“เรืองไกร” ขาประจำ โผล่ กกต.ยื่นสอบ “อภิสิทธิ์” เขียนจดหมายล้มประชามติ เข้าข่ายหลอกลวงไม่ให้ไปใช้สิทธิหรือไม่ แถมถามกลั่นแกล้งเพื่อไทยมั้ย พร้อมซักต่อ ปชป.ปฏิปักษ์ประชาธิปไตยหรือไม่ ยันเป็นความผิดไปแล้วแม้ยังไม่ได้มีประกาศทำประชามติ
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เข้ายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีทำจดหมายเปิดผนึกถึงคนไทยทั้งประเทศเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ให้ร่วมกันล้มประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลว่าเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียงตามมาตรา 43 (3) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2552 หรือไม่ เข้าข่ายเป็นการกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทยตามมาตรา 104 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2550 และถือเป็นการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์อันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นมุข ตามรัฐธรรมนูญ ตามความในมาตรา 94 (3) แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 50 หรือไม่
โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ทำจดหมายเปิดผนึกถึงคนไทยผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเองระบุว่าให้คนไทยร่วมกันล้มประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่านายกฯ ทำประชามติเพราะต้องการรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อหวังลบมาตรา 309 เพื่อล้มคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงตามมาตรา 43 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพราะเจตนาการทำประชามติของรัฐบาลก็เพียงต้องการทราบว่าประชาชนจะเห็นด้วยต่อการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น อีกทั้งยังพบว่าในวันที่ 18-19 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์พูดผ่านรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกาย ชาแนล กล่าวหาพรรคเพื่อไทยว่าต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 เพื่อล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าข่ายเป็นการกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทยโดยปราศจากมูลความจริงมีความผิดตามมมาตรา 104 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2550 และถือว่าการกระทำทั้งหมดจะถือเป็นถือเป็นการกระทำของพรรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองตามมาตรา 94 (3) พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปีด้วย
ทั้งนี้ นายเรืองไกรยังเห็นว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่มีประกาศราชกิจจานุเบกษาให้มีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำของนายอภิสิทธิ์ก็ถือเป็นความผิดแล้ว เพราะขณะนี้มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 18-22 /2555 ที่ระบุว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรมีการทำประชามติก่อน ซึ่งที่ตนร้องเป็นการให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดตามมาตรา 94 (3) และมาตรา 104 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งบังคับใช้ทั่วไปอยู่แล้ว