รองโฆษก ปชป.เรียกร้อง “นายกฯยิ่งลักษณ์” จับเข่าพูดคุยคนในตระกูล เครือญาติ พวกพ้อง เครือข่ายในพรรค หยุดวงจรอุบาทว์ การคอร์รัปชัน เดินหน้าปราบโกง ติดตามผลทุก 3 เดือน ทำจำนำข้าวเป็นคดีตัวอย่าง
วันนี้ (15 ธ.ค.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จากรายงานผลการจัดอันดับขององค์กรความโปร่งใสระหว่างประเทศ (ทีไอ) เกี่ยวกับสถานการณ์การคอร์รัปชันประจำปี 2555 ที่เป็นการจัดอันดับปัญหาการคอร์รัปชันใน 176 ประเทศทั่วโลก และปรากฏว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่อันดับ 88 ร่วมกับ กรีซ โคลอมเบีย เอลซัลวาดอร์ โมร็อกโก และ เปรู โดยมีคะแนนความโปร่งใสเพียง 37 คะแนนจาก 100 คะแนน
ทั้งที่ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 80 เท่านั้น แม้ว่ารัฐบาลจะแถลงนโยบายเร่งด่วนต่อรัฐสภา กำหนดให้เรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง และมอบหมายในการประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและแผนบริหารราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2555 แต่ในทางปฏิบัติกลับตรงกันข้าม เพราะมีข่าวคนในเครือข่ายรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทุจริต
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐ ตระหนักถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันหยุดวงจรอุบาทว์นี้ และอยากให้นายกรัฐมนตรี อธิบายต่อสังคมว่า ทำไม 1 ปี จึงนำพาประเทศชาติกลับมาวังวนวงจรอุบาทว์ของการทุจริต นายกรัฐมนตรีต้องกำหนดให้เรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจังเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สุด ควรเป็นประธานมอบหมายในการประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามงานทุกระยะ 1-3 เดือน โดยควรให้มีการตรวจสอบคดีโกงจำนำข้าว เป็นคดีตัวอย่าง
“ที่สำคัญ นายกฯควรหยุดและส่องกระจกมองดูตัวเอง ส่องไปให้ถึงเครือข่ายของตัวเองในพรรค ในเครือญาติ ในพวก ในเพื่อนสนิท ประชุมร่วมกับครอบครัวเครือข่ายตระกูลชินวัตรหามติแล้วก้าวออกจากบ้านมาทำงานอย่างมั่นใจพร้อมพูดไปเลยว่าเป็นใครก็ไม่เว้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จะนามสกุลอะไรก็อย่าละเว้น หากเกี่ยวข้องกับการทุจริต ขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการเข็ดขาดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล”