สมาชิกวุฒิสภาประชุมเลือกซูเปอร์บอร์ด กสทช. ไม่ลงตัวสุดท้ายลงมติเลื่อนการโหวต รอผลวินิจฉัยศาลปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา วันนี้ (7 ม.ค.) มีการพิจารณาเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ตาม พ.ร.บ.กสทช. หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช.ได้ตรวจสอบแล้วเสร็จ โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม
โดยก่อนการเข้าสู่การพิจารณาและนำเสนอรายงานของกรรมาธิการฯ นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา หารือการคัดเลือกบุคคลดังกล่าวต้องให้เป็นไปตามมาตรา 70 วรรคสอง ว่าด้วย พ.ร.บ.กสทช. ที่ระบุชัดเจนว่า การคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินงาน กสทช.ในรอบสุดท้าย ต้องมีผู้สมัครครบทั้ง 5 ด้าน แต่ขณะนี้มีการเสนอรายชื่อให้เลือกเพียง 4 ด้านเท่านั้น ส่วนด้านคุ้มครองผู้บริโภคนั้นยังไม่ได้มีการเสนอชื่อ เพราะศาลปกครองได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหมายหรือคำสั่งทางปกครอง ตามที่นายวุฒิพร เดี่ยวพานิช ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช.ยื่นฟ้องคดี
นายอนุรักษ์กล่าวว่า หากวุฒิสภามีการเดินหน้าเลือกบุคคลดังกล่าวในวันนี้ (7 ม.ค.) จะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น การนำไปสู่การตีความตามกฎหมาย กสทช.มาตรา 70, การเข้าสู่ตำแหน่งและการดำรงวาระในตำแหน่งของกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช., การจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงการเริ่มปฏิบัติหน้าที่ เพราะตามกฎหมายกำหนดว่าให้เริ่มปฏิบัติหน้าที่เมื่อมีกรรมการครบจำนวน 5 คนหรือครบทุกด้าน ดังนั้นตนขอเสนอญัตติให้เลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวออกไปจนกว่าที่ศาลปกครองจะมีคำวินิจิฉัย
ทั้งนี้ ได้มี ส.ว.อภิปรายสนับสนุนนายอนุรักษ์และเห็นด้วยต่อการเลื่อนการลงมติเลือกบุคคลดังกล่าวออกไป และมี ส.ว.ที่อภิปรายให้เดินหน้า เนื่องจากว่าตามระเบียบวุฒิสภา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการคัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช.ข้อ 16 ระบุว่า ให้วุฒิสภาลงคะแนนเลือกภายใน 30 วันหลังจากที่ประธานวุฒิสภาได้รับรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือกฯ ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก ในท้ายสุดนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ซึ่งขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้ขอให้ใช้เสียงในที่ประชุมวุฒิสภาลงมติตัดสิน
โดย พ.ต.ท.จิตต์ ศีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ส.ว.มุกดาหาร เสนอญัตติให้เดินหน้าเลือกบุคคลที่สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช. ตามที่บรรจุในระเบียบวาระ และนายอนุรักษ์เสนอญัตติให้เลื่อนระเบียบวาระ โดยผลปรากฏว่าที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วยต่อญัตติให้เลื่อนระเบียบวาระออกไปจนกว่าศาลปกครองจะมีคำวินิจฉัย ด้วยคะแนน 68 เสียง ต่อ 51 เสียง ทั้งนี้มีผู้งดออกเสียง 13 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปราย นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะอดีตกรรมการเพื่อทำหน้าที่จัดทำบัญชีรายชื่อและตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช. อภิปรายต่อที่ประชุมว่า ตนเชื่อว่าวุฒิสภาจะเป็นผู้ชนะคดี ตามที่นายวุฒิพร เดี่ยวพาณิชย์ ยื่นฟ้องคดีแน่นอน เพราะการตรวจสอบของกรรมการพบเอกสารและบัญชีการเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงการทำธุระกิจของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายวุฒิพรมีตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งประเด็นการทำธุรกิจดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายขัดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช.