xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ชี้ “ปู-ปึ้ง” ไร้จุดยืนรักษาอธิปไตย-ซัดถอด “เหนือเมฆ 2” แค่เลียนายใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“องอาจ” ตอก “สุรพงษ์” หลุดปากให้เขมรชนะคดีพระวิหาร ส่อสันดาน รบ.ไม่รักษาสมบัติชาติ ย้อน 1 ปีผ่านไม่ทำอะไร ดักอย่าโยนบาป ปชป. ย้ำยึดผลประโยชน์ อย่าฟ้อง ปชช.ให้รกศาล-ย้อนโฆษก รบ.ไร้สาระ เหนือเมฆ 2 ถูกปลดไม่เกี่ยวเรตติ้ง ซัดเชลียร์นายใหญ่คุกคามไปทั่ว ชี้ละครปราบโกงสมควรหนุน ยันอ้างกระทบความมั่นคงฟังไม่ขึ้น จี้ กสทช.สอบให้กระจ่าง “ติ่ง” ยก ปชช.ร้องให้ฉาย เย้ยการเมืองไม่จุ้นจริงต้องฉายต่อ ถามบิ๊กช่อง 3 บินฮ่องกงมีคนขอให้ทำหรือไม่

วันนี้ (6 ม.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ระบุว่าการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลกว่าไทยมีแต่เสมอตัวหรือแพ้ว่า เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่ายอมจำนนแม้ในอีก 2-3 ต่อมาหลังถูกวิจารณ์จะมีการแก้ข่าวว่าจะต่อสู้อย่างเต็มที่และนำทีมไปต่อสู้คดีด้วยตัวเอง แต่ก็สะท้อนพฤติการณ์ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศแล้วว่าไม่มีจุดยืนและแนวทางที่ชัดเจนในการต่อสู้เพื่อรักษาอธิปไตยของชาติ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงไปมาตลอด

ทั้งที่รัฐบาลมีเวลาเตรียมตัวใช้ข้อมูลทรัพยากร ระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนมาทุ่มเทในการต่อสู้คดีกว่า 1 ปีเศษที่ผ่านมา แต่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย ส่วนที่มีการระบุว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันใช้ทนายความชุดเดิมที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ใช้โดยเปลี่ยนเฉพาะตัวรัฐมนตรีเท่านั้นส่อให้เห็นถึงเจตนาพยายามที่จะเบี่ยงเบนหรือไม่รับผิดชอบ ด้วยการกล่าวโทษมายังรัฐบาลที่แล้วหากศาลตัดสินว่าไทยแพ้ใช่หรือไม่

“ที่นายสุรพงษ์เปลี่ยนท่าทีว่าจะเป็นตัวแทนรัฐบาลเป็นผู้นำต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ภารกิจไม่ใช่ไปจ้องหน้าให้นายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศของกัมพูชาเสียสมาธิ แต่ต้องเป็นผู้นำในการวางแผนเพื่อต่อสู้คดีให้นำไปสู่ชัยชนะ และสิ่งที่เกิดประโยชนต่อประเทศไทย ส่วนที่ขู่ว่าจะฟ้องร้องนั้นคิดว่าควรเอาเวลาไปสู้ในศาลโลกเพื่อให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนไทยมีความสุขดีกว่าฟ้องคนที่ออกมาตรวจสอบให้รกศาลไทย” นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวต่อถึงกรณีละครเหนือเมฆ 2 โดยโฆษกรัฐบาลอ้างว่า การถอดละครดังกล่าวเป็นการเรียกเรตติ้งนั้น เป็นความเห็นที่ไร้สาระและแสดงความไม่รู้เรื่อง จึงควรอยู่เฉยๆ จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลมากกว่า เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรตติ้งแต่เป็นการถอดละครเพราะมีการสั่งการเพราะเนื้อหาละครทำให้รัฐบาลเรตติ้่งตก โดยคิดว่าเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจสนองเจ้านายจนลืมคิดถึงผลกระทบ ซึ่งถือเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน คนทำละครและละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ดูละครทั่วประเทศด้วย เพราะละครดังกล่าวสะท้อนพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองที่เป็นวิกฤตสังคมไทย แทนที่รัฐบาลจะคิดในเรื่องการถอดละครควรสนับสนุนละครที่สะท้อนสังคมที่ดูสนุกสนานมากๆ เพื่อช่วยป้องกันปราบปรามการทุจริตได้ แต่ปรากฏว่ารัฐบาลกลับทำตรงกันข้ามด้วยการถอดละครเรื่องนี้

ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับ กสทช.ที่อ้างว่า ช่อง 3 ให้เหตุผลการงดออกอากาศละครดังกล่าวว่า ขัด พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการวิทยุโทรทัศน์ปี 2551 มาตรา 37 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ฯลฯ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น แต่ก็เห็นใจช่อง 3 ที่ไม่มีทางเลือกมากนักในกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้อยากให้ กสทช.นำเนื้อหาของละครมาพิจารณาว่ามีเนื้อหากระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ล้มล้างการปกครองอย่างไร โดยนำเนื้อหาทั้งหมดมาเปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยเพื่อให้เห็นว่าข้ออ้างในการถอดละครเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ ทั้งนี้เห็นชัดว่าบ้านเมืองมีอธรรมชั่วร้ายปกครองอยู่เหนือเมฆทำให้เกิดการถอดละครดังกล่าวออก จึงหวังให้ กสทช.เป็นผู้ตรวจสอบในฐานะเป็นองค์กรอิสระ เพื่อสร้างบรรทัดฐานไม่ให้เกิดการแทรกแซงในลักษณะนี้อีก

น.ส.มัลลิกากล่าวถึงความเคลื่อนไหวบนโซเชียลเน็ตเวิร์กเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรตระหนักและฟังเสียงประชาชนเพราะมีความเคลื่อนไหว 100% ไม่เห็นด้วยกับการถอดละครต้องการให้นำกลับมาฉายใหม่ รวมทั้งให้ผู้บริหารช่อง 3 ชี้แจงเรื่องนี้ ขณะเดียวกันศิลปินก็มีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ชัดเจนว่าถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง จนไม่มีละครตอนจบเกิดกระแสด่ารัฐบาล ดังนั้นหากไม่มีการแทรกแซง กดดันกับช่อง 3 ก็ควรเรียกร้องให้ผู้บริหารช่อง 3 นำละครเรื่องนี้มาออนแอร์ซ้ำ เพราะเป็นเรื่องที่สื่อมวลชนกำลังถูกท้าทายอย่างยิ่งยวด เนื่องจากก้าวล่วงไปถึงละคร และจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พร้อมกับตั้งคำถามว่าการถอดละครดังกล่าวเป็นเพราะมีผู้บริหารเดินทางไปฮ่องกงที่ช่วงปีใหม่ไปพบใครหรือไม่ จึงทำให้ถูกแรงกดดันจนต้องถอดละครเรื่องนี้ออก และทราบมาว่าจะมีการเคลื่อนไหวจากเหล่าศิลปินรวมถึงผู้เขียนบทกว่า 100 คนที่จะเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสาธารณะ



กำลังโหลดความคิดเห็น