“ประยุทธ์” ระบุทหารดูแลพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารตามกรอบกติกากฎหมาย และแผนที่ที่ไทยมีอยู่ วอนอย่าโยงเป็นเรื่องการเมือง ปัดทำความเข้าใจกับมวลชนที่จะออกมาเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันไม่ยืนที่จะดูแลไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางทะเล เพราะไม่ใช่หน้าที่ ด้าน เสธ.ทบ.เผยความสัมพันธ์ทหารชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มีปัญหา ทุกอย่างเดินตามกรอบที่ตกลงกันไว้ มั่นใจออกมาในรูปแบบที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารที่ศาลโลกเตรียมอ่านคำพิพากษาว่า รัฐบาลกระทรวงการต่างประเทศ และทหาร ต่างก็ทำหน้าที่ตนเอง โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ไม่ใช่ไม่มีใครไม่ทำ แต่อย่าทำให้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนการทำความเข้าใจกับกลุ่มมวลชนที่จะออกมาเคลื่อนไหวนั้นไม่ใช่หน้าที่ของทหาร เพราะทหารทำหน้าที่ของตนเองในการดูแลพื้นที่ ซึ่งตนมีหลักการในการดูแลตามกติกา หน้าที่ กฎหมายและขอบเขตแผนที่ที่เรามีอยู่
ส่วนจะให้คำยืนยันได้หรือไม่ว่ากองทัพจะเป็นหลักในการดูแลไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางทะเลตามที่มีข่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพและไม่ใช่หน้าที่ของตนที่จะออกมายืนยัน ทั้งนี้หน้าที่ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของ 1. ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ดำเนินการอะไร และ 2. ฝ่ายความมั่งคงมีหน้าที่ดำเนินการอะไร ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาคือเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและกติกาที่มีอยู่ ตนคงจะไม่พูดว่าจะเอื้อประโยชน์อะไรให้กับใคร ซึ่งไม่ได้เป็นการปกป้องและไม่ได้ปัดความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น วันนี้ลูกน้องของตนก็เสี่ยงชีวิตยืนหยัดอยู่ตลอดแนวชายแดน ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็มีทหารอยู่เสมอ และขณะนี้ก็มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนมาช่วยกันดูแล
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถประเมินสถานการณ์ได้หรือไม่ว่าขณะนี้มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่มีการประเมิน ส่วนการเตรียมพร้อมดูแลอธิปไตยนั้นการปฏิบัติการของทุกกองกำลังมีอยู่แล้วทุกพื้นที่ มีพื้นที่หลายพื้นที่ที่ไม่ชัดเจนเรื่องตามกติกาของเจบีซี แต่ก็มีการพูดคุยกันมาตลอด ซึ่งไม่มีการขัดแย้ง ทุกพื้นที่มีการเตรียมการทั้งเรื่องการใช้กำลัง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และการจัดตั้งหมู่บ้านคู่ขนานตามแนวชายแดน เป็นสิ่งที่เราต้องการลดปัญหาบริเวณชายแดน
ต่อข้อถามว่า เพื่อไม่ให้เกิดความตรึงเครียดจะมีการหารือกับทางกัมพูชาหรือไม่ ว่าระหว่างนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ควรเสริมกำลัง เพราะขณะนี้มีรายงานว่าทางกัมพูชามีการนำกำลังมาไว้ด้านหลัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเป็นทหารต้องพร้อมเสมอว่าตรงไหนอย่างไร ของเราก็มีแผนของเรา ของเขาก็มีแผนของเขา แต่ละประเทศก็มีแผนของตนเอง แต่เราไม่ได้มีเพื่อรบกัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์ ตนถามว่าจะรบกันทำไม เป็นแค่การเตรียมความพร้อมของตนเองเท่านั้น เหมือนกันทุกพื้นที่อย่าไปยกประเด็นจนเกิดความวุ่นวายในขณะนี้ และอย่าไปมองว่าเป็นเรื่องการของท้าทาย มันเป็นหน้าที่ประเทศเขาก็ทำประเทศเขา ประเทศเราก็ทำประเทศเรา ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน อย่านำมาพันกัน
ส่วนที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติรักแผ่นดินนัดเคลื่อนไหวในวันที่ 21 ม.ค.นี้นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าเคลื่อนไหวได้ เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้าต้องการประชาธิปไตยก็ทำไป ทุกเรื่องก็เห็นเดินขบวนกันทุกเรื่อง ก็เดินขบวนกันต่อไป
ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ รักแผ่นดินนัดชุมนุม ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ เพื่อคัดค้านคำตัดสินของศาลโลก จะทำให้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียดขึ้นหรือไม่นั้นว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ชายแดนค่อนข้างดีไม่มีปัญหา ส่วนความคิดเห็นบางจุดที่ยังไม่เข้าใจก็ต้องทำความเข้าใจมากขึ้น ในข้อมูลหลักฐานต่างๆ เราก็ต้องมีการรวบรวม เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อศาลโลกช่วง เม.ย.นี้ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับสูง ทั้งรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนทหารก็รักษาความสัมพันธ์อันดีในระดับพื้นที่มาด้วยดีและมีการตกลงอย่างสันติวิธี ซึ่งไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร ดังนั้นคงต้องรอฟังข้อมูล และเหตุผลต่อไปว่าทั้งสองประเทศจะพูดจาด้วยเหตุผลอะไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ลงเอยในทางที่ดี
“ทางทหารในขณะนี้ไม่มีความกังวลอะไร แผนการปฏิบัติต่างๆ เป็นไปตามขั้นตอนที่ได้ตกลงกันไว้ เราไม่เคยละเมิดสิ่งต่างๆ ที่กำหนดมา เราเดินตามกรอบนั้น ซึ่งยังมั่นใจว่าจะออกมาในรูปแบบที่ดี”