“สมจิตต์” หวั่นคุกมีไว้ขังหมากับคนจน จัดอีกความจริงคดีที่ดินรัชดาฯ บ่งชัด “ทักษิณ” โยนบาป คตส. จับมือสื่อไร้จรรยาบรรณบางเครือปั้นเรื่องบิดเบือนให้ดูเหมือนถูกกลั่นแกล้งจากรัฐประหาร และกระบวนการพิจารณาคดีไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม พร้อมปลุกคนไทยอย่ายอมให้ทรราชทำลายระบบยุติธรรมไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 31 ธ.ค. น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสายการเมือง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ในหัวข้อ “ทำไมทักษิณต้องติดคุก” ดังนี้
“มีความจริง 20 เรื่องที่คนไทยควรจะได้ทราบเกี่ยวกับคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการปั่นกระแสว่าถูกกลั่นแกล้งจากรัฐประหาร และกระบวนการพิจารณาคดีไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม นิติรัฐ เพื่อจะได้พิจารณาด้วยเหตุและผลว่า มายาภาพที่สร้างให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดูน่าสงสารเพราะถูกกระทำจากรัฐประหารนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ความจริงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกับสื่อไร้จรรยาบรรณช่วยกันบิดเบือนก็คือ “ที่ทักษิณต้องติดคุกเพราะทำผิดกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมไทยให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวอย่างเต็มที่แล้ว”
1. ทักษิณเดินทางกลับมาประเทศไทย หลังสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ ประกาศมั่นใจกระบวนการยุติธรรมขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์เดินขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยไม่มีใครบังคับ จึงเป็นจุดเริ่มต้นนับหนึ่งในการไต่สวนคดีนี้ ทั้งที่ ทักษิณ รู้ดีว่า คตส.คือผู้รวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการสูงสุดยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ
2. การอ้างว่า คตส.เป็นผลไม้พิษจาก คมช.จึงฟังไม่ขึ้น เพราะ ทักษิณ ยอมรับกระบวนการนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วคดีจึงเดินหน้าได้ แตกต่างจากอีก 5 คดีที่เดินหน้าไม่ได้เพราะ ทักษิณ ไม่ยอมมาปรากฏตัวต่อศาลจนถูกออกหมายจับ
3. คตส.ดำเนินการตามกฎหมายปกติที่มีผลบังคับใช้ก่อนการรัฐประหารและใช้บังคับเป็นการทั่วไป คือ กฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 ที่ออกตั้งแต่ปี 2542 ไม่ใช่กฎหมายใหม่ที่ออกมาเพื่อเอาผิดทักษิณเป็นการเฉพาะภายหลังการรัฐประหาร การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมจึงเป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมตามระบบตุลาการ เพราะ คตส.มิได้เป็นคนตัดสินเป็นเพียงผู้รวบรวมพยาน หลักฐานเท่านั้น
4. คดีที่ดินรัชดาฯ ผู้ยื่นฟ้องคือ อัยการสูงสุด ไม่ใช่ คตส.ยื่นฟ้องเอง ดังนั้นคดีนี้ นอกจากดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายปกติแล้ว ยังมีอัยการร่วมกลั่นกรองก่อนส่งฟ้องต่อศาลอีกชั้นหนึ่งด้วย
5. ศาลฎีกาฯใช้ระบบการไต่สวนสามารถเรียกพบานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาตามสำนวนที่ คตส.หรืออัยการสรุปยื่นฟ้องเท่านั้น
6. ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี เพราะทักษิณทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 “เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง”
7. การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เซ็นรับรองการซื้อขายที่ดินดังกล่่าวจึงถือว่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย ปปช.มาตรา 100 คือ เป็นเจ้าพนักงานรัฐเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง ในที่นี้หมายถึงประโยชน์ของภรรยาซึ่งตามกฎหมายถือเป็นบุคคลคนเดียวกันในการซื้อที่ดินดังกล่าว
8. ศาลยกคำร้องคุณหญิงพจมาน เพราะไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่เข้าข่ายการกระทำควาผมิดตามมาตรา 100 ของกฎหมาย ป.ป.ช.ทั้งที่อัยการฟ้องคุณหญิงพจมานในความผิดฐานเป็นตัวการร่วมด้วย แต่ศาลก็มิได้ตัดสินตามคำฟ้องทั้งหมด เท่ากับศาลได้ใช้ดุลพินิจอย่างอิสระในการพิพากษา จึงเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นที่กล่าวหาว่าเพราะที่มาขอคดีมาจาก คตส.ซึ่งมากจากรัฐประหารจึงทำให้คดีนี้พิจารณาโดยขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม เนื่องจากหากเป็นเช่นนั้นจริงศาลย่อมมีคำสั่งตามคำฟ้องทุกประการ มิใช่ยกฟ้องในบางกรณีดังที่กล่าวแล้วในข้างต้น
9. ศาลไม่ลงโทษ ทักษิณ ในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 152 และมาตรา 157
10. ศาลไม่ริบที่ดินรัชดาคืนแผ่นดินตามคำร้องของอัยการแต่ให้การซื้อขายที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น
11. ทักษิณใช้บัตรนายกรัฐมนตรีร่วมลงนามยินยอมให้ คุณหญิงพจมานซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ มูลค่า 772 ล้านบาท
12. ในระหว่างการไต่สวน 10 มิ.ย. 51 ทีมทนายความทักษิณถุงขนมใส่เงิน 2 ล้านไปให้เจ้าหน้าที่ศาล แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับมีการแจ้งความดำเนินคดี
13. 25 มิ.ย. 51 ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุก พิชิฏ ชื่นบาน และพวก 6 เดือนฐานละเมิดอำนาจศาลและระบุในคำพิพากษาด้วยว่า “คดีนี้น่าจะเข้าข่ายการติดสินบน ให้มีการดำเนินคดีแยกต่างหาก”
14. 7 ม.ค. 52 อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง พิชิฏและพวกในคดีติดสนบนโดยอ้างว่าคดีไม่ครบองค์ประกอบความผิด
15. กายสิทธิ์ พิศวงประการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญาที่สั่งไม่ฟ้อง พิชิฏ คือคนเดียวกับที่สั่งไม่ฟ้อง จักรภพ เพ็ญแข ในคดีหมิ่นเบื้องสูง
16. ในชั้นไต่สวนศาลเปิดโอกาสให้ ทักษิณ สู้คดีอย่างเต็มที่ในทุกประเด็นรวมทั้งอำนาจตามกฎหมายของ คตส.ด้วย
17. หลังการตัดสินมีการประมูลที่ดินรัชดาใหม่ ส.ค. 54 ในราคา 1,815 ล้านบาท สูงกว่าที่คุณหญิงพจมานประมูลครั้งแรก 772 ล้านบาทถึง 153% ในเวลาต่างกัน 8 ปี ตอกย้ำถึงความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการประมูลราคาครั้งแรกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
18. หลังศาลฎีกามีคำวินิจฉัยให้การซื้อขายที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะ กองทุนฟื้นฟูฯยื่นต่อศาลแพ่งให้คุณหญิงพจมานคืนที่ดิน ต่อมาศาลแพ่งตัดสินให้คุณหญิงพจมานคืนที่ดินกองทุนฟื้นฟูและให้กองทุนฟื้นฟูฯคืนเงินให้คุณหญิงพจมานพร้อมดอกเบี้ย 7.75%
19. การกล่าวอ้างว่าคุณหญิงพจมาน ชนะในคดีศาลแพ่งทำให้ทักษิณไม่มีความผิดในคดีอาญาที่ศาลฎีกาได้พิพากษาไปแล้วจึงเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง เพราะศาลแพ่งได้พิจารณาตามแนวคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้การทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ เท่ากับให้ที่ดินกลับสู่สถานะเดิมคือเป็นของกองทุนฟื้นฟูเหมือนไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นทางคดีแพ่ง มิได้เกี่ยวกับการกระทำผิดในคดีอาญาที่สมบูรณ์ไปแล้วตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 ดังที่กล่าวในข้างต้น
20. ศาลฎีกาฯ ยังได้ตัดสินคดีที่ คตส.ยื่นฟ้องอีกหลายคดีโดยที่มีทั้งยกฟ้องและดำเนินคดี เช่น กรณีหวยบนดิน ดำเนินคดีในส่วนครม.เฉพาะ นายวราเทพ รัตนากร รมช.คลัง ส่วน รมต.คนอื่นยกฟ้อง เว้น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จำหน่ายคดีชั่วคราวรอการจับตัวมาขึ้นศาล ซึ่งมีอายุความ 15 ปี
คนไทยจะยอมให้คุกมีไว้ขังหมากับคนจนเท่านั้นหรือ
ทักษิณต้องติดคุกอย่ายอมให้ทรราชทำลายระบบยุติธรรมไทย”
