“เป็ดเหลิม” นำ ผบ.ตร.ถก “อาศิส” แก้ปัญหาชายแดนใต้ พร้อมเชิญออกช่องมลายู แจงแทน รบ.ยึดสันติ-เจรจา ดับไฟใต้ แย้มพบทูตมาเลย์ในไทยเย็นนี้ เผยเล็งถกผู้ใหญ่เพื่อนบ้านเรื่องใบอนุญาตทำงานร้านอาหารไทย คุย จนท.โยงต้นตอคนทำงาน ตปท.ส่งงบหนุนโจรใต้ ยันต้องแก้จากนอกมาในประเทศ ปัดจุ้นกองทัพ ไร้ขัดแย้ง อ้างคุมแค่ ตร.ฝ่ายปกครอง ฟุ้งกลับจากมาเลย์จ่อลงใต้
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่สำนักจุฬาราชมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์และแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เดินทางเข้าพบนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เพื่อหารือถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ดาโต๊ะนาซีเราะห์ ฮุสเซ็น เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ทำเนียบรัฐบาล และร.ต.อ.เฉลิมจะนำคณะเดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 8-10 ม.ค.นี้
โดย ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบหารือกับนายอาศิสว่า ตนในฐานะที่ได้รับมอบจากรัฐบาลให้ดูแลปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้มากราบขอความกรุณาจากจุฬาราชมนตรี เพื่อให้ได้บันทึกเทปออกทางสถานีโทรทัศน์ช่องใหม่ที่เป็นภาษามลายู โดยตนได้ขอความกรุณาไปว่าตนคิดอย่างไรต่อปัญหาในพื้นที่ และให้จุฬาราชมนตรีได้เล่าเรื่องให้คนมุสลิมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทราบว่า แนวคิดของตนยึดสันติวิธีและใช้การเจรจา
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนได้เรียนไปว่าคดีความถ้าเป็นหมายจับ ป.วิอาญานั้นแก้ไขลำบาก เพราะมีผู้เสียหาย แต่ถ้าเป็นความผิดตามพระราชกำหนดหรืออื่นๆ นั้นตนจะช่วยดำเนินการแก้ไข และตนได้เรียนว่าตนจะเดินทางไปมาเลเซีย ตามที่มีผู้ใหญ่ที่มาเลเซียอนุญาตให้ตนเข้าพบเพื่อเจรจาในหลายๆ เรื่อง เช่น เรื่องใบอนุญาตทำงาน หรือใบเวิร์กเปอร์มิตมีปัญหา ร้านอาหารไทยที่ไปประกอบธุรกิจที่นับพันร้านแต่มีคนขึ้นทะเบียนเพียง 8,000-9,000 คน ซึ่งจะไปหารือกับทั้งทูต ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ระดับสูง นอกจากนี้ ตนได้หารือกับอธิบดีกรมการจัดหางานแล้วกรณีที่คนในพื้นที่ภาคใต้เมื่อเรียนจบแล้วต้องการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศเพื่อให้มีงานทำ มีเงินเข้าประเทศ และเมื่อมีเงินใช้ก็จะได้ทราบว่าใครจะมาปลุกระดมให้ทำในสิ่งไม่ดีไม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า และเมื่อจุฬาราชมนตรีได้ออกรายการทางทีวีแล้วสื่อสารไปยังพื้นที่แล้วตนก็จะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งนี่คือวิธีการทำงานของตน ที่ตนยืนยันว่าต้องแก้ไขจากข้างนอกประเทศมาแก้ไขในประเทศ ส่วนเรื่องอำนาจตามยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีของกองทัพนั้นตนไม่เกี่ยวข้องเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จของกองทัพ แต่ตนจะเกี่ยวข้องเฉพาะในส่วนของฝ่ายปกครองและตำรวจ ยืนยันไม่มีความขัดแย้ง เพราะนี่คือการร่วมกันทำงาน รองนายกฯ กล่าวว่า ประเด็นที่จุฬาราชมนตรีแนะนำ เสนอแนะกับตนนั้นถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการทำงานเป็นอย่างมาก ตนจะนำมาเป็นแนวทางการทำงาน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกรณีที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 50 ประกาศชุมนุมใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลหลังบริหารบ้านเมืองผิดพลาดว่า คงไม่สั่นคลอนรัฐบาล เพราะรัฐบาลเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กไม่สั่นคลอนง่ายๆ
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางดาโต๊ะนาซีเราะห์ ฮุสเซ็น เอกอัครราชทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ร.ต.อ.เฉลิม โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวภายหลังการหารือเสร็จสิ้นว่า ในวันที่ 8-10 ม.ค.ตนพร้อมด้วยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหาบก รองเสธนาธิการทหารบก พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย
โดยวันที่ 9 ม.ค.จะมีการหารือร่วมกับรมว.มหาดไทยและคณะ รวมถึงพบกับผู้ประกอบการร้านต้มยำกุ้งในมาเลเซีย ส่วนวันที่ 10 ม.ค.จะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จากนั้นในเวลา 15.00 น.เข้าพบนายนาจิบ อับดุล ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการหารือ แต่การหารือครั้งนี้ทำให้สถานการณ์พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น และภายหลังกลับจากมาเลเซีย ตนจะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ 1-2 วัน จากนั้นจะลงพื้นที่ภาคใต้ ส่วนกำหนดการขอไม่บอก เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครบอกกัน