xs
xsm
sm
md
lg

ปีใหม่ฟ้าเปิด “ป๋าเปรม” กลับมาทวงสัญญาประชาคม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

สำหรับคอการเมืองต้องมองว่าการตบเท้าเข้าพบเพื่อขอพร “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในโอกาสปีใหม่ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ของบรรดาผู้นำเหล่าทัพที่นำโดย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่นำเข้าพบ กับคนที่ให้เข้าพบถูกมองว่าต่างเป็น “ตัวแทน” และยืนอยู่ตรงข้ามอย่างชัดเจน

ที่ผ่านมาหากยังจำกันได้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนขณะที่กำลังมีเรื่องอ่อนไหวเชื่อมโยงไปถึงโผโยกย้ายตำแหน่งสำคัญในกองทัพ โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมที่มีข่าวว่ามีการนำโผไปให้ “คนนั้นคนนี้ดูก่อน” จนมีการระบุว่าเป็นสาเหตุทำให้มีการปลด พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ พ้นจากตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแบบฟ้าผ่า จนมีเรื่องฟ้องร้องในศาลจนถึงบัดนี้ และในตอนนั้น พล.อ.เปรมก็ประกาศปิดบ้านสี่เสาฯ ชั่วคราว

แต่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ป๋าเปรมก็เปิดบ้านสี่เสาฯ อีกครั้งให้ พล.อ.อ.สุกำพลนำผู้บัญชาการเหล่าทัพ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชนิดที่เรียกว่า “ครบทีม” เป็นครั้งแรก และนี่ยังถือว่าเป็นการเข้าพบครั้งแรกของ พล.อ.อ.สุกำพลอีกด้วยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

หลายคนอาจมองว่านี่เป็นไฟท์บังคับก็ได้ในโอกาสช่วงปีใหม่ที่ต้องนำผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าคารวะ แต่ถ้าไม่มีการนัดหมาย หรือ “ไฟเขียว” เกิดขึ้นก็อาจมีการปิดบ้านต่อไปก็ได้

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณากันถึงเนื้อหาสาระในทุกคำพูดของ พล.อ.เปรม ที่ให้โอวาท ชาติเป็นหลัก และเตือน “ไม่ให้มองคนที่คิดต่างเป็นความผิด” มันก็ยิ่งน่าคิด เมื่อพูดต่อหน้า พล.อ.อ.สุกำพล พร้อมทั้งย้ำอีกว่าที่พูดนี่ไม่ใช่ “นโยบายของใครหรือแนวทางวางแผนของใคร” เพราะยิ่งบอกไม่ให้คิดมันก็ยิ่งคิดหนักขึ้นไปอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ยังมีความแตกต่างอยู่ในเวลานี้ แต่ นัยที่ พล.อ.เปรมกำลังส่งสัญญาณไปถึงนั้นมันต้องมาขบคิด เนื่องจากยังมีการเน้นย้ำและเตือนสติเกี่ยวกับ “สัญญาประชาคม” ของผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกองทัพบก ในเรื่องให้นึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

ที่สำคัญยังยืนยันว่าตัวเองยังเป็นทหารอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้รับคำชมก็พลอยดีใจไปด้วย แต่เมื่อทหารโดนเจ็บ ตนก็เจ็บเหมือนกัน!!

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในเชิงการเมืองแล้ว การเข้าพบเพื่อรับโอวาทของบรรดาผู้นำเหล่าทัพคราวนี้เหมือนกับเป็นการย้ำท่าทีบางอย่าง เป็นการส่งสัญญาณให้ชัดเจนขึ้น ทั้งกับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ในฐานะ ตท.10 ร่วมรุ่นกับ ทักษิณ ชินวัตร ในเรื่องความแตกต่างแต่อยู่ร่วมกันได้ ให้มองที่ชาติเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็ได้เตือนสติหรือทวงสัญญากับผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือเปล่าไม่ทราบที่ให้ตระหนักในเรื่อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับรู้กันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทหารและกองทัพถูกกระทำย่ำยีมาโดยตลอด จนหลายคนบอกว่าเวลานี้ศักดิ์ศรีของทหารกำลังถูกจงใจทำให้ถดถอย โดยตั้งข้อสังเกตได้จากคดีความที่ทหารระดับปฏิบัติกำลังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์เข้าควบคุมความสงบเรียบร้อยในระหว่างการก่อจลาจลเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2553 ขณะเดียวกัน ทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุการณ์ดังกล่าวคดีกลับไม่มีความคืบหน้า จนทำให้ครอบครัวญาติพี่น้องของบรรดาทหารที่สูญเสียดังกล่าวต้องทวงถามกับผู้บังคับบัญชาหลายครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่มีความคืบหน้า

อย่างไรก็ดี แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจเชื่อมโยงกันได้ว่าคำพูดของ พล.อ.เปรม ต้องการสื่อเฉพาะเจาะจงไปถึงเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่ความหมายในเรื่องของ “คำสัญญาประชาคม” ที่ว่าเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ย่อมผูกพันไปถึงผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเลี่ยงไม่ได้ และเรื่องแตกต่างแต่ไม่แตกแยกสามารถอยู่ร่วมกันได้ก็เป็นการพูดต่อหน้า พล.อ.อ.สุกำพลด้วย รวมทั้งเรื่องขวัญกำลังใจของทหาร ทุกอย่างถือว่าเป็นสาระสำคัญที่ พล.อ.เปรมต้องการสื่อออกไป

แต่อีกด้านหนึ่ง หากพิจารณากันถึงท่าทีของ พล.อ.เปรม เท่าที่เห็นในตอนนี้ดูเหมือนกับว่ามีความพร้อม มีความมั่นใจผิดสังเกต ทั้งน้ำเสียงถ้อยคำในทุกคำพูดล้วนแล้วแต่ตั้งใจเป็นพิเศษและตรงตัวมากกว่าทุกครั้ง ความหมายเหมือนกับว่าที่ผ่านมาได้ “จัดระเบียบภายใน” ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมเผชิญหน้าทุกรูปแบบ

และหากพิจารณาจากสีหน้าท่าทางเท่าที่เห็นก็ต้องบอกว่ากระฉับกระเฉงกว่าก่อนหน้านี้ หรือว่าปีใหม่ฟ้าเปิด พร้อมรุกตีโต้กลับ อาจมีความหมายแบบนั้นก็เป็นได้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น