โฆษก พท.โชว์แถแทนนายใหญ่ หลังกลุ่มกรีนยื่น ป.ป.ช.ฟัน “ศันสนีย์” และผู้เกี่ยวข้อง ปล่อย “นช.แม้ว” ออกจอหลอน ปชช. เชื่อแค่หวังผลการเมือง ชี้เรื่องเล็ก ไล่สอบทุจริตให้เป็นประโยชน์ ปชช. อ้างนายใหญ่ใช้สิทธิปกติ รบ.ปัดแทรกแซงสื่อตัวเอง-ส่วนคดี 2 แกนนำ ปชป.โดนข้อหาฆ่าแดงดันบอกไม่ใช่เรื่องการเมือง อ้างดูข้อเท็จจริง ตีกินคำ หน.ปชป.ออกบีบีซี รับใช้กระสุนจริงปราบแดง มัดตัวต้องลงโทษ ชี้เป็นคดีตัวอย่างผู้นำประเทศ เย้ย “อภิสิทธิ์” จบอนาคตทางการเมือง
วันนี้ (12 ธ.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มกรีนยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินการไต่สวนชี้มูลความผิด และดำเนินคดีอาญาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการ สทท.ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายการเจตนาและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ภายหลังปล่อยให้มีการแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานการแข่งขันมวยรายการมวยไทยวอร์ริเออร์ส เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (สทท.) ว่า น่าจะเป็นแค่เกมการเมือง เพราะสังคมรู้ดีอยู่แล้วว่ากลุ่มกรีนนั้นอยู่ตรงข้ามรัฐบาลชุดนี้และ พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด
ทั้งนี้ การยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช.นั้นสามารถทำได้ แต่ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นสามารถชี้แจงได้ เพราะเรื่องนี้เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ รัฐบาลไม่ได้ไปแทรกแซงช่อง 11 ให้ใครได้ออกอากาศทั้งสิ้นแม้ว่าช่อง 11 จะเป็นสื่อของรัฐก็ตาม แต่เป็นเรื่องของเอกชนที่มาเช่าเวลาออกอากาศ ส่วนการที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวเปิดงานนั้นก็ไม่ได้พูดเรื่องอะไรที่เสียหาย เป็นเพียงการพูดเพื่อแสดงความจงรักภักดีและเรื่องของการกีฬาเท่านั้น ถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพธรรมดาตามกรอบของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นกลุ่มกรีนจึงไม่ควรเอาเรื่องหยุมหยิมมาเป็นเกมการเมืองเพื่อหวังให้เกิดผลกระทบต่อรัฐบาล เพราะไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน สู้ไปตรวจสอบเรื่องการทุจริตผิดกฎหมายจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม อยากตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มกรีนนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมืองมากกว่าที่จะหวังผลในการตรวจสอบโครงการต่างๆ ของรัฐบาลแทนประชาชนใช่หรือไม่
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหากับกรมสอบสวนคดีพิเศษในวันที่ 13 ธ.ค.ว่า ถือเป็นการเริ่มต้นของคดีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะถูกแช่แข็งมานานตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่สำคัญเมื่อวันนี้นายอภิสิทธิ์ยอมรับกับ BBC สื่อชื่อดังระดับโลกว่ามีการใช้กระสุนจริงในการสลายการชุมนุมที่ผ่านมาด้วยนั้น เชื่อว่าสังคมไทยและสังคมโลกยอมรับไม่ได้ ที่ประชาชนออกมาเรียกร้องให้ยุบสภาแต่รัฐบาลกลับน่าจะมีการใช้กระสุนจริงกับประชาชน ดังนั้น หากมีการใช้กระสุนจริงกับประชาชนแล้วจะไม่ได้รับโทษนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเรื่องของข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่อยากให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม อยากให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างสำหรับผู้นำประเทศในอนาคตที่บริหารงานผิดพลาดจนทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิตจำนวนมากด้วยว่า รัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงหรือมีการใช้กระสุนจริงกับประชาชนนั้นต้องรับผลกรรมของตัวเอง ดังนั้น การที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าจะเล่นการเมืองอีก 10 ปีแล้วจะเกษียณนั้น เมื่อมีคดีนี้คงต้องบอกว่าน่าจะจบแล้ว