันทึกส่งด่านศุลกากรระนอง ส่วนผู้ต้องหาชาวไทยจะส่ง สภ.เมืองระนองดำเนินคดี และชาวพม่า ซึ่งเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนองมารับตัวเพื่อไปทำประวัติ ก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป